แล้วเหตุใดความยากจนข้นแค้นถึงเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังคม
ซึ่งไม่เพียงแค่ในไทย แต่เป็นปัญหาระดับอินเตอร์
คำตอบชุดหนึ่งผ่านกรอบแว่นทางเศรษฐศาสตร์ โดย ผศ.ดร.ธานี ชัยวัฒน์ (คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ)
อาจารย์ธานีนำเสนอว่าคำในภาษาไทยที่มีความหมายใกล้เคียงกับคำว่า Poverty มากที่สุด
คือ คำว่า ยากจนข้นแค้น เมื่อแตกออกมาจะได้ 4 คำ ได้แก่
ยาก – ยากจะก้าวหน้า ชีวิตขาดโอกาส
จน – จนทรัพย์สิน ไม่มีหลักประกันในชีวิต
ข้น – ถูกใช้แรงงานอย่างเข้มข้น
แค้น – คับแค้นที่ไม่ได้รับความยุติธรรมในสังคม
ซึ่งไอ้ความยากจนข้นแค้นมันไม่ได้เกิดมาพร้อมมนุษยชาติ แต่มันเกิดมาเพราะเมื่อมีรัฐ มีชนชั้นชัดเจน มีระบบตลาดหากมนุษย์มีลำดับขั้นของวิวัฒนาการ ความยากจนก็มิน้อยหน้า มีบรรพบุรุษเช่นกัน ซึ่งสามารถจำแนกได้ดังนี้
Primitive Society อยู่กันเป็นชนเผ่า ไม่มีชนชั้นชัดเจน มีความอดอยาก อดมื้อกินมื้อ แต่ทุกคนก็อดเหมือน ๆ กัน ไม่มีความยากจน
Feudal Society เริ่มมีชนชั้น ยังไม่มีความยากจน แต่มีคนรวย-คนจน คนรวยจะเลี้ยงดูเกื้อหนุนคนจนเพื่อต้องการแรงงาน และการคุ้มครองจากคนจน แต่จะพยายามควบคุมเรื่องรายได้ของคนจน เพราะถ้าคนจนรวยขึ้น ๆ คนรวยจะไม่สามารถปกครองคนจนอีกต่อไป
Democratic Society สังคมยังไม่เป็นประชาธิปไตย แต่มีการเมือง มีชนชั้นปกครองกับถูกปกครอง ชนชั้นปกครองเลี้ยงดูเกื้อหนุนผู้ถูกปกครองเอาไว้ เพราะ ‘การให้’ จะเป็นตัวแปรคงไว้ซึ่งอำนาจและฐานเสียงของชนชั้นปกครอง
Capitalist Society มีทุนเกิดขึ้น เศรษฐกิจเริ่มมีบทบาท สังคมเก็บรักษา (maintain) คนจนเอาไว้ เพราะ การบริจาคให้คนจน คือความสุข ความเพลิดเพลินของคนรวย เกิดธุรกิจ กิจกรรมที่เกี่ยวของกับคนจน
สาเหตุที่ทำให้ poverty หรือความยากจนข้นแค้นแก้ไขยาก แบ่งได้เป็น 3 ระดับ
1. Individual เช่น ขี้เกียจ ไม่อยากทำงาน
2. Structural ชัดเจนขึ้นเมื่อระบบตลาดทำงานมากขึ้น จนเพราะปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น การศึกษา สาธารณสุข สวัสดิการสังคม
3. Cultural ทัศนคติ ค่านิยม วัฒนธรรมของสังคมทำให้เชื่อว่าเมื่อจนแล้ว ไม่สามารถหลุดพ้นจากความยากจนได้ อีกทั้งในไทยยังเชื่อมโยงความจนกับความดี ทำดีไม่พอ จึงได้รับผลเป็นความจน ตัวอย่างอันเป็นรูปธรรมเช่น คำอวยพรว่า
ขอให้ได้เป็นเจ้าคนนายคน สำนวนอย่าง
รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา (การทำงานหนักกว่าไม่เกี่ยวกับรักชั่ว),คำพูด (จากความเชื่อ)ที่ว่า
ทำความดีเยอะ ชาติหน้าจะสบาย เป็นต้น
ทั้งนี้ปัญหาเชิงโครงสร้างบวกกับทัศนคติ ค่านิยม วัฒนธรรมของสังคมนี่เองที่ทำให้เกิดการผลิตซ้ำความจนในสื่อและสังคมเมื่อปัญหาความยากจน ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะคนจนหลายๆ คนขี้เกียจทำงาน
การกล่าวโทษ ติเตียน คาดคั้นเอาผิดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคงไม่ช่วยให้เห็นทางออก
ฉะนั้นด้วยความชอบธรรมทั้งปวง ทุกคนเป็นผู้เหมาะสมที่จะร่วมแก้ไขโจทย์ข้อนี้ไปด้วยกัน
[3.5/5]
Doc+talk ครั้งที่ 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร : 24 ธันวาคม 2559
###
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in