เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Lost In Yesterdaylongshot
ASAYAKE
  • disclaimer : เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตัวศิลปินหรือความเป็นจริงใดๆทั้งสิ้น



    ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะ Awesome City Club จะมีคอนเสิร์ตที่ Nagoya Club Quattro ในคืนนี้ ผมก็คงจะไม่ยอมเสียเวลาสามชั่วโมงในชีวิตเพื่อถ่อตัวเองมาถึงนาโงย่าแน่ๆ 

    อันที่จริงแล้วเมืองที่ผมอยู่ ; นารา และนาโงย่าไม่ได้ห่างกันมากนัก หากเดินทางโดยใช้การขนส่งสาธารณะก็จะใช้เวลาราวๆสามชั่วโมงเท่านั้น แต่ตลอดเวลายี่สิบสองปีที่ใช้ชีวิตมา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมตัดสินใจพาตัวเองมายังเมืองที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเกิดกว่าร้อยกิโลเมตรแห่งนี้ 

    แต่ผมก็อยากขอบคุณตัวเองอยู่หลายครั้งที่เลือกที่จะมาดูพวกเขาที่นี่ เพราะถ้าหากวันนั้นผมตัดสินใจเลือกที่จะไปดูเมืองอื่น ผมก็คงจะไม่มีโอกาสได้พบกับ 'คุณ'


    คุณอยู่หน้าคลับตัวคนเดียวยามที่ผมเห็นในคราแรก ตัวคุณสูงโปร่ง ผมสีอ่อน สวมฮู้ดสีเทาที่ทับด้วยแจ็คเก็ตเดนิมอีกชั้น กางเกงยีนส์ที่คุณใส่ดูราคาแพง แจ็คเก็ตและฮู้ดนั่นก็ด้วย แต่ไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงเลือกที่จะสวมพวกมันคู่กับรองเท้าผ้าใบยี่ห้อคอนเวิร์สไฮท็อปรุ่นชัคเทย์เลอร์ราคาหมื่นกว่าเยนเสียอย่างนั้น 

    คุณยืนพิงอยู่กับเสาต้นหนึ่ง ในปากคาบบุหรี่ไว้หนึ่งมวน หน้าตาคุณดูไร้อารมณ์ หรือไม่ก็ค่อนไปทางไม่มีความสุข ไม่ทำอะไรเลยนอกจากอัดควันเข้าปอดซ้ำๆอยู่อย่างนั้น ผมนึกสงสัยว่าคุณมาดูคอนเสิร์ตหรือเปล่า หรือเพียงแค่บังเอิญมาหยุดอยู่เพื่อสูบบุหรี่แต่เพียงเท่านั้น แต่แล้วผมก็ได้คำตอบ เมื่อเห็นคุณที่ข้างตัวในยามที่ยืนอยู่ในคลับเพื่อรอชมการแสดง  

    เราอยู่ใกล้กันจนผมคิดว่าจะได้กลิ่นบุหรี่หนักๆจากตัวคุณ แต่เปล่าเลย มันกลับเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆของสิ่งที่ผมอธิบายไม่ได้ว่ามันคืออะไร อาจจะมาจากน้ำหอมหรือเสื้อผ้าผมก็ไม่ทราบ แต่มันเป็นกลิ่นที่ทำให้ผมรู้สึกสบายใจที่จะยืนข้างคุณในตลอดคืนนั้น

    ตอนนี้คอนเสิร์ตจะเริ่มแล้ว ผมชูกระป๋องเบียร์ในมือขึ้นสูงเพื่อต้อนรับศิลปินที่กำลังจะเริ่มเล่นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า มันเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจเสมอ ผู้คน เบียร์รสชาติเยี่ยม และดนตรีสดคุณภาพดีที่เล่นโดยวงดนตรีวงโปรด รวมสิ่งที่ผมหลงรักไว้ด้วยกัน ในเวลาเดียวกัน 


