เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Lost In Yesterdaylongshot
Ginger Ale
  • Rating : Mature 

    Content Warning : contains a little bit of sexual content 

    เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตัวศิลปินหรือความเป็นจริงใดๆทั้งสิ้น



    ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวชนิดรุนแรง

    จำได้ว่าตัวเองดื่มไปค่อนข้างเยอะ ที่ถ้าจะให้บอกว่าดื่มไปทั้งหมดกี่แก้วก็คงจะตอบไม่ได้ ทั้งที่สั่งเอง คนอื่นสั่งให้ และรวมถึงบิทเทอร์อีกหนึ่งแก้วที่ 'คุณ' เป็นคนสั่ง 

    ผมเป็นชายโสดวัยยี่สิบปลายๆที่มาหาอะไรดื่มตามปกติในคืนวันศุกร์ และผับแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งที่ๆผมโปรดปรานเสมอ

    คืนนั้นผู้คนในร้านไม่ได้มากมายตามที่ผมคิดเอาไว้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ผมไม่ได้ต้องการผู้คนเพื่อพูดคุย แต่ต้องการเพียงเหล้าดีๆและดนตรีสดก็เท่านั้น 

    ผมนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ตัวยาวเหมือนที่ผมมักจะทำ ทักทายบาร์เทนเดอร์ที่ดูจะอ่อนกว่าผมสองสามปีแล้วเอ่ยสั่งมอลต์วิสกี้จำนวนหนึ่งแก้วกับเขา

    ผมยกพวกมันขึ้นจิบทีละน้อย ละเลียดรสชาติขมปร่าและติดหวานที่ปลายลิ้นอย่างช้าๆ วงดนตรีกำลังเล่นเพลงดังยุคเจ็ดศูนย์สักเพลงที่ผมไม่รู้จักชื่อของมัน แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังชอบบรรยากาศในตอนนั้นมากๆอยู่ดี

     

    มอลต์วิสกี้แก้วนั้นเป็นเหล้าเพียงแก้วเดียวที่ผมใช้เงินตัวเองจ่าย 

    ผู้คนแวะเวียนเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตัวข้างๆตั้งแต่ตอนที่ผมยังไม่ทันจะได้ดื่มแก้วแรกจนหมด ไม่ว่าจะเป็นหญิง หรือชาย ทั้งที่เข้ามาเพื่อพูดคุยสัพเพเหระ เข้ามาเพียงเพื่อเลี้ยงเครื่องดื่ม และอีกจำพวกหนึ่ง คือเข้ามาเพราะต้องการเรื่องอย่างว่า

     

    คุณเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายในคืนนั้น 

     

    ผมเพิ่งปฏิเสธผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามาเสนอตัวให้สำหรับทั้งคืน หลังจากที่เธอลุกออกไปแบบหน้าเสียเพราะคำตอบที่ผมให้ (ซึ่งผมไม่ได้ตั้งใจ) คุณก็ปรากฏตัวในทันทีราวกับว่าคุณรอเวลานี้อยู่แล้ว 

    คุณเป็นเอเชียน และนั่นทำให้ผมประหลาดใจ ไม่บ่อยนักที่ผมจะพบคนประเภทเดียวกันกับตัวเองที่ผับเก่าๆในนอร์วิชอย่างที่นี่ ผมคุณสีดำขลับ ดูตัวเล็กกว่าผมหากประเมินจากสายตา แต่นั่นก็ไม่สำคัญอะไรเพราะคุณหน้าตาดีและดูฮอตไม่เบาทั้งๆที่สวมแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดาๆกับกางเกงแสล็กสีดำ

    คุณทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวข้างๆ เปรยยิ้มให้ผมบางๆก่อนจะหันไปสั่งบราวน์เอลกับบาร์เทนเดอร์ ชอบดื่มเบียร์หรือ ผมแอบคิดในใจ ไม่ได้พูดอะไรออกไป และตัดสินใจจิบมอลต์วิสกี้ในแก้วต่อ 

    'ไง' คุณเป็นคนเริ่ม ยกแก้วไพน์บรรจุของเหลวสีอำพันขึ้นดื่ม 

    'ไงครับ' ผมตอบกลับ เงยหน้าขึ้นมองและพบว่าที่ขอบริมฝีปากบนของคุณมีฟองสีขาวของเอลเปื้อนอยู่

