เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LOST CONTROLminimore
CHAPTER 04
  • CHAPTER 04

    แต่สุดท้ายที่มองหาคือทางตัน

     

    ต่อให้ผ่านไปกี่ปี ไพลินก็ไม่สามารถทำใจให้ชินกับบรรยากาศเงียบเชียบของบ้านหลังนี้ได้บ้านที่ใหญ่เกินกว่าพ่อลูกจะอาศัยอยู่ด้วยกันเพียงสองคนยิ่งดูใหญ่เข้าไปอีกในตอนที่ฝนตกเช่นตอนนี้

    เธอไม่ชอบฝนเลย ทุกครั้งที่ฝนตกไพลินจะรู้สึกเหมือนทุกคนบนโลกได้สูญสลายหายไปหมดทิ้งเธอไว้กับความโดดเดี่ยวเพียงลำพัง

    หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องกว้างที่เปิดไฟทิ้งไว้ฝนยังตกกระหน่ำจนไม่อาจข่มตาหลับต่อได้อีก ไพลินคิดว่าจะออกไปทำงานก่อนเวลาอย่างน้อยๆ ที่แห่งนั้นก็มีใครสักคนอยู่เป็นเพื่อน คนที่จะไม่ตัดสินเธอว่าถูกหรือผิดคนที่ไม่สั่งสอนว่าเธอควรทำหรือไม่ควรทำ คนที่มอบพื้นที่แห่งความสบายใจให้กันโดยไร้ซึ่งคำเรียกร้องให้ตอบแทนน่าอัศจรรย์ ไพลินรู้ตัวในทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกัน ว่านิรันดร์กับเธอมีบางสิ่งบางอย่างเหมือนกัน

    ข้างในของพวกเราร่ำร้องข้างนอกเงียบเหงา เราต่างเว้าแหว่งและโดนโลกโบยตีไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

    ไพลินยืนมองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่บนกระจกห้องน้ำหญิงสาวในช่วงวัยที่ควรบานสะพรั่งกลับเหี่ยวเฉาทางใจ เธอรักชีวิตของตัวเองตอนนี้รักร่างกายนี้ รักที่เลือกตัดทิ้งและแต่งเติมบางสิ่งบางอย่างให้มันเธอสามารถรักได้มากกว่านี้อีก วันใดวันหนึ่งที่สลัดความกลัวที่กดทับตัวตนอยู่ออกไปได้เธอจะรักตัวเองได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน

    เสียงรถที่ขับเข้ามาทำให้ไพลินประหลาดใจพ่อของเธอไม่กลับบ้านมาตั้งกี่วันแล้วก็จำไม่ได้ แทนที่จะดีใจเธอกลับรู้สึกว่าพื้นที่นี้ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว จึงต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกจากบ้าน

    หญิงสาวก้าวเท้าเบาหวิวลงบันไดโค้งไปยังชั้นล่างผ่อนลมหายใจเมื่อท้ายที่สุดแล้ว เธอก็ต้องเดินผ่านพ่อที่นั่งคุยโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นอยู่ดี

    เขายังไม่ปล่อยตัวดอกเตอร์

    เสียงของพ่อดังก้องไปทั้งห้องนั่งเล่นไพลินไม่ได้ตั้งใจแอบฟังหรอก เชื่อเถอะว่าเธอไม่อยากได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดตลอดเวลานั้นสักนิด

    ต้องรีบตามหาตัวเขาให้เจอลำพังเขาคนเดียวหนีไปเองได้ไม่นาน น่าจะมีคนช่วย...ใช่ ไม่ควรมีใครรู้เรื่องนี้ถ้ารู้ก็ต้องจัดการเสีย

    ไพลินทนฟังได้แค่เท่านั้นคำพูดของพ่อช่างเลือดเย็นเหมือนที่เคยเห็นในหนัง พวกคนที่ใช้อำนาจผิดๆชอบพูดแบบนี้ แต่เชื่อไหมว่าตั้งแต่ที่แม่ตายเธอก็ได้ยินพ่อพูดทำนองนี้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว

    ไตรติมองลูกสาวที่กำลังเดินผ่านหน้าไปถ้าเป็นปกติคงแสร้งไม่สนใจได้ แต่ความผิดปกติบางอย่างที่เห็นได้ชัดทำให้เขาชะงักกดเสียงบอกปลายสายทันที แค่นี้ก่อน

