วันที่ 7 ตุลาคม
สวัสดี นลิน
ก่อนอื่นเลย โอ้โห นายลายมือสวยมากกกกก เราอับอายขายหน้ากับจดหมายตัวเองจังเลย ดังนั้นฉบับนี้เลยตั้งใจคัดอย่างเต็มที่ หวังว่าจะอ่านง่ายขึ้นนะ เราพยายามแล้ว สาบาน
เรื่องต่อมา (ความจริงควรเป็นเรื่องแรก แต่ลืม ตกใจลายมือนายจนคิดว่าต้องเขียนถึงเลยตั้งแต่ย่อหน้าแรก) ขอบคุณมากที่เขียนจดหมายตอบเรานะ ไม่รู้ว่านลินกับเพื่อนเป็นเหมือนกันหรือเปล่า แต่ระหว่างที่รอ เรากับคนในกลุ่มคุยกันไม่หยุดเลยว่าโครงการจดหมายของครูจะไปรอดไหม ถ้าเกิดคนที่เราเขียนหาดันขี้เกียจตอบหรือดองเอาไว้จนใกล้สิ้นเทอมจะทำยังไง เพื่อนคนหนึ่งบอกว่าไปฟ้องครูให้ตามตัวก็คงจะได้ แต่เราคิดว่าใครกันจะอยากคุยกับคนที่ไม่สนใจเราหรือแม้แต่คะแนนเก็บล่ะ คงอึดอัดและเสแสร้งน่าดู เพราะแบบนี้เราเลยดีใจมากตอนกลับบ้านมาแล้วเห็นจดหมายจ่าหน้าถึงตัวเองอยู่หลังตู้เก็บรองเท้าสักที "เพราะเด็กรุ่นเธอไม่รู้จักการรอจดหมายไง" แม่บอก ซึ่งก็จริงจนเถียงไม่ออก ถ้าครูไม่สรรหากิจกรรมนี้มา เราคงไม่มีทางรู้จักความตื่นเต้นตอนเปิดจดหมาย คลี่กระดาษ และอ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายๆ รอบ นายอาจหาว่าเราโอเวอร์ แต่มันไม่เหมือนตอนเปิดพัสดุหรือของขวัญวันเกิดที่พอเดาออกว่าจะเจออะไรในนั้น เพราะว่าเราไม่รู้จักกัน การอ่านจดหมายจากนลินเลยคล้ายกับการอ่านหนังสือก่อนพลิกหน้าถัดไปมากกว่า แถมนายยังเขียนดีมากด้วย ดียังไงก็ยังบอกไม่ถูก แต่เราชอบ
อีกเรื่อง นายทำเราทึ่งมากเลยเรื่องชื่อของเราเอง พ่อเคยบอกความหมายของชื่อจริงเมื่อนานมาแล้ว แต่กับชื่อเล่นนี่เราไม่เคยนึกสงสัยมาก่อน เดาเอาว่าเขาคงตั้งให้ใกล้ชื่อจริงเฉยๆ เพื่อความสะดวก พอนายพูดถึงภาษาละตินขึ้นมา เราเลยลองไปค้นแล้วเอาไปบอกพ่อแม่ดู พ่อบอกว่าตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว นึกว่าเราจะเข้าใจซะอีก ส่วนแม่บอกว่าไม่เห็นจะรู้เลย ต้องขอบคุณนายที่ทำให้กระจ่างแจ้งว่าชื่อเราก็เท่ดีนะเนี่ย (ฮา) ส่วนชื่อนลินก็เพราะเหมือนกันนะ ดูจากความหมายแล้วก็ไม่เกี่ยวกับเพศจริงๆ นั่นแหละ บอกตามตรงว่าเราไม่เคยมองดอกไม้ในแง่นั้นมาก่อนเลย