    คุณรู้แล้วว่าผมเห็นมัน ตากลมสวยคู่นั้นสบตาผมด้วยท่าทีที่เขินอาย คุณใช้เรียวลิ้นกวาดเอาฟองเหล่านั้นเข้าปากก่อนจะเม้มปากจนเกิดเสียง 'ป๊อบ' เบาๆ ผมเผลอกลืนน้ำลาย

     

    และในตอนนั้นเองผมก็รู้ตัว

     

    คุณกำลังอ่อยผม

     

    'ของฟรีแก้วที่เท่าไหร่แล้วล่ะ' คุณถาม ก้มลงมองแก้วร็อกส์ทรงเตี้ยที่อยู่ข้างหน้าผม 

    'จำไม่ได้แล้วครับ' 

    คุณหัวเราะในลำคอ

    'ก็พอเข้าใจได้ คุณหล่อนี่' คุณกล่าว ตรงไปตรงมาจนผมรับมือแทบไม่ทัน 

    'ขอบคุณครับ' 

    'เคยดื่มเอลไหม' 

    'เคยดื่มแต่จินเจอร์เอลครับ' ผมตอบติดตลก รู้ดีว่ามันไม่ใช่สิ่งที่คุณหมายถึง 

    'ขอร้อง คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้ถามถึงน้ำโซดารสขิง' 

    'รู้น่า แค่แซวคุณเล่น' 

    'สรุปเคยไหม' 

    'ไม่เคยครับ'

    คุณพยักหน้ารับรู้

    'ลองไหม ฟรีนะ' 

    'คุณจะเลี้ยงผมหรือ' 

    'ก็ถ้าคุณยอม' 

    'คุณคาดหวังอะไรอยู่' ผมถามแล้วสบตา คิดว่าควรจะตรงไปตรงมาให้เหมือนอย่างคุณบ้าง 

    'ผมไม่ชัดเจนหรือ' 

    ชัดสิ ชัดมาก ผมคิดในใจ รู้อยู่แล้วว่าเจตนาของคุณคืออะไร 

    'คือ...ก็พอดูออก' 

    'นี่ ผมไม่รีบหรอก ผมจะไม่บังคับคุณด้วย แต่ผมขอแค่ให้คุณดื่มแก้วที่ผมกำลังจะสั่งให้หมด แล้วหลังจากนั้นก็แล้วแต่คุณจะตัดสินใจ โอเคไหม' 

    'คุณจะมอมผมหรือ' 

    'ผมดูเป็นคนแบบนั้นหรือไง' 

    '...'

    'ผมไม่จำเป็นต้องร้องขอมันกับใครหรอกนะ แต่ที่วันนี้ผมเลี้ยงเบียร์คุณก็เพราะเห็นว่าคุณหล่อดี' 

    ผมสาบานกับพระเจ้าได้เลยว่าผมยังไม่เคยเจอใครที่ตรงไปตรงมาได้มากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต 

    'ถ้าผมปฏิเสธล่ะ'

    'นั่นมันก็เรื่องของคุณ ผมรู้ว่ามันมีคำตอบสองแบบอยู่แล้ว ถ้าผมจะแป้กจริงๆนั่นก็คงช่วยอะไรไม่ได้ เราคงบอกลากัน ผมขับรถกลับบ้าน อาจจะหัวเสียนิดหน่อย แต่ก็คิดว่ายังโอเค' 

    ผมแอบคิดในใจว่านั่นไม่ใช่วิธีการพูดที่ถูกต้องเวลาที่คนเราอยากจะมีเซ็กส์กับใคร แต่ในขณะเดียวกันผมก็เกลียดตัวเองที่ดันคิดว่าความเถรตรงของคุณมันกลับทำให้คุณดูฮอตมากกว่าเดิมเสียอีก 

    'คุณจะสั่งอะไรให้ผมล่ะ' คุณยิ้มออกมาทันทีเมื่อผมเอ่ยประโยคนั้น 

    'บิทเทอร์หนึ่งแก้วครับ' คุณไม่ตอบคำถามแต่หันไปสั่งกับบาร์เทนเดอร์ตรงหน้าแทนก่อนจะหันกลับมามองหน้าผม 'คุณจะต้องชอบมัน' 

    'ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น' 

     

    บิทเทอร์แก้วแรกในชีวิตไม่ได้รสชาติแย่ ออกจะดีเสียด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่ผมดื่มมันไม่หมด 

    ผมจำไม่ได้แล้วว่าบทสนทนาสุดท้ายตอนที่นั่งอยู่บาร์นั่นกับคุณคืออะไร จำได้เพียงผมซดเอลที่คุณสั่งมาให้ไปได้แค่ครึ่งแก้ว แล้วก็ถูกคุณก็คว้าคอไปจูบ 

    คุณลากผมออกมาจากร้าน ผมปล่อยเลยตามเลย มีคำตอบในใจอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนที่คุณจะสั่งเครื่องดื่มให้เสียด้วยซ้ำ ยอมรับว่าผมเองก็สนใจคุณอยู่ไม่น้อย และการปฏิเสธคุณเป็นเรื่องโง่ๆที่ผมไม่คิดจะทำ

    เราไปยังโฮสเทลเก่าๆแห่งหนึ่งใกล้ๆกับที่ผับนั่น ผมยอมรับว่าเมาแต่ก็ยังพอมีสติและจำเรื่องจำราวได้

    คุณจูบผมทันทีหลังจากที่ประตูห้องถูกปิด รสชาติขมที่เบาบางกว่าของบราวน์เอลจากปากคุณถูกส่งผ่านมากับจูบพวกนั้น มันดูเร่งรีบ แต่ก็ช่างร้อนแรงในเวลาเดียวกัน

    เราจูบกันอยู่อย่างนั้นก่อนผมจะถูกคุณผลักลงกับเตียง คุณปลดกระดุมเชิ้ตสีเข้มของผมทีละเม็ด แหวกสาบเสื้อออกจนผมรู้สึกหนาวเล็กน้อยเพราะลมเย็นที่ต้องกับผิวโดยตรง 

    'คุณฟิตกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะเนี่ย' คุณกล่าวพลางใช้มือลูบกล้ามเนื้อที่หน้าท้องของผมเบาๆ

    'ก็ผมชอบออกกำลังกาย' 

    'ชายโสดก็แบบนี้' คุณพูด ผมไม่ค่อยเข้าใจว่ามันเกี่ยวกันอย่างไรแต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรกลับไป 

     

    คุณดูคล่องแคล่วและรู้งานราวกับคุณทำแบบนี้มาเป็นรอบที่ร้อย ซึ่งผิดกับผม ผมไม่ใช่พวกนิยมความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน มันให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่เหมือนกับทุกครั้งที่ผมอะไรแบบนี้ ถึงมันจะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ผมก็ยังคงรู้สึกไม่ชินและเก้ๆกังๆอย่างช่วยไม่ได้อยู่ดี 

    'ทำแบบนี้ไม่บ่อยหรือ' คุณเอ่ยถาม ถอดชั้นในผมออกเรียบร้อยแล้ว 

     

    'เอาตามตรงก็แทบจะไม่'

    'แต่คุณไม่ใช่ครั้งแรกนะ'

     

    'แต่เป็นครั้งที่สอง' 

    'สามต่างหาก' ผมแก้ต่าง 

    'แปลว่าผมก็มีดีพอสมควรเลยนะเนี่ย' คุณกล่าวยอตัวเอง และผมคิดหาคำพูดมาแย้งไม่ออก 

    '...' 

    'เอาเป็นว่าเลิกเกร็งได้แล้ว ถึงคืนนี้คุณจะห่วยจริงๆ แต่ขอให้มั่นใจได้ว่าคุณจะไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุดที่ผมเคยเจอ โอเคนะ'

    ผมไม่แน่ใจว่านั่นเรียกว่าการให้กำลังใจไหม แต่ถ้าใช่ คุณก็ทำสำเร็จแล้ว 

    'โอเค' 

     