    ผู้เป็นลูกรู้ดีว่าหลบเลี่ยงการพบเจอกันในค่ำคืนนี้ไม่ได้อีกต่อไปร่างของพ่อเดินเข้ามาขวางทางเธออยู่ สายตาจ้องมองทรงผม รอยสัก แล้วก็จ้องตา

    นี่อะไร ชายวัยกลางคนเค้นเสียงถามกัดฟันกรอดพยายามรักษาท่าทีแต่ก็ไร้ผลเมื่อไพลินตอบเสียงเรียบ

    ก็เห็นอยู่

    พ่อไม่กลับบ้านไม่กี่วันแกทำขนาดนี้เลยเหรอ

    หญิงสาวแค่นหัวเราะมองตอบด้วยสายตากราดเกรี้ยว แต่ขณะเดียวกันนั้นก็ใจสลาย หนูนึกว่าหนูอยู่บ้านหลังนี้คนเดียวเสียอีก

    ไพลิน!”

    หนูต้องไปทำงานแล้ว

    พ่อบอกให้แกลาออกจากงานแล้วไปเรียนไงทำไมไม่ฟังกันบ้าง แล้วนี่อะไรตั้งใจจะชี้ผมที่ตัดจนสั้นกุด แต่ทำออกมาแล้วเหมือนจิกหัวด่าลูกอยู่มองได้ทั้งสองอย่างนั่นแหละ คือต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลเข้าข้างตัวเอง ไหนจะนี่อีก ครั้งนี้ชี้ไปที่เจ้าช่อกุหลาบ แกเพิ่งอายุเท่าไหร่เอง ทำไมทำตัวเหลวแหลกอย่างนี้”

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทะเลาะกันตั้งแต่ผู้เป็นแม่เสียชีวิตไปสองพ่อลูกก็ไม่เหลือใครให้ยึดโยงได้อีกความตายได้พรากความรักไปด้วยอย่างนั้นเหรอ ไพลินเลือกที่จะนิ่งเฉยแทนที่จะเถียงกลับอย่างที่เคยทำอยู่ดีๆ เธอก็รู้ด้วยตัวเองว่าพ่อไม่มีวันเข้าใจ ไม่แม้แต่จะพยายามทำความเข้าใจและเธอก็ไม่ปรารถนาอะไรในตัวพ่ออีกต่อไปแล้ว

    แม่แกมาเห็นจะรู้สึกยังไง

    เธอรับมือกับทุกคำพูดทำร้ายจิตใจจากพ่อได้ทั้งหมดเพียงแต่ทุกครั้งที่อ้างถึงแม่ น้ำตาก็จะรื้นขึ้นมาอย่างไม่อาจหักห้ามได้หญิงสาวกัดฟันกรอด

    แม่คงจะดีใจที่ได้ตายไปจากชีวิตพ่อเสียที

    การปะทะกันนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์สะใจเพียงชั่วครู่ แล้วก็เสียใจไปตลอดชีวิต ไพลินเห็นพ่อมองเธอด้วยสายตาผิดหวัง พ่อไม่พูดอะไรอีกเดินขึ้นห้องไปทั้งอย่างนั้น

    เธอรู้ รู้ดีว่านอกจากตัวเธอเองแล้วแม่ยังมีอิทธิพลกับความรู้สึกของพ่อไม่น้อยไปกว่ากัน

    ไพลินเช็ดน้ำตาหันหน้ากลับไปทางประตูบ้านอีกครั้ง ทว่าสายตาของเธอกลับเหลือบไปเห็นเอกสารบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะเธอจะไม่สนใจเลยหากกระดาษแผ่นหนึ่งที่โผล่พ้นออกมาจากกองกระดาษเหล่านั้นไม่มีรูปของใครบางคน

    หญิงสาวหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดูชัดๆตาเบิกโพลงเมื่อเห็นว่าคนในรูปช่างเหมือนกับเพื่อนที่มาหานิรันดร์ที่ร้านไม่มีผิดชายแปลกหน้าคนนั้น แล้วไพลินก็เข้าใจว่าทำไมเธอถึงคุ้นหน้าผู้ชายคนนั้นนักเราเคยพบกันมาแล้วครั้งหนึ่ง แม้เพียงครั้งเดียวแต่ไพลินก็จดจำได้ขึ้นใจ

     

    ..............................................................

