เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[Fic : Venom x Eddie] : RETURNnarscel
[Fic : Venom x Eddie] Return Ep. 03 : Failure
  • Author’s Note : มาเป็นตอนของเวน่อมบ้าง ตอนนี้มีแทค #VeddieReturn ไว้ให้เม้าๆพูดคุยกันนะคะ ไม่รู้ว่าโอเครึเปล่า เป็นพล็อตสั้นๆ ที่ได้ตอนดูจบน่ะค่ะ

    Pairing : Venom x Eddie

    Warning : LGBT , Boy's Love , ฟิควาย , *Spoiler Alert* for Venom 2018 , Tentacle , Unconsents , Rapes 

    ………………………………………………………………..

    RETURN – Ep. 03 : Failure

    ………………………………………………………………..

                ฉันคือเวน่อม... หนึ่งในจิตวิญญาณนักรบแห่งคลินทาร์ เผ่าพันธุ์ซึ่งมักถูกเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘ซิมบิโอต’ พวกเราแข็งแกร่ง แต่พลังส่วนใหญ่ยังมีข้อจำกัด ยิ่งในสภาพแวดล้อมบนดาวที่ต่างออกไปก็ยิ่งเสี่ยง ตราบเท่าที่ไม่สามารถหาร่างโฮสต์ที่เข้ากันได้ พวกเราจะค่อยๆ อ่อนแอลงและถึงตายเอาง่ายๆ

               มีซิมบิโอตอีกหลายล้านตัวบนดาวคลินทาร์ ที่ยังคงเฝ้ารอการรวมร่างกับโฮสต์ที่เข้มแข็งและเหมาะสม แล้วโชคก็เข้าข้าง... ภายใต้การนำของไรออท ซิมบิโอตชนชั้นผู้นำตัวหนึ่ง เขาหลอกใช้สิ่งมีชีวิตกลุ่มหนึ่งให้พาพวกเราบางส่วนกลับไปยังดวงดาวของพวกมัน กลุ่มของเราคือผู้บุกเบิกเพื่อไปตามหาร่างโฮสต์ที่เข้ากันได้บนดาวดวงนั้น แน่นอนว่า พวกที่ถูกเลือกเป็นโฮสต์จะถูกพวกเราเข้าขี่และควบคุม ส่วนที่เหลืออีกกว่าครึ่งจะกลายเป็นอาหาร... หากดาวดวงนั้นมีสภาพแวดล้อมและโฮสต์ที่เหมาะสม มันจะถูกสร้างเป็นรังเพื่อให้พวกเราขยายเผ่าพันธุ์ และเมื่อหมดประโยชน์ มันก็จะถูกพวกเราทำลายทิ้งซะ...

                ...ทั้งหมดคือแผนที่ถูกวางไว้แล้ว...

                ...แล้วมันเริ่มผิดแผนตั้งแต่ตอนไหนน่ะเหรอ?... ม่ายยย... ไม่ใช่ตอนที่ฉันรวมร่างกับไอ้ขี้แพ้ เอ็ดดี้ บร็อค หรอกนะ มันเริ่มขึ้นก่อนหน้านั้น ก่อนหน้าที่ฉันจะได้เจอหมอนั่น... แต่เป็นยัยผู้หญิงที่ชื่อมาเรียนั่นต่างหาก...

                พวกเราต้องการร่างที่เข้มแข็ง โดยไม่เกี่ยงเพศสภาพ จะเป็นหญิงหรือชายก็ได้ เพราะสิ่งที่พวกเราต้องการไม่ใช่ความเข้มแข็งทางด้านร่างกาย แต่เป็นความเข้มแข็งในจิตใจอย่างความมุ่งมั่นอันแรงกล้า เพราะมันคือความเข้มแข็งที่จะช่วยให้เจ้าของร่างโฮสต์ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอด ในช่วงที่ร่างกายกำลังปรับสภาวะเข้าหากันกับซิมบิโอตอย่างพวกเราต่างหาก

                มาเรียเป็นโฮสต์ที่เกือบใช้ได้ แต่ก็แค่ ‘เกือบ’... หล่อนโง่เกินไป คิดดูสิว่าต้องสิ้นคิดแค่ไหน ถึงใช้หนังสือพิมพ์ฟรีเป็นเหยื่อเพื่อหาโอกาสคุยกับเจ้าหนุ่มที่หล่อนแอบปลื้ม... มาเรียเรียกมันว่าความชื่นชมหลงใหล หึ!... ไม่รู้หลงเข้าไปได้ไง คนขี้แพ้แบบนั้น

                หมอนั่นตกงานมากว่าหกเดือน ตัวเองไม่มีจะกินอยู่แล้ว ยังมีหน้าควักเงินยี่สิบเหรียญจ่ายเป็นค่าหนังสือพิมพ์ฟรี ที่ถูกโขกราคาเหนาะๆ เป็นห้าเหรียญแบบนั้น...