    Awesome City Club เริ่มเล่นด้วยเพลง 青春の胸騒ぎ ซึ่งเป็นเพลงจังหวะฟังสบายๆ หนึ่งในเพลงโปรดของผม ผมยกเบียร์ขึ้นจิบ ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่หาไม่ได้จากที่อื่น หันมองข้างตัวจนไปพบกับคุณ คิดว่าคุณคงกำลังอยู่ในอารมณ์เดียวกัน แต่มันกลับไม่ใช่อย่างนั้น คุณดูมึนงง ราวกับอยู่ผิดที่ผิดทาง เหมือนคุณไม่เคยฟังเพลงที่กำลังเล่นอยู่มาก่อน ผมประหลาดใจนิดหน่อย แต่ก็คิดว่ามันคงเป็นเรื่องปกติ การจะไปเข้าชมคอนเสิร์ตของศิลปินสักคนไม่จำเป็นต้องรู้จักทุกเพลงของพวกเขา แต่สิ่งที่ผมอดสงสัยไม่ได้ 


    อะไรที่ทำให้คุณดูหงุดหงิดได้ถึงขนาดนั้น 


    คุณส่ายหัวกับตัวเอง ถอนลมหายใจแรงๆราวกับไม่พอใจอะไรสักอย่าง ผมไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ไม่อยากจะไปก้าวก่ายอะไร จึงตัดสินใจเลิกมองคุณแล้วหันกลับไปให้ความสนใจกับวงดนตรีตรงหน้าต่อ


    ให้ตาย คุณทำให้ผมเสียสมาธิเป็นบ้า


    เพลงจังหวะสนุกอย่าง 涙の上海ナイトกำลังเล่นอยู่ แต่ตอนนี้ผมยังละสายตาไปจากคุณไม่ได้ คุณดูรำคาญทุกเพลงที่ได้ยิน ไม่สบอารมณ์ หัวคิ้วบนหน้าหล่อๆของคุณขมวดมุ่นจนผมอยากถามออกไปว่าคุณโอเคหรือเปล่า  


    อินโทรที่คุ้นเคยของเพลงใหม่ถูกบรรเลงขึ้นพร้อมกับสีหน้าของคุณที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน 


    ผมคิดว่ามันคงเป็นเพลงแรกของคืนนี้ที่คุณรู้จัก คุณเบิกตากว้าง ดูจะรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นเพลงอะไรจากไม่กี่วินาทีที่มันถูกเล่น คุณไม่ทำหน้าเหมือนเกลียดทุกสิ่งอีกต่อไป ตาทั้งสองข้างตั้งใจจ้องมองไปยังศิลปินที่อยู่บนเวที

    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ภาพที่เห็นผมเห็นทำให้รู้สึกโล่งอก ผมเอ่ยขอบคุณ Awesome City Club ในใจ ขอบคุณที่เลือกที่จะเล่นเพลงเพราะๆและเป็นเพลงที่คนตัวสูงที่ยืนข้างๆผมสามารถมีอารมณ์ร่วมได้อย่าง Lesson ขอบคุณ ขอบคุณมากๆจริงๆ 


    แต่แล้วไม่นาน ผมก็เริ่มอยากที่จะถอนคำกล่าวขอบคุณเหล่านั้น 


    มันถูกที่คุณไม่ทำหน้าหงุดหงิดแบบนั้นอีกแล้ว 


    แต่คุณกำลังร้องไห้และสะอื้นตัวสั่นจนผมรู้สึกได้แทน


    ผมทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับศิลปินและเพลงที่กำลังเล่นอยู่จนไม่มีใครทันสังเกตเห็นว่าตรงนี้มีผู้ชายตัวสูงโย่งคนหนึ่งกำลังร้องไห้อยู่นอกจากผม ในหัวกำลังคิดว่าสาเหตุที่เขาร้องไห้เป็นเพราะอะไร เพราะเนื้อหาของเพลงหรือ และผมคิดว่าน่าจะใช่ เพราะคุณดูจะร้องไห้หนักเสียยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินเนื้อเพลงท่อนถัดมา 