     

    ไพลินพาชายหนุ่มทั้งสองคนกลับเข้าไปในร้านอีกครั้งโดยมียายแก้วที่ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกจึงรีบลงมาดูนั่งคุยกันอยู่พักหนึ่งถึงได้เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด

    ไปโรงพยาบาลดีกว่าไหมรัน แก้วกุดั่นพูดขึ้นหลังจากที่ไพลินบอกไปแล้วรอบหนึ่งแน่นอนว่าชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง

    ไม่ไปแผลแค่นี้เองนิรันดร์ยกแขนให้ไพลินได้ทำแผลที่สีข้างได้สะดวกดูเหมือนเธอจะใส่น้ำหนักมือแรงขึ้นหลังจากเขายืนกรานแบบนั้น

    ช้ำไปหมดทั้งตัวแล้วลูกเอ๊ย ยายแก้วลูบหัวเจ้าลูกหมาป้อยๆ รถก็เพิ่งชนมาไหนจะเรื่องวันนี้อีก เมื่อไหร่จะหมดเคราะห์ะ

    นิรันดร์ยิ้มรับรู้สึกดีไม่น้อยที่โดนเรียกขวัญแบบนี้

    เพลง โทร.แจ้งตำรวจแล้วเดี๋ยวคงตามมา ไพลินพูดขึ้นหลังจากทำแผลให้เรียบร้อยแล้วรอยมีดบาดผิวไม่ลึกนักจึงไม่น่าเป็นห่วง เจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า

    ไม่แล้ว

    ไม่น่าจะโดนแค่มีดนะ ถึงจะไม่ทันเห็นเหตุการณ์แต่ร่องรอยของการโดนกระทืบมาก็มีอยู่ตามเสื้อผ้าและรอยช้ำบนใบหน้า

    ก็นิดหน่อย

    เห็นชายหนุ่มยักไหล่ตอบ ไพลินจึงได้แต่ทอดถอนใจพยักพเยิดไปยังชายร่างยักษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ยายแก้วแทน เพื่อนพี่ต้องทำแผลด้วยไหม

    ดวงตาที่ปราดมองกันอีกครั้งทำให้เกี๊ยวหัวหดเขาก้มหน้าก้มตา กุมมือของตัวเองที่โดนแทงเมื่อครู่ไว้เมื่อไม่รู้จะเอามันไปไว้ตรงไหนเช่นกันกับร่างกายนี้ เขาเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง รู้เพียงถ้าหาคำอธิบายที่เหมาะสมให้ไม่ได้เขาคงต้องรีบพาตัวเองออกไปจากชีวิตของนิรันดร์

    ไม่ใช่เพื่อน

    เสียงแข็งกร้าวเกี๊ยวเหลือบมองคนที่จ้องมองเขาด้วยสายตาที่ต่างออกไปจากที่ไม่ได้รู้จักกันดีอยู่แล้ว ก็ดูห่างไกลและเย็นชามากขึ้นกว่าเดิมอีก

    เห็นไพลินหรี่ตาเมื่อได้ยินคำตอบนิรันดร์จึงแค่นเสียงพูด ช่างเขาเถอะไม่เป็นไรหรอก

    หญิงสาวตาขวาง ใจร้ายว่ะเมื่อกี้เขาก็ช่วยพี่ไว้ไม่ใช่เหรอเธอออกไปจากร้านทันเห็นเหตุการณ์นั้นพอดีตอนที่ชายหนุ่มเข้าไปรับมีดแทนอย่างไม่เกรงกลัว

    ไม่ได้ขอให้ช่วยสักหน่อยนิรันดร์เบะปากให้ก่อนจะหยิบเสื้อยืดมาสวม แม้ใจหนึ่งจะรู้สึกขอบคุณแต่นั่นก็ไม่สามารถลบล้างเรื่องที่ว่าชายคนนี้กำลังปิดบังความจริงบางอย่างกับเขาอยู่และยังเป็นความจริงที่ยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจได้ง่ายๆสิ่งที่เขาต้องการมีแค่คำสารภาพที่ออกมาจากปากของเจ้าตัวเท่านั้น

    แก้วกุดั่นที่ยืนฟังอยู่เงียบๆมาพักหนึ่งแล้วหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความเป็นห่วง พ่อหนุ่มไม่เป็นไรแน่เหรอ

    คนที่ได้รับอนุญาตให้พูดเป็นครั้งแรกหลังจากเข้ามาในร้านตอบคุณยายเสียงอ่อนไม่ครับ

    เจ็บตรงไหนหรือเปล่า

    เปล่าครับ

    แน่ใจนะลูก

    แวบหนึ่งเขาหันไปมองชายหนุ่มอีกคนที่นั่งจ้องเขาอยู่ก่อนแล้วเกี๊ยวก้มหน้างุดแทนคำตอบจนแก้วกุดั่นต้องปลอบใจ

    ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว

    พร้อมกับมือที่ลูบหัวเหมือนที่ทำกับนิรันดร์เกี๊ยวรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เขาจะไม่เป็นไร

    ตำรวจมาถึงหลังจากนั้นไม่ยากนักกับการทำคดีเพราะมีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดที่มองเห็นหน้าคนร้ายอย่างชัดเจนหลังจากพูดคุยสอบถามจนรู้เรื่องรู้ราวพนักงานหนุ่มกับเจ้าของร้านก็พาตำรวจออกไปหน้าร้านซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุภายในร้านเหลือแค่ไพลินกับเกี๊ยวอยู่เพียงลำพัง

    คุณชื่อเกี๊ยวใช่ไหม เพราะนิรันดร์แนะนำอีกฝ่ายให้รู้จักบ้างแล้วคำถามของไพลินจึงเป็นการชวนคุยมากกว่า เป็นเพื่อนแต่ไม่สนิท เธอทวนคำพูดของนิรันดร์ หลุดขำออกมา พี่รันไม่เคยใช้คำว่าสนิทกับใครด้วยซ้ำพาเพื่อนมาที่ร้านแบบนี้ก็น่าตกใจอยู่”

    ร่างสูงนั่งนิ่งเงียบมาพักใหญ่ตั้งแต่ที่นิรันดร์บอกว่า รออยู่นี่ก่อน เขาฟังไพลินพูดอยู่ฝ่ายเดียว กระทั่งหญิงสาวบอกว่า

    พี่รันอะปากแข็งไปอย่างนั้นไม่ใช่คนใจร้ายอะไรหรอก

    เหรอครับ หันไปมองคู่สนทนาในทันที เหมือนได้รับคำปลอบใจที่ต้องการไพลินผงกหัวรับพร้อมรอยยิ้ม ดีใจที่ในที่สุดก็ยอมเปิดปากคุยกันแล้ว

    ถ้าไม่ได้ไปทำเรื่องผิดร้ายแรงมาน่ะนะ

    ชายหนุ่มคอตกอีกครั้งสิ่งที่เขาทำร้ายแรงไหมนะ

    ไพลินยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์มองคนที่นั่งครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา พอเธอไม่ได้ถามอะไรต่อชายหนุ่มก็เหมือนจะอึดอัดจนต้องทำลายความเงียบนั้นแทน

    คุณชื่ออะไรครับ

    เพลง

    ครับ การชวนคนอื่นคุยครั้งแรกจบลงง่าย ๆ แบบนั้นยังดีที่หญิงสาวดูจะไม่ได้ถือสาหาความอะไรนัก ไพลินยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

    คุณมาทำอะไรที่นี่ตอนเช้ามืด

    รันลืมร่มครับผมเลยเอามาให้

    เดินมา?

    ครับ

    จากห้องพี่รัน?

    ครับ

    ไพลินทำความเข้าใจหมายความว่าอยู่ห้องเดียวกันน่ะเหรอ

    เข้าใจแล้ว ก็ไม่เข้าใจเท่าไรหรอก รอกลับพร้อมกันสินะ

    เกี๊ยวพยักหน้ารับ ครับ รันบอกให้รอก่อน

    เลยทำตามที่เขาบอกเหรอ

    ไร้ซึ่งคำตอบ ดวงตาคู่นั้นกะพริบถี่ขึ้นเมื่อกำลังครุ่นคิดหญิงสาวที่จ้องอยู่ยกยิ้มมุมปาก เดินไปนั่งร่วมโต๊ะด้วยท่าทีเป็นกันเอง เธอไม่ได้อยากคาดคั้นแต่เพียงลองเชิง

    ทำไมคุณต้องทำตามคำสั่งของพี่รันด้วย

    ไม่ใช่คำสั่ง ชายหนุ่มตอบในทันที น้ำเสียงดูจริงจังขึ้น ถ้าเป็นคำสั่งจะต้องทำตามหลีกเลี่ยงไม่ได้เด็ดขาด

    จะบอกว่าคุณไม่ทำสิ่งที่พี่รันบอกก็ได้เหรอ

    ใช่ครับแต่ผมเลือกจะทำด้วยความเต็มใจ

    ไพลินยอมเออออไปด้วย ถ้าไม่ใช่คำสั่ง แล้วคืออะไร

    แววตามาดมั่นดับแสงลงอีกแล้วช่างเป็นดวงตาที่สะท้อนความรู้สึกออกมาได้ชัดเจนเหลือเกิน เกี๊ยวคิดอยู่นาน นานมากแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ

    หญิงสาวเบนสายตาไปหาคนที่ยืนอยู่ด้านนอกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย ถ้าอยากได้ความเชื่อใจจากพี่รัน คุณควรบอกความจริงเขาไปนะ

    เกี๊ยวรับฟังหันไปมองตามสายตาของไพลินก่อนที่ความสับสนจะจู่โจมเขาไม่แน่ใจนักว่าเจตนาของหญิงสาวคืออะไร แต่เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูด

    ฝนซาลงแล้วตอนตำรวจกลับไปทุกคนต่างแยกย้าย นิรันดร์ก็ควรจะเก็บข้าวของกลับห้องด้วยเช่นกันเพราะนี่ก็เลยเวลาเลิกงานมานานแล้วขณะกำลังเดินกลับเข้าไปในร้านนั้นเอง สายตาของเขาหันไปเห็นอะไรบางอย่างตกอยู่บนพื้น

    ร่มสีน้ำเงินที่เขาเป็นเจ้าของ

    นิรันดร์เดินเข้าไปยังร่มที่กางคว่ำอยู่ทันทีที่เขาหยิบมันขึ้นมาก็เห็นเจ้าแมวจรตัวสีดำหลบอยู่ด้านในมันนอนหมอบด้วยความหนาวเหน็บเมื่อที่หลบภัยถูกยกออกก็ส่งเสียงร้องทักทายผู้มาใหม่อย่างคุ้นเคย

    ขณะเดียวกันร่างสูงก็เดินออกมาหาเขา ทั้งคู่สบตากันครู่หนึ่งก่อนที่นิรันดร์จะส่งร่มคืนให้คนที่เอามันมาด้วยเขาอุ้มเจ้าแมวไปวางไว้ในลังหลังร้าน คิดในใจที่ตรงนี้จะปลอดภัยจากพายุฝนและเรื่องร้าย

    เกี๊ยวกางร่มให้เจ้าของเมื่อเห็นว่าฝนยังไม่ขาดเม็ดนิรันดร์ไม่ได้เกรี้ยวกราดคาดคั้นอย่างที่คิด กลับกัน เขาดูสงบนิ่งอย่างน่ากังวล

    ผมไม่ใช่มนุษย์

    ด้วยท่าทีนั้นเองที่ทำให้เกี๊ยวไม่สามารถกลืนคำสารภาพลงคอหรือกลบเกลื่อนต่อไปได้อีกเขาเพียงต้องพูดความจริงออกไป ส่วนจะเชื่อหรือไม่ ช่วยเหลือหรือผลักไสก็ให้เป็นการตัดสินใจของนิรันดร์เอง เขาจะยอมรับไว้ทุกสิ่ง

    เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ยังไม่เข้าใจ ความไม่สมเหตุสมผลนี้ทำให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดดูมีเหตุผลขึ้นอย่างน่าประหลาดการปรากฏตัวอย่างฉุกละหุก ชายปริศนา เงิน การหลบหนี ความช่วยเหลือ บาดแผลนิรันดร์ส่งเสียงสบถ เหี้ยไรวะเนี่ย

    เกี๊ยวขยับเข้าไปยืนอยู่ในร่มคันเดียวกันจ้องมองนิรันดร์อย่างมาดมั่นเพราะกลัวว่าจะไม่เหลือเวลาให้แม้แต่จะอธิบาย ผมเป็นหุ่นยนต์

    ฝนหยดกระทบร่มดังเปาะแปะนิรันดร์สบตาชายหนุ่มตรงหน้า ครั้งนี้เองที่นัยน์ตาสีหม่นทอแสงประกายสีฟ้าแจ่มชัด นิรันดร์ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับชีวิตเขาหุ่นยนต์ในภาพจำคือเครื่องจักรที่แตกต่างจากคนตรงหน้า รูปร่างหน้าตา ท่าทาง และการแสดงออกที่เหมือนมนุษย์นี้ควรจะเกิดขึ้นแค่ในหนังไม่ใช่เหรอ

    ไม่ควรจะมีอยู่จริงเป็นไปไม่ได้ แล้วอย่างนั้นคนตรงหน้าเขาคืออะไรนิรันดร์หลับตาสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ชักจะเลยเถิดแล้ว เขาไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้นิรันดร์ไม่อาจยอมรับได้ว่าตัวเองได้เข้าไปพัวพันกับความยุ่งเหยิงเกินตัว

