เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LOST CONTROLminimore
CHAPTER 03
  • CHAPTER 03

    ฝ่าพายุ ฝ่าเมฆฝน ฝ่าเวลา

     

    เขาตื่นเพราะแสงลอดเข้าตาม่านชำรุดกวนใจเสมอเมื่อเวลานอนคือตอนกลางวัน แต่สิ่งที่กวนใจได้มากกว่าในตอนนี้คงจะเป็นร่างที่นอนอยู่บนพื้นสิ่งที่หนุนอยู่คือผ้าปูผืนบางกับหมอนใบเล็ก ทั้งห้องมีผ้าห่มเพียงผืนเดียวจึงจำเป็นต้องใช้ร่วมกันเจ้าของห้องพาดครึ่งหนึ่งไว้บนที่นอนในส่วนของตน ส่วนอีกครึ่งกองอยู่ที่พื้น

    นิรันดร์นอนมองอยู่พักหนึ่งเขายังไม่คุ้นชินกับการมีคนอื่นอยู่ด้วยกันแบบนี้

    นี่ ยื่นปลายเท้าไปสะกิดร่างที่นอนหันหลังให้เขาอยู่ทีแรกนิ่งเงียบจนใจคอไม่ดี แต่พอถีบแรงขึ้นก็มีการเคลื่อนไหว เกี๊ยวหันขวับมาหาปรือตามองคนที่ตอนนี้ลุกขึ้นยืนหาวหวอดอยู่เหนือหัว ขึ้นไปนอนบนที่นอนไป

    ผู้มาเยือนนอนมองเจ้าของห้องที่เดินไปหยิบผ้าขนหนูตายังไม่เปิดดีด้วยซ้ำ เสียงหาวดังไม่ขาดช่วงคล้ายจะเป็นเสียงคำรามมากกว่า

    คุณจะไปไหน

    อาบน้ำไง

    หลังจากอาบน้ำ

    นิรันดร์พาดผ้าขนหนูไว้ที่ไหล่ตอบตัดรำคาญ ไปทำงานอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม

    ไม่มีคำตอบจากร่างที่นอนอยู่ไม่แม้แต่จะลุกขึ้นไปนอนบนที่นอนดีๆ อย่างที่เขาบอก สายตาคู่นั้นมีความกังวลนิรันดร์จึงปล่อยให้อีกฝ่ายคิดหาคำตอบจนกว่าเขาจะอาบน้ำเสร็จ

    แต่ตอนที่เดินออกมาจากห้องน้ำหมอนั่นก็นอนห่มผ้าหลับเป็นตายอยู่บนที่นอนของเขาเรียบร้อยแล้วใบหน้าผ่อนคลายหาได้มีเรื่องกวนใจเหลือตกค้างจากเมื่อครู่แม้แต่น้อยให้มันได้อย่างนี้

     

    เมื่อรู้ข่าวว่าพายุจะเข้าวันนี้นิรันดร์จึงเลือกที่จะไปทำงานโดยรถเมล์ และคงต้องเดินกลับเพราะเขาเลิกงานก่อนรถเที่ยวแรกจะให้บริการเขาไม่ชอบขับรถมอเตอร์ไซค์ตอนฝนตก ที่สำคัญรถบุโรทั่งนั่นโดนน้ำเมื่อไรเป็นอันสตาร์ทไม่ติดเมื่อนั้น เขาไม่อยากเสียเวลาครึ่งค่อนวันเพื่อซ่อมมันอีกแล้วทุกครั้งที่ฝนตกจึงเลี่ยงใช้มันมาตลอดยังดีที่ห้องเช่ากับร้านไม่ได้อยู่ห่างกันมากจนเดินไม่ไหว ถ้าไม่ใช่เพราะถนนชำรุดรถกับร้านค้าล้นบาทวิถี ข้างทางไม่ปลอดภัย เขาก็อยากจะเดินไปทำงานทุกวัน

    มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นที่ร้านตอนเขาไปถึงชัยชนะผู้เป็นพนักงานพาร์ตไทม์อีกคนกำลังหัวหมุนอยู่กับลูกค้าคนหนึ่ง นิรันดร์กวาดตามองรอบๆยายแก้วไม่ได้อยู่ที่นั่น

    ไปเรียกเจ้าของร้านมาทำงานแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ลูกค้าหัวแถวตะคอกชายวัยกลางคนท่าทางดุดัน สีหน้ากรุ่นโกรธอย่างเห็นได้ชัด ชัยชนะก้มหน้างุด ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ

    ตอนนี้เจ้าของร้านไม่อยู่ครับ

    ปล่อยให้ลูกน้องไม่ได้เรื่องทำงานคนเดียวอย่างนี่น่ะเหรอเฮงซวยสิ้นดี

    ขอโทษครับ

    เหตุคุ้นนิรันดร์เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอไม่ว่าจะเป็นงานไหน แต่เมื่อคุณเป็นพนักงานบริการคุณจะกลายเป็นกระโถน

    นิรันดร์โยนกระเป๋าเข้าหลังเคาน์เตอร์เริ่มงานก่อนเวลาจนได้ทั้งที่เพียงอยากเข้ามาหาข้าวกินก่อนถึงกะของตัวเองก็เท่านั้นมีอะไรเหรอครับ

    กระโถนใบใหม่เข้าไปรับหน้าบุ้ยใบ้ให้เด็กหนุ่มหันไปคิดเงินให้ลูกค้าคนอื่นเขาที่ถือเป็นรุ่นพี่จะจัดการเรื่องนี้เอง

    คุณก็เป็นแค่พนักงานไม่ใช่เหรอยายแก่นั่นอยู่ไหน

    เหมือนน้องเขาจะบอกไปแล้วนะครับว่าเจ้าของร้านไม่อยู่

    ฟังนะหมอนั่นคิดเงินเกินไปร้อยยี่สิบบาท คุณเห็นไหม

    นิรันดร์ก้มดูใบเสร็จที่อีกฝ่ายยื่นมาให้พร้อมกับกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งเขาพอจะเข้าใจว่าทำไมเรื่องถึงได้เลยเถิดมาถึงขั้นนี้

    ถ้าผมไม่เห็นก่อนคงโดนโกงไปแล้ว หันไปหาแถวที่รอจ่ายเงินกับเด็กหนุ่มหน้าถอดสี ขนาดใช้เครื่องยังคิดเงินผิดแล้วจะทำอะไรได้

    ดื่มไปเยอะเลยเหรอครับ นิรันดร์พูดแทรก เขายกยิ้มให้คนที่หันขวับมามองหน้าอย่างเดือดดาล

    ว่าไงนะ

    ดูเหมือนคุณจะเมาร้อยยี่สิบบาทก็ค่าบุหรี่นี่ไม่ใช่เหรอเขาชี้ไปที่ซองบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ต ไม่ได้รวมอยู่ในถุงที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นิรันดร์มองใบเสร็จปราดเดียวก็จำได้แล้วว่าของที่ลูกค้าซื้อคืออะไรบ้าง

    คนเมาก้มลงมองหลักฐานในกระเป๋าเสื้อจนมุมขนาดหนักแต่กลับไม่อยากยอมรับผิด คนทั้งร้านหันมามองเขาเป็นตาเดียว มองเหี้ยไรก่อนจะเดินฟึดฟัดออกจากร้านไป ไม่มีคำขอโทษเลยแม้แต่คำเดียว

    คนทั้งร้านเหมือนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกันเหตุการณ์ชุลมุนผ่านพ้นไปเช่นนั้น รอจนลูกค้าออกไปหมดแล้วนิรันดร์จึงเดินไปหารุ่นน้องที่ทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง

    ผมกลัวแทบแย่

    ได้ดูไหมว่าไม่ได้คิดเงินผิด

    ไม่อะพี่เห็นเขาโวยวายผมก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว ชัยชนะพร่ำพูด แต่ถึงรู้ว่าไม่ผิดผมคงไม่กล้าเถียงเขาอยู่ดี น่ากลัวชะมัด

    คนเมาก็งี้แหละ ว่าพลางตบไหล่ปุๆ ให้กำลังใจ กลับบ้านได้แล้วเดี๋ยวดูต่อเอง

    ยังไม่หมดกะของผมเลยพี่

    เอาเถอะกลับก่อนสักวันจะเป็นไรไป

    เด็กหนุ่มที่ติดหนี้บุญคุณกันอยู่แล้วไม่อยากหนีกลับบ้านก่อนหรอกแต่เพราะคนพูดมีสีหน้าจริงจัง ชัยชนะจึงไม่กล้าขัดคำสั่ง ยอมไปเปลี่ยนชุดแล้วเลิกงานแต่โดยดีสิ่งที่เขาตอบแทนได้คงเป็นการเดินไปซื้อข้าวจากร้านอาหารตามสั่งร้านข้างๆมาให้เท่านั้นเอง

    นิรันดร์หาช่วงที่ลูกค้าซาลงเพื่อกินข้าวมื้อแรกของวันแล้วเขาก็นึกถึงคนที่ห้องขึ้นมา ไม่รู้ป่านนี้จะตื่นหรือยังจะหาข้าวหาปลากินเองได้ไหม เขาอาจจะเป็นห่วงเกินเหตุ แต่จะว่าก็ว่าเถอะ หมอนั่นน่าเป็นห่วงน้อยเสียที่ไหนเงินค่าจ้างที่ตกลงกันไว้คงไม่ได้รวมให้เขาดูแลปรนนิบัติอย่างดีด้วยหรอกใช่ไหม

    อากาศเย็นย่างกรายพร้อมกับฝนที่ลงเม็ดอย่างหนักพนักงานกะดึกรู้อยู่แล้วว่าพายุจะเข้าจึงเตรียมตัวรับมือไว้อย่างดีทั้งกะละมังรองน้ำฝนที่หยดลงมาจากฝ้าตรงมุมหนึ่งของร้าน ปูกระดาษลังที่หน้าร้านไว้ให้ลูกค้าได้เช็ดเท้าที่เปียกโชกก่อนเดินเข้ามาและเช็กไฟสำรองเพราะเมื่อไรก็ตามที่ฝนตกหนักไฟมักจะดับ จนทำให้ระบบต่างๆภายในร้านรวน และการเตรียมพร้อมก่อนหน้านี้แล้วนั้นเองที่ทำให้เขานั่งกินข้าวไปพร้อมๆกับมองฝนตกอย่างเลื่อนลอย

    นึกขึ้นได้เขาลืมหยิบร่มมา

     

    ..............................................................

     

    หนีไป!’

    เสียงนั้นเบาจนแทบกระซิบ แต่ก็เต็มไปด้วยความตระหนกเร่งเร้าเขาไม่ทันได้สังเกตว่าใบหน้าภายใต้หมวกแก๊ปที่กำลังเปิดประตูให้อยู่นั้นคือใครเสียงสัญญาณเตือนไฟไหม้ดังขึ้น คาดว่ามาจากคนคนนี้อีกเช่นกันหรือไม่ก็มีใครคนอื่นที่ช่วยเหลือเขาอยู่ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวิ่งไปตรวจสอบตามจุดต่างๆเขาอาศัยจังหวะนั้นในการวิ่งสุดชีวิต ไปตามทางหนีทีไล่ที่ถูกเตรียมการไว้อย่างดีแล้ว ระหว่างทางไม่มีใครเฝ้าอยู่เมื่อเจ้าหน้าที่กรูกันไปที่ทางหนีไฟที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งนั่นทำให้การหลบหนีของเขาง่ายดายขึ้นเป็นกอง