                ในการพยายามหลอมรวมกับโฮสต์ สิ่งที่พวกเรารับเอามา มีทั้งทักษะ ความสามารถ ความคิด และความทรงจำ จุดอ่อนอย่างหนึ่งของซิมบิโอตอย่างพวกเราซึ่งฉันโคตรเกลียดเลยก็คือ... การต้องรับเอากระทั่งความรู้สึกอันไร้ประโยชน์ และเกินความจำเป็นพวกนี้หลอมรวมเข้ามาด้วยนี่ล่ะ

                ...เอ็ดดี้ บร็อค จึงไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับฉัน ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน...

                การรวมร่างที่ยังไม่สมบูรณ์ผลาญพลังงานเราทั้งคู่อย่างบ้าคลั่ง ฉันยังต้องอดใจพยายามไม่กินตับอ่อน หัวใจ ม้าม ไตของเจ้านี่อยู่ตลอด ทรมานจะแย่ แค่นั้นไม่พอ ไหนจะต้องคอยใช้พลังรักษาอาการล้มเหลวของอวัยวะทั้งหลายของหมอนี่ให้ฟื้นตัวไปด้วย พลังงานหาเติมได้ไม่เท่าไหร่ กลับต้องควักออกมาใช้แบบไม่บันยะบันยังอีก ดีแค่ไหนแล้วที่มีฉันคอยดูแลเยียวยาร่างกายมัน

                แล้วเจ้านั่นก็โง่เง่าอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด... สะดุดล้มหัวโขกอ่างจนน็อคไปงี้... ทั้งที่เตือนแล้วว่าอย่าเปิดประตูก็ดันไปเปิดรับศัตรูเข้ามางี้ แล้วแทนที่จะเตรียมสู้ยังมัวมาชูมือทำเบื๊อกอะไรไม่รู้อีก... เวรเอ๊ยยย... เดือดร้อนฉันอีกไหมที่ต้องคอยคุ้มกะลาหัว ไม่งั้นมันคงได้ตายสมใจ ยังจะกล้ามาเรียกฉันว่าปรสิตอีก!

                นอกจากจิตใจที่มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวแล้ว เจ้ามนุษย์ที่ชื่อเอ็ดดี้ก็ไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงคำว่าแข็งแกร่งเลย อย่าว่าแต่กระสุนปืน หรือเศษกระจกเลย กะอีแค่ถูกกระแทกแรงๆ เข้าหน่อย ขาแข้งหมอนี่ก็พร้อมจะหักเสียแล้ว ทั้งร่างกายเหมือนพร้อมจะบาดเจ็บอยู่ตลอด มันเรียกร้องให้ฉันต้องโอบอุ้มดูแลไปซะหมด

                ตอนที่เห็นหมอนี่ทิ้งดิ่งจากยอดตึกก็เหมือนกัน ฉันถึงได้ใจหายวูบ เสียงความถี่สูงตอนนั้นฉีกกระชากร่างของเราออกจากกัน ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังต้องกัดฟันรวบรวมพลัง พุ่งตัวตามร่างที่ร่วงลิ่วลงไปก่อนหน้า แล้วคว้าร่างเจ้านั่นไว้ให้ทัน เพราะรู้ดีว่าหากปล่อยให้ตกลงไปถึงพื้น ร่างของหมอนั่นคงได้แหลกสลายเกินกว่าฉันจะรักษาให้กลับมาใช้เป็นโฮสต์ได้แน่

                ‘ร่างกายแกมันดีเว่อร์ ฉันไม่ทิ้งง่ายๆ หรอก อีกอย่าง...’

                หรือบางที... ฉันคง...

                ‘ฉันชักเริ่มชอบแกแล้ว...’