    ไปซะ เปลือกตาที่ปิดสนิทลืมขึ้นอีกครั้งหลังจากตัดสินใจแววตามาดมั่นที่ทำให้คนมองหวาดหวั่น แล้วผมจะไม่บอกใครเรื่องคุณ

    นิรันดร์เลือกจะไม่ถามอะไร ไม่อยากรู้เรื่องของเกี๊ยวมากไปกว่านี้อีกแล้ว เขาไม่ควรรู้สึกเห็นใจสายตาเว้าวอนคู่นั้น

    ต้องปล่อยไป...

    แล้วอย่ามาเจอกันอีก

    นิรันดร์พูดส่งท้ายก่อนจะเดินออกมาจากร่มคันนั้นและชีวิตของคนคนนั้นโดยไม่สนใจสายฝนหรือทิศทาง หวังว่าเมื่อเดินจนถึงปลายทางเขาจะตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเพียงความฝัน ไม่มีอุบัติเหตุไม่มีความช่วยเหลือ ไม่มีข้อเสนอ ไม่มีหุ่นยนต์ ไม่มีเกี๊ยว...

    อรุณสวัสดิ์

    แต่เปล่าเลย ต่อให้เดินมาไกลสุดทางทุกอย่างก็คือความจริงความคิดสับสนวุ่นวายไม่ได้ทุเลาเลยแม้แต่น้อยขณะหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามเจ้าของห้องแถว

    ดาบไม่รู้ว่าชายหนุ่มได้ยินประโยคที่เขาทักทายหรือเปล่าในเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีเหม่อลอยตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วเขาพับหนังสือพิมพ์วางลงบนโต๊ะ ชะเง้อไปมองข้างนอกพบว่าฝนยังคงตกอยู่ความสว่างที่หม่นหมองโอบรับเมืองหมองหม่น เช่นกันกับคนตรงหน้านี้

    ตากฝนมาเหรอ

    ไม่แน่ใจว่านิรันดร์พยักหน้ารับหรือคอตกมือข้างหนึ่งยกขึ้นเสยผมที่ปรกเปียกเขาเพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่าตัวเองเดินตากฝนมาไกลขนาดนี้

    ไม่ได้กลับมาพร้อมเพื่อนเหรอเห็นบอกว่ารันลืมร่มเลยจะออกไปรับ

    ฟังมาถึงตรงนั้นนิรันดร์ก็ได้แต่สบถในใจเขาพยายามลบเลือนตัวตนของหมอนั่นออกไปจากชีวิตแล้วแต่ความจริงก็ยังย้ำเตือนอยู่นั่นว่าเขาหนีไม่พ้นหรอก

    เขากลับบ้านไปแล้ว เลือกจะบ่ายเบี่ยงไปเช่นนั้น นิรันดร์คว้าเอาบุหรี่ของดาบมาจุดสูบควันโขมงคละคลุ้งอยู่ภายในห้องรับแขก ดาบนั่งสูบบุหรี่อยู่เป็นเพื่อนโดยไม่ถามอะไรต่อก่อนที่เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ในห้องแถวจะดังขึ้น เจ้าของห้องเช่าลุกขึ้นไปรับสายปากยังคงคาบบุหรี่ไว้อยู่

    ครับผม...

    ไม่รู้ว่าเป็นใครไม่รู้ว่าคุยอะไร นิรันดร์ไม่อยากสนใจหรอก แต่ดาบกลับส่งเสียงดังขึ้นขณะพยักพเยิดมาทางเขา...รันเหรออยู่พอดี

    นิรันดร์ลุกขึ้นไปรับสายก่อนจะพบว่าคนที่ โทร.มาหาเขาไม่ใช่ใครที่ไหน

    ก็นึกว่าหายไปไหนพี่ลืมกระเป๋าไว้ที่ร้านเหรอ

    อ้อ... นิรันดร์นึกขึ้นได้ว่าตัวเองเดินออกมาโดยยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าข้าวของทั้งหมดก็ยังอยู่ที่ร้าน เพราะอย่างนี้ไพลินจึง โทร.เข้ามาที่เบอร์กลางของห้องแถวแทน

    ให้เพลงเอาไปให้ไหม

    ไม่ต้องหรอกเอาไว้นั่นแหละ

    เป็นอะไรปะเนี่ย

    เปล่า เสียงของเขาเบาหวิว ไม่อยากโกหกไพลินเลยสักนิดเดียว รู้สึกไม่สบายเลยรีบกลับห้องมานอนอะ”

    เหรอ

    นิรันดร์เม้มปากเหลือบไปมองดาบที่กลับไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ ก่อนจะส่งเสียงถามปลายสายเบาๆ เกี๊ยวยังอยู่ที่ร้านไหม

    ตอนนี้ไม่อยู่นะไม่ได้กลับไปด้วยกันเหรอ

    เปล่า

    ไปแล้วสินะ...