    คุณทำทุกอย่างเองทั้งหมดในช่วงแรก และผมปล่อยให้คุณทำแบบนั้น

    คุณนั่งอยู่บนตัวผม ส่วนผมทำเพียงแค่นอนอยู่เฉยๆและให้คุณขยับด้วยจังหวะที่ควบคุมเองตามใจ คุณเป็นคนเก่ง และคุณไม่ทำให้ผมผิดหวัง ดีเกินไปเสียด้วยซ้ำ ดีจนผมในตอนนั้นคิดว่าตัวเองช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้มาเจอคนอย่างคุณ

    คุณกัดปากตลอดเวลาที่คุณขยับขึ้นลง มันจึงทำให้ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่คนชอบส่งเสียง สิ่งนั้นควรจะทำให้ผมหงุดหงิด แต่มันกลับตรงกันข้าม เพราะเสียงลมหายใจหอบๆถี่ๆของคุณที่ผมได้ยินกลับเร้าอารมณ์ผมได้ดีเสียยิ่งกว่าเสียงร้องไหนๆที่ผมเคยได้ยินมาเป็นร้อยเท่าพันเท่า

    เพราะคุณบ่นว่าเหนื่อย เราจึงเปลี่ยนหน้าที่กัน ผมประหม่าจนติดขัดเล็กน้อยในยามที่ต้องเป็นฝ่ายออกแรง ผมขาดความมั่นใจ แต่คุณเร่งเร้า ผมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามที่คุณเอ่ยขอ

    เสียงอ้อนวอนของคุณช่วยเรียกความมั่นใจของผมคืนมาได้ คุณไม่กัดปากเพื่อเก็บเสียงร้องของตัวเองอีกต่อไป แต่คุณร้องขอด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูราวกับว่าถ้าหากผมไม่ให้มันกับคุณแล้วคุณจะต้องขาดใจ ผมแทบจะคลั่งตายในตอนที่คุณทำแบบนั้น 

    เสียงคุณและผมประสานกันระงมจนผมคิดว่าสองถึงสามห้องถัดไปอาจจะได้ยินพวกมันแต่ผมไม่สนใจ คุณเอามือมาปิดปากตัวเอง ในขณะที่ผมเสียงดังขึ้นเรื่อยๆเพราะอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงจนเกินกว่าจะควบคุมอะไรได้ ผมยังคงขยับสะโพกต่อไปและส่งเสียงไม่หยุด เผลอตะโกนคำสบถออกมาหนึ่งคำในตอนที่ตัวเองถึงฝั่งฝัน 

    ครั้งสุดท้ายที่ผมถึงจุดมันเป็นเวลากี่โมงกี่ยามก็ไม่ทราบ ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ และไม่รู้ว่าเราใช้เวลาทั้งหมดกับเซ็กส์ครั้งนั้นไปทั้งหมดกี่ชั่วโมง ผมรู้สึกหมดแรง ทิ้งตัวลงนอนข้างๆคุณแทบจะในทันทีหลังจากที่ถอนตัวออก ไม่มีใครพูดอะไร เสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงลมหายใจถี่ๆของคุณ และผม 

    'อาบน้ำกันไหม คุณคงเหนียวตัวแย่' ผมพูดขึ้นพลางเอียงหน้าไปหาคนข้างตัว 

     

    'ไม่อาบแล้ว ผมเหนื่อย' 

    'นอนกันดีกว่า' 

    คุณพูดแบบนั้น ผมจึงไม่ขัดอะไร 

     

    'ก็ถ้าคุณว่าอย่างนั้น' 

    ผมพูดก่อนทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ 

     

    'นี่' คุณพูดขึ้น

    'หืม' 

    'คุณไม่ห่วยนะ' 

    '...'

    'ดีมากๆเลยด้วย' 

    ผมหน้าร้อนผ่าว 

    'คุณก็เก่ง' 

    'เรื่องนั้นผมรู้' คุณยอตัวเองอีกครั้ง และผมก็เถียงไม่ออกเช่นเคย 

    'หวังว่าพรุ่งนี้ผมจะตื่นมาเจอคุณนะ' 

    'ทำไมล่ะ' 

    'ผมจะได้มั่นใจว่ามันไม่ใช่ความฝัน' 

    'ขนาดนั้นเลยหรือ' 

    'ก็ดีเหมือนฝันจริงๆนี่' 

    'เลิกพูดได้แล้ว นอนเถอะ' คุณพูดแล้วพลิกตัวนอนตะแคงไปอีกทาง

    'คุณเขิน' 

    'พูดมาก' 

    ผมหัวเราะเบาๆ คิดเอ็นดูคุณอยู่ในใจ แต่ดูเหมือนว่าผมอาจจะคิดดังไป

    'คุณนี่ก็น่ารักเหมือนกันนะ' 

    '...'