                …เป็นไปตามคาด... หมอนี่โง่เกินกว่าจะเข้าใจสิ่งที่ฉันบอก หรือไม่ก็อาจเพราะ... ในหัวเอ็ดดี้ยังคงมีแต่เรื่องของแอนนี่...

                โอเค... ฉันชอบเธอ เหมือนๆ กับที่เอ็ดดี้รู้สึกนั่นล่ะ แต่มันต่างไปบ้างตรงที่ ความทรงจำที่เคยมีความสุขกลับถูกห่อหุ้มด้วยความเศร้า ลึกๆ ก็ใช่ว่าเอ็ดดี้จะไม่รู้สึกผิด ที่เขาไปทำลายความไว้ใจของอีกฝ่าย พอมีโอกาสอยู่ด้วยกันสามต่อสอง ฉันเลยยุให้เขาเอ่ยปากในสิ่งที่ยังติดค้างในใจ และมันก็ได้ผล แม้แอนนี่จะบอกปัด แต่เราก็รับรู้ได้ว่าเธอเริ่มใจอ่อนกับเราขึ้นมากแล้ว ฉันได้แต่กอดร่างสั่นเทาเบาๆ ของเอ็ดดี้ไว้อย่างเงียบๆ หวังว่าจะช่วยให้เขาจะรู้สึกดีขึ้นบ้าง ก็ไม่รู้ว่าเขาจะรับรู้มันไหม...

                ‘แกจะฆ่าฉันเหรอ? ไหนว่าเราเป็นเรา! ไหนว่าเราเป็นเรา!’

                ในโรงพยาบาล เอ็ดดี้ชี้นิ้วกล่าวหาฉันอย่างครุ่นแค้น หลังเข้าใจผิด หาว่าฉันหลอกใช้ร่างกายเขา เสียงปฏิเสธดังก้องในตัวฉัน แต่ไม่สามารถสื่อไปถึงเอ็ดดี้ได้อีก เมื่อคลื่นจากอุปกรณ์ประหลาดบังคับแยกเราออกจากกัน แถมยังมีผนังกระจกกางกั้นระหว่างเราทั้งคู่

                ฉันยังฟื้นฟูร่างกายให้เอ็ดดี้ไม่เต็มร้อย และถ้าไม่มีฉันเขาจะตาย!

                ฉันพุ่งชนผนังกระจกเต็มแรง แต่ก็ไม่สามารถพังมันออกไปได้ ร่างของเอ็ดดี้พ้นสายตาไปไหนแล้ว ไม่มีเวลาให้คิดให้ตัดสินใจอะไรอีก ฉันหนีจากห้องกระจกนั่นผ่านทางช่องอากาศ จังหวะดีที่มีเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยโผล่มาให้ขี่พอดี มันดูน่ากินชะมัด ถ้าไม่เพราะฉันกำลังต้องการโฮสต์ที่ขนาดไม่ใหญ่จนเกินพลังงานที่มีในตอนนี้ล่ะก็ ฉันคงกินมันไปแล้ว แต่ถึงจะรีบตามหาเอ็ดดี้ กว่าจะเจอตัวก็ได้แต่ยืนดูเอ็ดดี้ถูกพาไปต่อหน้าต่อตา ฉันในตอนนั้นไม่มีพลังมากพอจะช่วยเขาได้ เพราะงั้นความผิดพลาดครั้งที่สองจึงเกิดขึ้น...

                ...แอนนี่ เวย์อิ้ง... คือโฮสต์คนที่สอง... ที่หลงรักเอ็ดดี้ บร็อค...

                ความทรงจำอันเร่าร้อน และน่ารักของเจ้านั่นทะลักล้นมาสู่ฉันอย่างไม่ทันตั้งตัว จนบางทีก็เกือบจะรู้สึก... อิจฉา?... ฉันกับแอนนี่ เรารีบรุดไปตามเบาะแสที่หลงเหลือในความทรงจำ โชคยังดีที่เราเจอเอ็ดดี้พอดีบริเวณป่าด้านหลังซึ่งเราวางแผนจะแอบเข้าไป