    พี่ไล่เขาไปเหรอ

    เสียงของไพลินจริงจัง ไม่ได้ฉายแววขี้เล่นอย่างที่ชอบทำนิรันดร์นิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่ง อึดใจเดียวเท่านั้น เปล่า

    ราวกับได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาจากปลายสายก็ควรจะเป็นอย่างนั้น เขาพูดคำเดิมมาสามรอบแล้ว

    เพลงก็ระวังตัวด้วยนะพี่ไปนอนแล้ว ไว้เจอกันนิรันดร์ชิงวางสายเพราะกลัวว่าหากคุยกันต่อเขาอาจจะหลุดพูดความจริงกับไพลินก็เป็นได้สิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำให้เกี๊ยวคงเป็นการรักษาสัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ

    นิรันดร์ขอยาลดไข้จากเจ้าของห้องแถวเมื่อรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวตั้งใจจะเดินขึ้นห้องไปพักผ่อนแต่ทันทีที่ประตูห้องเปิดออกก็รู้สึกปวดหัวหนักขึ้นกว่าเก่าห้องที่เคยสกปรกไม่เป็นระเบียบมาตอนนี้กลับกัน เรียบร้อยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และโดยไม่ต้องสงสัยนี่คงเป็นฝีมือของคนที่เขาเพิ่งไล่ตะเพิดไปแน่ๆ

    แม่ง เขายกมือขึ้นทุบขมับที่ปวดแปลบ ก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างอีกครั้ง

    ดาบที่กำลังชงกาแฟสำเร็จรูปให้ตัวเองอยู่ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบเดินลงบันไดมาห่างจากตอนขึ้นไปไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำชายหนุ่มวิ่งออกไปหารถมอเตอร์ไซค์ของตนที่จอดทิ้งไว้จนเครื่องเย็น ต้องออกแรงสตาร์ทอยู่นานกว่าจะติด

    เช้าวันใหม่เปียกปอนยะเยือกเย็นอย่างที่ชวนให้นึกถึงเตียงอุ่นแต่สิ่งที่นิรันดร์ทำกลับเป็นการขับมอเตอร์ไซค์ฝ่าลมเย็นกับฝนปรอยๆออกไปอย่างนั้นน่ะเหรอ เขาอยากจะบ้าตายที่สำนึกผิดชอบชั่วดีมักจะทำงานผิดที่ผิดทางเขาไม่ได้สงสาร เห็นใจ หรืออะไรทั้งนั้น เขาแค่ไม่อยากทิ้งใครไว้ข้างหลัง

    เชื่อเถอะว่าเขารู้ดีรู้ดีที่สุดเลยว่าความรู้สึกของการโดนทิ้งเป็นอย่างไร

    และต่อให้หุ่นยนต์จะไร้ซึ่งความรู้สึก

    นิรันดร์ก็ไม่อยากเป็นฝ่ายทำเรื่องเลวร้ายนั้นด้วยตัวเอง

    เดี๋ยวพ่อมานะ ภาพความทรงจำหวนคืน วันนั้นฝนตกหนักอาจจะหนักที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ นิรันดร์นั่งรออยู่ตรงนั้นสวนสนุกที่พ่อพาไปเที่ยว เป็นการเที่ยวด้วยกันครั้งแรกเขาจำได้ว่าวันนั้นตัวเองสนุกมากเพียงใด และหวาดกลัวมากเพียงใด

    พ่อจ๋า เขารออยู่ตรงม้านั่งหน้าปราสาทเวทมนตร์ไม่รู้ว่าสวนสนุกปิดแล้ว และในอีกสองชั่วโมงหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ของสวนสนุกมาพบตัวเขาแล้วส่งตัวให้ตำรวจตามหาผู้ปกครอง แต่เพราะไม่รู้จึงเอาแต่นั่งชะเง้อมองทางที่พ่อเดินออกไป ลูกโป่งในมือลอยหายไปเช่นกันมือสองข้างของเด็กน้อยวัยห้าขวบกอดตัวเองแนบแน่น เม้มปากพยายามกลั้นน้ำตาเพราะถ้าเมื่อไรที่มันไหล เขาจะร้องไม่หยุด

    พ่อไม่เคยกลับมา...