    Time erased smile and words we shared

    Can't rewind like tapes, a silly time just next to you  

    To me, falling into nights is the only way I can deny, 

    Then my heart won't apart from you 

    Wanna close to you


    คุณสะอื้นตัวโยนจนทำให้ผมอยากหันไปกอดแต่คิดว่ามันคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่ ผมอยากปลอบคุณ แต่ในขณะเดียวกันลังเล ผมชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ลูบหลังเบาๆคงไม่หนักหนาเกินไปหรอกกระมัง 

    ผมเอื้อมมือไปข้างๆหวังจะลูบหลังเพื่อปลอบโยนคุณ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำตามที่คิด คุณก็หันหลังแล้วก็วิ่งออกจากคลับไปก่อนที่ท่อนฮุคจะเล่นเสียอีก 


    และผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ถึงได้วิ่งตามคุณออกไปแบบนั้น 


    คุณยืนซบอยู่กับเสาต้นเดิม แผ่นหลังที่สั่นไหวทำให้ผมรู้ว่าคุณยังคงร้องไห้ไม่หยุด ผมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ ไม่อยากทำให้คุณตกใจเพราะเจตนาดีที่ดีของผม 

    คงเพราะคุณได้ยินเสียงฝีเท้าจึงเงยหน้าขึ้นมา เราทั้งคู่จึงได้เห็นหน้าพร้อมกันทั้งสองฝ่ายเป็นครั้งแรก

    คุณไม่ได้ดูตระหนกหรือหวาดกลัวตามที่ผมคาดเอาไว้ คุณกลับดูตกใจและพูดไม่ออกราวกับว่าเห็นผมเป็นผีคนที่รู้จักเสียอย่างนั้น 


    "..."


    "ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณนะ คือผมยืนอยู่ข้างๆคุณในคลับเมื่อกี้น่ะครับ" 


    "..." 


    "คุณ...โอเคนะ" 


    "..." คุณยังคงเงียบ หน้าซีดเซียวจนผมรู้สึกไม่ปกติ 


    "อ้าวเวร ร้องไห้อีกแล้ว" คุณปล่อยโฮออกมาอีกรอบหลังจากมองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่ง ผมรู้สึกทำอะไรไม่ถูกอีกครั้ง

    แต่ร่างกายดันไวกว่าความคิด รู้ตัวอีกทีผมก็เข้าสวมกอดคุณ ; ผู้ชายแปลกหน้าตัวสูงที่อยู่ตรงหน้าเสียแล้ว

    คุณไม่ได้ตอบรับในทันทีแต่คุณก็ไม่ได้ปฏิเสธพวกมัน ผมกอดคุณอย่างนั้นอยู่สักพัก ก่อนแรงจากแขนทั้งสองข้างที่โอบรัดร่างกายจะทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

    "ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นอะไร แต่ไม่เป็นไรนะครับ"

    "..."

    "แล้วคุณจะผ่านมันไปได้นะ" 

     ผมบอกพลางลูบหลังคุณไปด้วย 

    "ผมขออยู่แบบนี้อีกสักพักได้ไหม" คุณเอ่ยขอด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ผมเกิดความรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ยินดีให้คุณทำตามที่ขอ 

    "อยู่จนเช้าก็ยังได้" ผมพูดติดตลก อยากช่วยทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง 


    พักใหญ่เหมือนกันที่เรากอดกันอยู่อย่างนั้น หากมีผู้คนเดินผ่านมาเห็นก็คงจะไม่มีใครคาดคิดว่าเราทั้งสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าแน่ๆ

    คุณคลายอ้อมกอดแล้วมองหน้าผม ผมยิ้มให้ เห็นคุณพึมพำอะไรสักอย่างแต่จับใจความไม่ได้ 

    "คุณจะเข้าไปดูต่อไหม" คุณถาม 

    "ไม่ล่ะ อีกไม่กี่เพลงก็คงจบแล้ว เราไปนั่งตรงนู้นกันไหม" ผมเอ่ยชวนพลางชี้ไปยังม้านั่งบริเวณหน้าคลับ คุณพยักหน้าตอบตกลง "ไปสิ" 