เออใช่ เพราะเรื่องนี้เลยทำให้เราได้สังเกตป้ายหน้าโรงเรียนนายด้วย ทั้งที่อยู่ตรงข้ามกันแท้ๆ แต่ไม่เคยตั้งใจมองเลยจนกระทั่งเห็นชื่อนามสกุลนลินอยู่บนนั้น เหมือนป้ายจะติดมานานจนรูปถ่ายเลือนหมดแล้ว แต่ต่อให้ชัดกว่านี้ เราก็คงแยกไม่ออกว่าคนไหนในทีมตอบปัญหาคณิตศาสตร์คือนายอยู่ดี ระดับนี้คะแนนเลขนายคงไม่ใช่แค่ไปวัดไปวาแล้ว ขอนับถือ
เพิ่งฉุกคิดขึ้นมาได้ตอนเขียนเมื่อกี้ว่าเราต้องเคยเดินสวนกันที่ไหนสักแห่งแน่ๆ อาจจะเป็นร้านไก่ทอดหน้าโรงเรียน ร้านปังเย็นที่หน้าสถาบันกวดวิชา หรือไม่ก็ในห้าง ในโรงหนัง ในร้านหนังสือ ฯลฯ โลกของพวกเราก็เล็กแค่นี้เอง น่าทึ่งดีที่เราไม่เคยรับรู้ตัวตนของอีกคนมาก่อน แต่สุดท้ายมารู้จักกันจนได้เพราะบังเอิญว่าเลขที่ 35 เท่านั้นเอง
ช่วงนี้โรงเรียนนายเตรียมกีฬาสีอยู่ใช่ไหม บ่ายแก่ๆ แบบนี้ได้ยินเสียงตีกลองแว่วมาแต่ไกล ที่เราได้ยินก็เพราะห้องศิลปะอยู่ใกล้รั้วพอดี คาบนี้ครูแค่สั่งการบ้านแล้วปล่อยให้เด็กอยู่กันตามสบาย เราเลยใช้เวลาตรงนี้เขียนจดหมายต่อ ไม่ได้อู้หรอกนะ แล้วนี่ม.5 ห้องนายทำหน้าที่อะไรในสีเหรอ ของเราเมื่อเทอมก่อนต้องคุมกองเชียร์ คงไม่ต้องบอกว่ามีแต่เรื่องเต็มไปหมด ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องเงิน แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องคน ความเห็นส่วนน้อยของเราก็คือไม่รู้ว่าจะจัดไปทำไม ซ้อมกองเชียร์กับพาเหรดกันเป็นเดือนเพื่อวันเดียวเอง ทีตอนเราแข่งบาสไม่เห็นมีใครมาเชียร์เลย มีแค่พี่ฝ่ายสวัสดิการมาเสิร์ฟน้ำสองคน แต่ต่อให้มาเราคงหาโอกาสหันไปมองลำบาก นาทีนั้นเสียงเชียร์ดังแค่ไหนก็ไม่ได้ยินหรอก สงสารก็แต่เพื่อนในทีมที่คนที่แอบชอบอุตส่าห์เป็นถึงเชียร์ลีดเดอร์ เราคงไม่ต้องบอกว่าไร้วี่แววของเธอคนนั้นริมสนามตลอดการแข่งขัน รอบชิงเขาพากันไปเชียร์ฟุตบอลหมด เศร้าเป็นหมา
ลายมือเราเริ่มแย่อีกแล้ว พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน กลัวนายปวดตาจริงๆ
จะรอนายตอบจดหมายกลับมา รอนายชวนคุยด้วย พอเป็นคนพูดฝ่ายเดียวแล้วรู้สึกแปลกๆ แฮะ
นิล
ป.ล. คงเห็นดีวีดีเรื่อง Once ที่มากับจดหมายแล้วนะ เราให้ยืม ไว้ค่อยคืนเมื่อไหร่ก็ได้ สำหรับคนที่เล่นเปียโนเพลง falling slowly เราจะไม่ร้องไห้คนเดียว!
ป.ป.ล. ใช้ปัจฉิมลิขิตแล้วอย่างเท่
อ่านคำชมแล้วอยากเห็นลายมือน้องเลยค่ะ คงเป็นระเบียบดั่งพิมพ์แน่ๆ และว่าแล้ว น้องดอกบัวของพี่ หนูเก่งจริงๆ ด้วยค่า โถ ? ดีจัง แลกหนังดูด้วย บรรยากาศการเขียนและรอจดหมายนี่มันน่ารักจริงๆ เลย