    มนุษย์เลวร้ายได้เพียงนี้โกหกหลอกลวงโป้ปด เกลียดชิงชังชอกช้ำ ทำร้ายทารุณร้าวรานหรือแม้กระทั่งทอดทิ้งซึ่งทุกอย่าง มนุษย์ทิ้งได้ทุกอย่างจริงๆ

    ช่างน่าขลาดอายเหลือเกินสิ่งที่หุ่นยนต์ตนนั้นได้เรียนรู้จากมนุษย์อย่างเขานั้นน่าละอายเกินกว่าจะปล่อยไป

    มาทำไมอีก ไพลินส่งเสียงถามอย่างตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มเปิดประตูร้านเข้ามานิรันดร์หันมองไปรอบๆ เหมือนหาอะไรอยู่ เชื่อเถอะว่าไม่ใช่ข้าวของที่ตัวเองลืมทิ้งไว้อย่างแน่นอน

    เขาไปไหนแล้ว

    พี่หมายถึง...เกี๊ยว?

    อือ

    อ้าว ไพลินจำได้ว่าเพิ่งบอกทางสายโทรศัพท์ไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วนี่เอง เขาไม่อยู่ตั้งนานแล้วนะ”

    เหรอ โอเค นิรันดร์ตอบรับก่อนจะผลุนผลันออกไปหันซ้ายหันขวาเมื่อไม่รู้จะไปทางไหนก่อนดีความจริงแล้วนอกจากที่นี่เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหมอนั่นจะไปที่ไหนได้อีก

    ขณะที่กำลังสับสนอยู่นั้นเองก็มีบางสิ่งบางอย่างวิ่งผ่านหน้าเขาไปเจ้าแมวสีดำตัวเดิมที่โผล่มาจากไหนไม่รู้หายไปทางหลังร้าน ทางเดิมกับที่เขาอุ้มมันไปนอนหลบฝนก่อนหน้านี้

    ไม่หรอก...

    ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่นิรันดร์กลับก้าวขาเดินตามเจ้าแมวไปอย่างเชื่องช้าไม่รู้ทำไมเขาถึงกลัวเหลือเกินว่าที่ตรงนั้นจะมีใครบางคนอยู่เพราะนั่นหมายถึงเกี๊ยวไม่ได้หายไปไหนเลย ยังอยู่ที่เดิมกับตอนที่เขาจากมา

    แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆข้างๆ ลังที่เจ้าแมวจรกระโดดขึ้นไปมีร่างของชายหนุ่มนั่งคุดคู้ร่มที่กางให้ตัวเองอยู่นั้นทำให้นิรันดร์มองเห็นเพียงสองเท้าในรองเท้าผ้าใบนิรันดร์ค่อยๆ เดินเข้าไปหาเมื่อยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกลับมาอยู่ที่นี่ทำไมถ้าเกี๊ยวถาม เขาก็ไม่มีเหตุผลให้หรอก

    นิรันดร์เลิกร่มสีน้ำเงินของตนขึ้นอีกฝ่ายจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจเหมือนตอนที่เขาเห็นเจ้าแมวจรหลบอยู่ในร่มไม่มีผิด นิรันดร์ พ่นลมหายใจ ทั้งเหนื่อยใจและโล่งอกนี่เขากำลังทำอะไรอยู่

    กลับกันเถอะ

    เมื่อได้ยินประโยคนั้นเกี๊ยวก็ยิ้มกว้างออกมา เขานั่งอยู่ตรงนี้เพราะไม่มีที่อื่นให้ไปตั้งใจว่าจะรอให้ฝนหยุดตกแล้วค่อยวางแผนใหม่ อย่างน้อยๆที่นี่ก็มีเจ้าแมวน่ารักตัวนี้อยู่เป็นเพื่อนเขา

    แต่รู้ไหมใบหน้าของนิรันดร์ที่ปรากฏหลังจากร่มถูกดึงขึ้นนั้นเหมือนพระอาทิตย์ขึ้นไม่มีผิด อาทิตย์ที่ขึ้นพร้อมกับฝนที่หยุดตกพายุผ่านพ้นไปแล้ว แสงของวันใหม่อนุญาตให้เขามีชีวิตอยู่ต่ออีกวันหนึ่ง


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in