    "ตรงนี้ก็ยังพอได้ยินนะ" ผมบอก เพราะที่ม้านั่งตรงนี้ก็ไม่ได้ห่างจากคลับมากนัก ดังนั้นเวลาศิลปินข้างในกำลังบรรเลงเพลงอะไร ผมและคุณก็จะได้ยินมันทั้งหมด 

    "ครับ"

    "ผมโคโนะ จุนกิครับ" 

    "ซาโต้ เคย์โกะครับ" 


    ซาโต้ เคย์โกะหรือ 


    "ชื่อคุณฟังดูคุ้นจัง"

    "เหมือนเคยได้ยินที่ไหนสักที่"

    "แต่ผมนึกไม่ออก" 


    "งั้นหรือ"


    "ครับ" 

    "แต่นึกไม่ออกจริงๆ" 


    "คุณ...สบายดีนะ" คุณถาม ผมงงนิดหน่อยกับคำถามนั้นแต่ก็เลือกที่จะตอบออกไป 

    "สบายดีครับ คุณล่ะ" 


    "ก็เรื่อยๆครับ" 

    "ตรงนั้น...เป็นแผลเป็นเหรอครับ" คุณถามพลางชี้มายังแผลเป็นบริเวณขมับของผม 

    ช่างสังเกตอะไรขนาดนั้น ผมคิดในใจ 

    "ใช่ครับ ผมเคยประสบอุบัติเหตุน่ะ" 

    "..."

    "หลับไปหลายอาทิตย์เลย" 

    "..."

    "มันจะฟังดูเกินจริงนะ แต่หมอบอกว่าผมลืมอะไรๆไปเกือบสองปีเลยล่ะครับ" 

    "..."

    "ตอนนี้คุณกำลังคุยอยู่กับคนความจำเสื่อมนะรู้ไหม"

    "..."

    "แต่ดีนะที่ผมยังจำได้ว่าผมชอบ Awesome City Club ขนาดไหน" ผมหัวเราะ แต่คุณดูไม่ตลกจนทำให้ผมแอบรู้สึกผิด 

    "คุณไม่หงุดหงิดหรือ....ที่จำอะไรไม่ได้น่ะ" คุณถามกลับด้วยแววตาที่ดูเศร้าสร้อย แต่มันเหมือนกับทุกครั้งเวลาที่ผมเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง 

    "หงุดหงิดสิ"

    "..."

    "มันเป็นความรู้สึกเหมือนกับผมเสียอะไรหลายๆอย่างรวมถึงสิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งไป แต่ผมก็คิดไม่ออกสักทีว่ามันคืออะไร"

    "..."

    "แต่ผมชินแล้วล่ะ"

    "..."

    "ติดอยู่แต่กับอดีตคงไม่ช่วยอะไร" 

    "นั่นสินะ"


    "ผมขอรู้เรื่องคุณบ้างสิ" 

    "หหืม ว่าไง" 

    "ทำไมคุณถึงมาดูคอนเสิร์ตล่ะ" 

    "..."

    "คือผมไม่ได้ตั้งใจจะสอดรู้สอดเห็นนะ แต่ที่ข้างในนั้นคุณดู...อารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แล้วคุณก็ร้องไห้ตอนที่ได้ยินเพลง Lesson" 

    "..."

    "ตอบไม่ได้ไม่เป็นไรนะคุณ คือมันก็ดูก้าวก่ายชีวิตคุณเกินไปหน่อยนั่นแหละ" 

    "ไม่ๆ ตอบได้" 

    "..."