    เส้นทางภายในอาคารทอดยาวไปถึงหน้าลิฟต์ที่จะพาเขาขึ้นไปหาทางออกลิฟต์ที่ตรวจจับลายนิ้วมือเฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้นแต่การปลอมแปลงลายนิ้วมือไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหุ่นยนต์ระดับเอหรอก

    ลิฟต์นำเขาขึ้นไปจากโกดังชั้นใต้ดินสู่อาคารร้างที่หากมองจากภายนอกคงไม่มีใครคาดเดาได้ว่าข้างล่างนั่นเป็นศูนย์ลับเฉพาะกิจโครงการยักษ์ใหญ่ของมนุษยชาติ

    แม้จะเป็นอาคารร้างแต่ข้างบนก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้าอยู่จำนวนมากเขาเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ในเงามืดของราตรีกาล มีเวลาไม่มากนักเมื่อไรก็ตามที่ข้างล่างนั่นรู้ว่าเขาหนีไปจะต้องเกิดการปูพรมตามหา และถ้ายังออกไปจากที่นี่ไม่ได้นั่นหมายถึงความพยายามทั้งหมดจะสูญเปล่า

    การลอกเลียนแบบการเคลื่อนไหวและหลบหนีถูกตั้งระบบไว้เป็นพิเศษเพียงเจ้าหน้าที่เผลอไม่กี่วินาทีเขาก็ปีนข้ามกำแพงสูงออกมาถึงถนนด้านนอกได้สำเร็จแล้วเสียงฟ้าคำรามครืนๆ ดังมาจากไกลๆ เป็นสัญญาณว่าฝนห่าใหญ่กำลังจะตกลงมาชายหนุ่มหยิบมีดพกออกมาจากกระเป๋ากางเกง เอื้อมไปด้านหลังของตัวเองเพื่อกรีดท้ายทอยออกเป็นช่องเล็กๆพอให้สามารถล้วงนิ้วเข้าไปดึงอุปกรณ์ติดตามตัวออกมาโยนทิ้งได้ก่อนจะหลบหนีไปพร้อมกับสายฝนพรำ

    ฟ้าร้องเช่นวันนั้นเขานั่งมองฝนจากระเบียงห้องขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยฝุ่นผงจากการไม่ได้ทำความสะอาดมาสักระยะหนึ่งแล้วหลังจากตื่นนอนเขาก็เดินสำรวจห้องเพื่อความคุ้นเคย ไม่นานก็ไม่เหลืออะไรให้ทำอีกต่อไปการใช้ชีวิตแบบไร้ซึ่งคำสั่งช่างยากเย็นเหลือเกิน

    เกี๊ยว ย้ำคำเตือนชื่อของตัวเองที่ชายเจ้าของห้องตั้งให้ทีแรกฟังดูแปลกปลอมเหมือนเป็นใครอื่น แต่ตอนนี้เขาก็เริ่มคุ้นชินกับชื่อนี้แล้ว

    นี่เกี๊ยวอันสีฟ้าคือแปรงสีฟันของคุณนะ สีเขียวของผม

    ยังจำสีหน้าท่าทางผ่อนคลายของนิรันดร์ได้เป็นอย่างดีเขาทำเพียงพยักหน้าหงึกๆ รับฟัง และจดจำทุกคำพูดได้ขึ้นใจ

    กลางคืนผมต้องทำงานคุณอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม แถวนี้มีร้านค้าเยอะแยะ คุณออกไปหาซื้อของกินเองได้เลยนะหรือถ้ามีอะไรฉุกเฉินก็ลงไปใช้โทรศัพท์ข้างล่างถ้าใครถามก็บอกไปว่าเป็นเพื่อนของรันห้องสองศูนย์หนึ่ง

    ชีวิตใหม่ของเขาเริ่มต้นขึ้นแล้วในฐานะชายหนุ่มที่ชื่อเกี๊ยวเพื่อนร่วมห้องของนิรันดร์

