เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
โรงเรียนประถมฯ ผมกับวรรณ และส่วนสูงของเราเปลวเพลิง ปะทัพพิรุณ
ป.5 (3)
  • เปิดเทอมปลาย ส่วนสูงและสถานะ “ดาวโรงเรียน” ของวรรณยังพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง

    จากการเป็นเชียร์ลีดเดอร์รุ่นเล็กสมัย ป.4 พออยู่ ป.5 วรรณ พร้อมกับแป้งและเพลิน ก็ได้รับคัดเลือกเป็นเชียร์ลีดเดอร์รุ่นใหญ่ของโรงเรียน ที่ตัวโตสูสีกับพี่ๆ ผู้หญิง ป.6 

    ผมชักเริ่มไม่แน่ใจว่าตนเองยังเตี้ยกว่าวรรณ 2-3 เซนติเมตรตามเดิม หรือระยะห่างจะถูกถ่างออกมากกว่านั้น

    กลางภาคเรียนที่สอง โรงเรียนพานักเรียนชั้น ป.5 และ ป.6 ไปเข้าค่ายลูกเสือ-ยุวกาชาด ที่ต่างจังหวัด 

    จากประวัติด้านการเรียนและโครงสร้างทางกายภาพอันโดดเด่น ผมกับวรรณจึงถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่นายหมู่ลูกเสือและหัวหน้าหน่วยยุวกาชาด 

    แล้วก็เป็นเหตุบังเอิญอย่างร้ายกาจ ที่คุณครูดันจับสลากเลือกเราสองคนเป็นผู้เชิญพานดอกไม้-พวงมาลัย ไปมอบแด่ประธานในพิธีกรรมรอบกองไฟ

    ด้านหนึ่ง ผมรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ ที่ได้กลับมาทำกิจกรรมร่วมกับวรรณอีกหน 

    แต่อีกด้าน ผมก็รู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับวรรณ ความรู้สึกเช่นนั้นได้ถูกตอกย้ำชัดขึ้น ระหว่างที่ผมและเธอกำลังเดินมุ่งหน้าไปหาประธานในพิธี 

    ผมค้นพบว่าตนเองเตี้ยกว่าวรรณเยอะจริงๆ ระยะห่างความสูงระหว่างเรามันขาดลอยมากเสียจนถ้ามีใครประกาศขึ้นว่าผมคือน้อง ป.5 ส่วนวรรณคือพี่ ป.6 ทุกคนก็คงเชื่อในคำกล่าวนั้น

    ขณะเดินผ่านกองไฟกลางสนาม จิตใจของผมแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะมัวแต่ละอายในส่วนสูงอันต่ำเตี้ยของตน

    มิหนำซ้ำ ช่วงเย็นของวันต่อมายังเกิดเหตุการณ์น่าอายขึ้นกับผม นั่นคือ หลังอาบน้ำพร้อมพี่ๆ เพื่อนๆ นักเรียนชายเสร็จ ผมก็นุ่งผ้าขาวม้าเพื่อจะเดินจากห้องน้ำกลับไปยังเต็นท์ที่พัก ปรากฏว่าระหว่างทาง ผ้าขาวม้าของผมดันหลุดออกและรูดตกลงที่พื้น

    ผมจึงกลายเป็นเด็กเปลือยล่อนจ้อน ท่ามกลางสายตาของบรรดาครู และเพื่อนๆ พี่ๆ ผู้หญิง รวมทั้งวรรณ ที่พากันส่งเสียงหัวเราะเฮฮาคล้อยหลังตามมา

    พอกลับจากการเข้าค่าย ครูผู้รับหน้าที่ช่างภาพประจำโรงเรียนก็เกิดใจดี อัดรูปถ่ายตอนผมเดินคู่กับวรรณในพิธีกรรมรอบกองไฟมามอบให้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น 

    ในรูปภาพดังกล่าว ปลายยอดศีรษะของผมเทียบเคียงได้กับบริเวณกลางหน้าผากของวรรณเพียงเท่านั้น

    ผมรู้สึกอับอายอย่างหนัก จนต้องแอบเอารูปที่คุณครูอุตส่าห์อัดมาให้ฟรีๆ ไปฉีกทำลาย       แล้วเขวี้ยงทิ้งลงถังขยะ ราวกับมันเป็นสิ่งของไร้ค่าน่ารังเกียจ

    ผมไม่ต้องการให้ใครอื่นมีโอกาสได้เห็นรูปถ่ายแสนทุเรศใบนั้นอีกตลอดไป และผมก็บรรลุภารกิจเรียบร้อยแล้ว

    แต่บาดแผลอีกจุดหนึ่งของผมยังไม่แห้งหายเสียทีเดียว

    เย็นหนึ่ง หลังกลับจากเข้าค่ายประมาณหนึ่งสัปดาห์ ผมยืนคุยกับครูวิชาพลศึกษาตรงประตูโรงเรียน ก่อนที่วรรณจะเดินผ่านมา

    วรรณทักทายครู และหันมาพูดจาเยาะเย้ยผมว่า “คนอะไรนุ่งผ้าขาวม้ายังไม่เป็นเลย”

    ทีแรก ผมรู้สึกโกรธและตั้งใจจะตอบโต้ แต่เมื่อต้องพยายามเงยหน้าขึ้นเพื่อจ้องตาวรรณ ผมก็ได้ตระหนักซ้ำอีกครั้งว่า ตนเองเตี้ยกว่าเธอมากมายเหลือเกิน

    มากเสียจนผมไม่กล้าพูดจาต่อล้อต่อเถียงกลับไป และทำได้เพียงสงบปากเสียงด้วยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in