    'ผมว่าเรานอนกันเถอะ' ผมเปลี่ยนประเด็นเมื่อเห็นว่าคุณเงียบไป 

    'ฝันดี' 

    'ฝันดีครับ' 

    นั่นเป็นประโยคสุดท้ายของคืนนั้น 

     

    นั่นคือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนที่ผมจะตื่นขึ้นเพราะอาการปวดหัวที่ราวกับถูกของแข็งฟาดเข้าที่ท้ายทอยในเช้านี้

    ผมหันไปมองที่ข้างตัวเมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวได้ ก่อนจะพบว่าในตอนนี้ 'คุณ' ไม่อยู่ที่นี่แล้ว 

    และผมเกือบจะคิดว่ามันจะเป็นเพียงความฝันจริงๆเสียแล้ว ถ้าหากว่าผมไม่ไปเห็นกระดาษโน๊ตที่แปะไว้ตรงหน้ากระจกที่ไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าของลายมือหวัดๆพวกนั้นเป็นใคร 

     

          เฮ้สุดหล่อ ถ้าคุณได้อ่านโน๊ตนี่ผมก็ขอเดาว่าคุณคงตื่นแล้ว (ฮ่าๆ) ผมแค่อยากจะบอกว่าคุณไม่ได้ฝันไปนะ เมื่อคืนเรามีอะไรกันจริงๆ แล้วมันก็ดีมากๆด้วยล่ะ ขอโทษที่ออกมาก่อนโดยที่ไม่ได้ปลุกแล้วก็ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาดีๆนะ ผมชอบมันมาก หวังว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง. 

    รัก, เจ.

     

    ผมอ่านโน๊ตในมือก่อนจะเผลอยิ้มออกมา แต่ถึงอย่างไรผมก็ปฏิเสธความรู้สึกเศร้าๆที่กำลังก่อตัวอยู่ข้างในใจไม่ได้อยู่ดี 

     

    คิดว่ามันคงดีถ้าได้รู้จักกันมากกว่านี้ 

    คิดว่ามันอาจจะสานต่อได้ 

    คิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะได้รู้ชื่อของคุณ 

     

    มันเป็นความรู้สึกอะไรที่คลับคล้ายคลับคลากับคำว่า เสียดาย กระมัง 

     

    ผมปลงตก อย่างไรมันก็คือเรื่องปกติของความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป ไม่ผูกมัด ไม่ควรคิดที่จะจริงจังหรือสานต่อ สิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้คงเป็นสิ่งถูกต้องแล้ว 

    ผมแต่งตัวและเก็บข้าวเก็บของเพื่อเตรียมจะออกไปจากที่นี่ แต่ผมก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นกระดาษอีกแผ่นที่ถูกแปะไว้อยู่ตรงประตูห้อง 

     

             ไม่รู้ว่าเศร้าไปหรือยัง แต่ถ้าคุณเศร้าไปแล้วแปลว่าแผนของผมสำเร็จ (เยส) ผมเป็นพวกขี้แกล้งแต่ผมไม่ใช่พวกเล่นตัวหรอกนะ นี่เบอร์ผม 078xxxxxxxx ได้หมดทุกโอกาสตั้งแต่ไปดินเนอร์จนถึงเซ็กส์ดีๆจากคนที่คุณพูดเองว่าเก่ง (อุ๊ปส์) อย่าลืมโทรมาล่ะ!  

    รัก, จุนกิ

     

    ผมถอนหายใจด้วยความเอือมระอาทุกตัวอักษรบนกระดาษแผ่นเล็กแผ่นนั้น แต่ในขณะเดียวกันผมก็ยอมรับว่ารู้สึกโล่งใจ 

     

    แสบนัก

     

    ผมดึงกระดาษโน๊ตแผ่นนั้นมาเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in