    เสียงฟ้าร้องดังก้องก่อนที่เสียงสัญญาณเซ็งแซ่จะวกวนอยู่ในหัวเกี๊ยวนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง นี่เป็นสัญญาณการติดต่อครั้งแรกหลังหนีมาจากโกดังเขาทำลายเครื่องมือสื่อสารและติดตามตัวไปแล้วเพราะฉะนั้นคนที่ติดต่อมาหาเขาโดยตรงจะเป็นใครไปไม่ได้อีกนอกจากคนที่รู้จักเขาดีที่สุด

    คนที่สร้างเขาขึ้นมา

    “A2002-04 ได้ยินแล้วตอบด้วย

    หวาดกลัว คงเป็นคำนั้นที่อธิบายความรู้สึกของเขาได้ในตอนนี้พายุใดก็ไม่สามารถพัดพาเขาหนีจากความจริงได้

    ไม่ต้องกลัวผมแค่อยากรู้ว่าคุณปลอดภัยดีไหม ผมติดตั้งระบบสื่อสารฉุกเฉินที่มีแค่ผมเท่านั้นที่รู้ไว้ไม่มีใครติดตามตัวคุณได้จากระบบนี้

    นั่นยิ่งทำให้เขาประหลาดใจมากขึ้นไปอีก

    คุณรู้อยู่แล้วเหรอ

    ว่า?

    ว่าผมจะหนี

    ได้ยินเสียงถอนหายใจ

    ไม่มีเวลาอธิบายตอนนี้ผมกำลังถูกควบคุมตัว

    เพราะผมเหรอ

    อืม...

    ขอโทษครับ เขารู้สึกผิดการหลบหนีของเขาสร้างความเดือดร้อนให้คนที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย ถึงแม้จะวางแผนมาแล้วอย่างดีแต่เขาไม่ได้คิดเผื่อเลยด้วยซ้ำว่าหลังจากหนีออกมาได้แล้วจะทำอย่างไรกับชีวิตของตัวเองต่อจะหนีตลอดไปอย่างนี้น่ะเหรอ

    เอาเถอะรู้ว่าคุณปลอดภัยก็ดีแล้ว มีคนตามคุณอยู่ไหม

    ไม่ครับเหมือนจะยังไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่ไหนเขาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์วันนั้น วันนั้นคุณอยู่ที่ไหนครับ

    วันไหน

    วันที่ผมหนี

    อยู่บ้านคุณก็รู้ไม่ใช่เหรอ

    ใช่ เขารู้วันนั้นหลังจากเลิกงานชายหนุ่มก็ออกจากโกดังไป แต่เขาอยากถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งเมื่อยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าใครกันที่ช่วยเขาไว้

    มีอะไรเหรอ

    เปล่าครับแต่ต่อให้เป็นผู้สร้าง เขาก็ยังไม่อยากให้รู้เรื่องนี้

    แผนของคุณคืออะไร

    ผมจะซ่อนตัวไปสักพักแล้วค่อยหนีไปเรื่อยๆ ครับ

    ดีแล้ว ยิ่งอยู่ที่ไหนนานๆจะยิ่งอันตราย เก็บรักษาเงินไว้ให้ดี ถ้าหมดเมื่อไหร่ให้ติดต่อมาหาผมผมจะหาวิธีช่วยคุณ แล้วก็...อย่าไว้ใจใคร

    ชายหนุ่มหลุบตา ครับ เขายังคงทำอย่างนั้นอยู่แม้กระทั่งตอนนี้

    ผมจะติดต่อไปอีกที

    แล้วสัญญาณก็ขาดหายไป เกี๊ยวเอาแต่จ้องมองสายฝนอยู่เช่นเดิมครุ่นคิดถึงคำพูดของผู้สร้าง ทีแรกเขาไม่อยากไว้ใจใครหรอกแต่เมื่อได้มาเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง ความเชื่อใจกลับเป็นสิ่งสำคัญเหลือเกิน