                ตอนที่เห็นเอ็ดดี้ถูกอัดจนทรุด ความรู้สึกอยากฟาดปากเจ้าพวกนั้นให้เลือดกบก็พลุ่งพล่านขึ้นมา เราจัดการเจ้าพวกนั้นอย่างสาสม จากนั้นเมื่อได้ตัวเราก็เลือกที่จะประกบปากตักตวงจากเอ็ดดี้อย่างเร่าร้อน ภาพความทรงจำเย้ายวนให้ฉันลิ้มลองสัมผัสของจริงดูบ้าง มันยังคงก้ำกึ่งว่าความรู้สึกในตอนนั้นเป็นของฉันหรือของแอนนี่ แต่ในขณะที่แอนนี่กำลังรู้สึกผิดต่อแดน ในหัวฉันกลับมีแต่เจ้าของริมฝีปากตรงหน้า

                ...ความทรงจำของเอ็ดดี้เกี่ยวกับไรออทไหลบ่าเข้ามาทันทีที่เรากลับมาเป็นเราอีกครั้ง มันเหมือนถูกค้อนยักษ์ทุบใส่ยังไงยังงั้น... ไรออทยังคงเดินหน้าเข้าสู่แผนที่วางไว้เต็มสูบ ขณะที่ความปรารถนาจะทำตามแผนการนั้นของฉันถูกทำลายไปแล้วเสียย่อยยับ

                ‘อะไรทำให้แกเปลี่ยนใจล่ะ?’

                ป่วยการจะอธิบายให้เจ้างั่งนี่เข้าใจ

                ‘แก... แกไงล่ะ เอ็ดดี้’

                สมเพชตัวเองชะมัด ที่ต้องมาสารภาพรัวๆ แต่อีกคนดันไม่เก็ทเอาแบบนี้ แต่ก็คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว... หึ!... คำพูดที่ใช้หว่านล้อมให้เอ็ดดี้ยอมเปิดใจขอโทษแอนนี่วนเวียนกลับมาในหัว มันอาจเป็นครั้งสุดท้าย... ระหว่างฉันกับไรออท มันแทบจะรู้ผลลัพธ์ตั้งแต่ยังไม่เริ่มสู้ซะด้วยซ้ำ โอกาสชนะที่มีเท่ากับศูนย์ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถปล่อยมือได้

                การต่อสู้ในครั้งนี้กลับพอฟัดพอเหวี่ยงจนน่าแปลกใจ กระทั่งไรออทเองก็ยังรู้สึกได้

                ‘โฮสต์แกแข็งแกร่งดีนี่ แต่ไม่พอหรอกนะ!’

                ...ผิดแล้ว... มีสิ่งนึงที่ฉันรู้ แต่ไรออทไม่รู้... มันไม่ได้อยู่ที่ว่า เราคือใคร หรือแข็งแกร่งขนาดไหน เราแข็งแกร่งเมื่อรู้ว่าเรากำลังทำเพื่อใคร และคนๆ นั้นสำคัญกับเรามากแค่ไหนต่างหาก และเพราะรู้ว่าที่ทำอยู่เพื่อใคร ฉันถึงรู้ว่าเราจะไม่แพ้...

                เปลวไฟพวยพุ่งจากการระเบิด จรวดของคาลตั้น เดรกแผดเผาลุกไหม้ไปพร้อมๆ กับไรออท ฉันพยายามห่อหุ้มเจ้างั่งเอ็ดดี้ไว้ ในตอนที่ตกลงมาด้วยกันจากฐานปล่อยจรวด แต่ก็เอาไม่อยู่ ฉันตัดสินใจผละจากร่างเอ็ดดี้ และเปลี่ยนรูปร่างกางตัวเป็นแผ่นผืนขนาดใหญ่ เพื่อกันเปลวไฟที่พวยพุ่งตามมา ทั้งช่วยลดแรงกระแทกให้อีกคน และเปลี่ยนทิศทางให้ร่างของเอ็ดดี้ลอยไปตกบริเวณที่เป็นผืนน้ำได้ในที่สุด

                ฉันทำเรื่องโง่ๆ อีกจนได้ ต้องโทษว่ามันติดมาจากโฮสต์จริงๆ นั่นแหละ เสียใจไหมที่เอาชีวิตมาทิ้งบนดาวดวงนี้... ไม่เลย... จะเสียใจนิดหน่อย ก็เรื่องคำพูดสุดท้ายที่อยากลองเสี่ยงบอกออกไปอีกครั้ง คำพูดที่มันยังติดอยู่ในหัว แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้พูดออกไป

                ‘ลาก่อน เอ็ดดี้...’

                ...ฉันชอบนาย...

    ==TBC.==

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in