    "แฟนเก่าผมเขาชอบวงนี้น่ะ" 

    นั่นอย่างไร ผมกะเอาไว้แล้วเชียว 


    "ผมไม่เคยฟังเพลงแนวนี้มาก่อน แต่มารู้จักได้ก็เพราะเขาเป็นคนพาฟัง" 

    "ผมไม่ค่อยชอบเพลงจังหวะเร็วๆสนุกๆเลยจำเพลงพวกเขาไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ แต่ Lesson คือเพลงเดียวที่ผมจำได้เพราะผมกับแฟนชอบฟังด้วยกัน" 

    ชอบเพลงเดียวกับผมเลย ผมคิด 

    "เป็นเพลงเดียวจากวงที่ผมชอบ" 

    "แล้วก็...ผมอ่อนไหวน่ะ"

    "แต่ที่ผมตัดสินใจมาดูก็เป็นเพราะ..." คุณหยุดพูดไปครู่หนึ่ง

     "ผมคิดถึงเขาน่ะครับ" คุณพูดในขณะที่มองมายังผมก่อนจะก้มหน้าเพื่อหลบตา คุณดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่ตอบคำถาม ผมคิดโทษตัวเองทันทีที่ถามอะไรแบบนั้นออกไป

    "ผมขอโทษนะ" ผมกล่าว "ไม่น่าถามเลย" 

    "ไม่เป็นไรหรอกครับ" 

    "..."

    "วันนี้มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น" คุณพูด ผมไม่แน่ใจว่ามันหมายถึงอะไร แต่ใบหน้าก็ดันชิงร้อนไปก่อนแล้ว 

    "..." 

    "คุณ"

    "ครับ?"

    "อาซายาเกะล่ะ" คุณพูดถึงเพลงที่กำลังถูกเริ่มเล่น ซึ่งหากไล่ดูตามลำดับการเล่นแล้ว อาซายาเกะจะเป็นเพลงสุดท้ายของคืนนี้ 

    "อือ"

    "เข้าไปฟังข้างในกันเถอะ" 


    รู้ตัวอีกทีผมก็ถูกคุณพากลับเข้ามาข้างในคลับดังเดิม 

    เราได้ที่บริเวณข้างหลังเพราะขี้เกียจเกินกว่าที่จะแทรกผู้คนเพื่อกลับเข้าไปยืนณ จุดๆเดิม และมันก็ไม่ได้ลำบากอะไรนักเพราะผมและคุณก็ยังสามารถได้ยินเพลงที่พวกเขาเล่นอย่างชัดเจน 


    "ผมจับมือคุณได้ไหม" คุณเอ่ยถาม วันนั้นคุณทำผมงงไปตั้งไม่รู้กี่ครั้ง แต่ผมก็เลือกที่จะไม่ปฏิเสธคุณเหมือนทุกครั้ง


    "เอาสิ" 


    เรายืนกุมมือราวกับคู่รักที่มาดูคอนเสิร์ตด้วยกัน รู้ว่าไม่ควรแต่ผมก็ห้ามตัวเองไม่ได้ที่รู้สึกแบบนี้ ผมใจเต้น หน้าร้อนผ่าว เหงื่อออกอยู่ทั่วมือจนผมคิดว่าคุณเองก็คงจะรู้สึกได้ มันคือความรู้สึกที่ผมไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่ความรู้สึกที่ไม่ดี นั่นคือสิ่งที่ผมรู้ 


    เรามองหน้ากันในยามที่เพลงใกล้จะจบ ผมไม่ได้อ่อนต่อโลก ผมรู้ว่าสายตาคุณบ่งบอกว่าต้องการอะไร


    คุณโน้มตัวลงมาจูบผม แล้วก็เช่นเคย ผมไม่ปฏิเสธมัน และตอบรับสิ่งที่คุณให้ด้วยความเต็มใจ


    ราวกับภาพที่เคยพร่าเบลอเริ่มชัดเจนขึ้น 


    ราวกับชิ้นส่วนที่หายไปถูกเติมเต็ม 


    ราวกับในที่สุดผมก็ได้รู้ ว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมทำมันหายไปคืออะไร 


    "คุณ" 


    คุณยิ้มออกมา 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in