มิ้งคือเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่ผมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่ไม่ใช่ในเชิงรักใคร่หวานซึ้งอะไรมากมาย
มิ้งเป็นนักวิ่งมาตั้งแต่ช่วง ป.1-2 เพราะเธอมีสรีระสูงใหญ่และมีแขนขายาวกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน
ตอนนั้น มิ้งตัวสูงพอๆ กับแป้งและเพลิน แน่นอน เธอสูงกว่าผมและวรรณค่อนข้างเยอะ
ขึ้น ป.4 ดูเหมือนวรรณจะเริ่มไล่มิ้งทัน และพอถึง ป.5 ตัวเลขในสมุดพกก็ระบุชัดว่า ส่วนสูงของวรรณแซงหน้ามิ้งไปแล้ว
เมื่อขึ้น ป.6 ซึ่งมิ้งได้อยู่ห้องเดียวกับวรรณ ความสูงสง่าของวรรณก็เบียดมิ้งตกลงไปเป็นอันดับสองเวลายืนแถวเคารพธงชาติ
มิ้งจึงตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายคลึงกับผม หรือจริงๆ แล้ว กรณีของเธออาจดูย่ำแย่เสียเชิงกว่าด้วยซ้ำ ในฐานะคนเคยสูงกว่าวรรณมานานหลายปี ก่อนจะพลาดท่าเสียที ณ สองปีสุดท้าย
ตอนเริ่มเรียน ป.6 ใหม่ๆ มิ้งไม่ยอมรับเรื่องที่เธอตัวเตี้ยกว่าวรรณ
เมื่อเธอรับรู้แบบระแคะระคายมาบ้างว่าผมก็มีปมเรื่องที่โดนวรรณแซงหน้าในสมรภูมิส่วนสูงเช่นกัน มิ้งจึงเป็นคนหนึ่งซึ่งชอบแอบมานินทาวรรณให้ผมฟัง
มิ้งบอกกับผมว่าเธอไม่เชื่อในตัวเลขส่วนสูงของวรรณที่ครูวิชาพลศึกษากรอกลงสมุดพก เธอกล่าวหาว่าวรรณอาจขี้โกง เช่น แอบเขย่งเท้าขณะวัดส่วนสูง หรือแอบขอให้ครูพละช่วยเพิ่มส่วนสูงเป็นกรณีพิเศษ เพราะวรรณมีแม่เป็นครูเหมือนกัน
ยิ่งพอเกิดประเด็นข้อผิดพลาดในการวัดส่วนสูงของนักเรียนชั้น ป.5/2 เมื่อปีที่แล้ว มิ้งก็ยิ่งนำเอาความพลั้งพลาดทางเทคนิคครั้งนั้นมาสนับสนุนความเชื่อที่ว่า วรรณสูงกว่าเธอแค่ในสมุดพก ไม่ใช่ใน “โลกความจริง”
อย่างไรก็ตาม เวลาวรรณกับมิ้งยืนตรงเข้าแถวเคารพธงชาติใกล้ๆ กัน ทุกคนต่างก็ประจักษ์ใน “ความจริง” ที่ว่า วรรณตัวสูงกว่ามิ้ง
ผมกับมิ้งเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนเธอกล้าเปิดเผยเรื่องราวลับๆ ของตัวเองให้ผมฟัง เช่น ผมน่าจะเป็นหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คน ที่ได้รับรู้ว่าแม้มิ้งจะถูกคัดเลือกเป็นนักกีฬาเพราะมีโครงสร้างร่างกายสูงใหญ่มาตั้งแต่ชั้น ป.1 ทว่า เธอกลับมีนิสัยเสียตรงที่ไม่ชอบดื่มนมเอาเลย
มิ้งมักแอบเอานมโรงเรียนไปเททิ้งในห้องน้ำอยู่เป็นประจำ และสารภาพกับผมว่าตัวเธอเองไม่เคยดื่มนมที่บ้านมานานหลายปีแล้ว
ผมเริ่มทราบเหตุผลว่าทำไมใน “ทางยาว” ของสงครามส่วนสูง มิ้งจึงสู้วรรณไม่ได้
แต่มิ้งก็ยังไม่ลดละความพยายาม
หลังเปิดเทอมสอง มิ้งแอบชวนผมไปนั่งพูดจาปรับทุกข์ตามปกติ
เธอตั้งคำถามเชิงยุยงว่า ผมไม่รู้สึกแปลกใจบ้างหรือ? ว่าทำไมวรรณที่เคยตัวเท่าๆ ผม ถึงได้สูงเอาๆ เกินหน้าเกินตาเพื่อนร่วมรุ่นส่วนใหญ่
พอมิ้งตั้งโจทย์เช่นนั้น ผมก็เริ่มเขว เพราะในการวัดส่วนสูงครั้งที่สามประจำปีการศึกษา วรรณสามารถฉีกหนีแป้งกับเพลินได้สำเร็จ
กล่าวคือ ขณะที่ผมสูง 155 ซม. มิ้งสูง 157 ซม. แป้งกับเพลินสูง 158 ซม. วรรณกลับสูงถึง 159 ซม. เรียบร้อยแล้ว
เท่ากับว่าวรรณกลายเป็นเบอร์สาม “เดี่ยวๆ” ของระดับชั้น และเตี้ยกว่าเพียงบิ๊กที่สูง 161 ซม. และสุที่สูง 162 ซม.
มิ้งเปิดใจต่อว่า ถึงแม้เธอจะไม่ชอบดื่มนม แต่ยังกินอาหารครบห้าหมู่ และระหว่างเก็บตัวก่อนการแข่งขันกรีฑากับโรงเรียนอื่นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ครูพละก็จัดแจงให้เธอโด๊ปไข่ต้มทุกเช้า
แล้วทำไมนักกีฬารูปร่างแข็งแรงที่เคยตัวสูงกว่าวรรณอย่างเธอ ถึงกลับกลายมาเป็นเบอร์สองรองจากลีดฯ คนสวย เวลายืนเข้าแถวเคารพธงชาติ?
“วรรณไปแอบกินยาเพิ่มความสูงมารึเปล่า?”
ทฤษฎีสมคบคิดนี้ผุดขึ้นในหัวผม หลังรับฟังข้อสังเกตของมิ้ง
ผม “อิน” กับแนวคิดนี้ จนนำไปสาธยายบอกเล่าให้เพื่อนหลายคนรับฟัง
แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็เดินทางไปถึงหูของวรรณอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนัก วรรณก็มาดักพบผมหน้าตึกเรียนด้วยแววตาอาฆาตดุดัน
“ไหน แกบอกว่าใครกินยาเพิ่มส่วนสูง?” ถามเสร็จ เธอก็ตบกบาลผมหนึ่งที โดยไม่รอฟังคำตอบ
“สูงสู้คนอื่นไม่ได้ ก็อย่าปล่อยข่าวลือสิ เอาเวลาไปดื่มนม ว่ายน้ำ เล่นบาสฯ ไป๊! ไอ้เตี้ย”
พูดเสร็จ เธอก็เบิ๊ดกะโหลกผมซ้ำ แล้วเดินจากไป
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in