    เขาลุกขึ้นทำความสะอาดห้องเท่าที่จะทำได้เพื่อฆ่าเวลาแต่ละนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนนึกสงสัยขึ้นมาว่ามนุษย์ชอบทำอะไรตอนฝนตกใช่หาวิธีต่อกรกับฝนหรือเปล่า

    แล้วสายตาของเขาก็หันไปเห็นร่มสีน้ำเงินคันหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะพลาสติกก่อนนอนนิรันดร์เป็นคนเตรียมเอาไว้เองปากก็บ่นว่าถ้าฝนตกคงต้องเดินกลับห้องอย่างนู้นอย่างนี้มาวันนี้กลับลืมเอาร่มไปเสียอย่างนั้น

    ชายหนุ่มยกยิ้มพอใจอย่างน้อยการลืมร่มก็ทำให้เขามีจุดหมายในชีวิตบ้างแล้ว

    คืนนี้เขาจะไปรับนิรันดร์

     

    ..............................................................

     

    ฝนซาแล้วแต่ยังไม่มีทีท่าจะหยุดตก เป็นเพราะฝนอีกเช่นกันที่ทำให้ค่ำคืนนี้มีลูกค้าบางตานิรันดร์ไม่เหลืองานอะไรในร้านให้ทำอีกต่อไป เขาจึงใช้เวลาที่เหลือในการนั่งซ่อมนาฬิกาโบราณเขามีความสามารถพิเศษคือซ่อมอะไรก็ได้ที่พังไปแล้วให้กลับมาใช้งานได้อีกจะเรียกว่าความสามารถพิเศษก็ไม่ถูกนักหรอก เป็นการเก็บของที่คนอื่นทิ้งแล้วมาใช้ต่ออยู่เป็นนิจมากกว่า

    นาฬิกาโบราณเรือนนี้เป็นนาฬิกาไขลานที่แขวนบอกเวลาอยู่ภายในร้านมานานโขแล้วอาจจะนานพอๆ กับอายุของร้านเลยก็ว่าได้ ความเก่าแก่ของมันนี่แหละที่ทำให้เขาต้องคอยซ่อมแซมอยู่เสมอครั้นจะเปลี่ยนเรือนใหม่แก้วกุดั่นก็ยืนกรานเสียงแข็ง ร้านนี้จะถูกปิดไปพร้อมกับนาฬิกาเรือนนี้ ฟังดูขบขันแต่นิรันดร์ไม่ขอเสี่ยงตกงานจะดีกว่า หน้าที่รองของเขาจึงเป็นคนดูแลนาฬิกาประจำร้านไปโดยปริยาย

    เขานั่งซ่อมนาฬิกาอย่างเงียบเหงาโดยมีโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้เป็นเพื่อนรายการหนังรอบดึกสนุกเสียจนไม่อาจละสายตาได้ หนึ่งชั่วโมงแล้วที่ประตูร้านปิดอยู่อย่างนั้นกระทั่งล่วงเข้าตีสามประตูก็เปิดออก แต่กลับไม่ใช่ลูกค้า

    ทำไมวันนี้มาเร็วนิรันดร์ส่งเสียงทักเมื่อหันไปเห็นว่าเป็นไพลินที่มาถึงก่อนเวลางานเกือบชั่วโมงหญิงสาวเดินไปให้อาหารปลาก่อนเป็นอย่างแรก

    โดนเฉดหัวออกจากบ้านอะดิ

    พ่อเห็นแล้วเหรอ

    อือไม่กลับบ้านตั้งหลายวัน กลับมาเห็นลูกสาวผมสั้นกุดสักเต็มคอคงทำให้อาหารไม่ย่อย เธอพูดประชด ใครเป็นเจ้าของชีวิตนี้กันแน่

    ชายหนุ่มละมือจากนาฬิกาหันไปมองแผ่นหลังของไพลินที่ทำเหมือนไม่ยี่หระ ทว่านิรันดร์รู้จักเธอมานานพอๆกับที่เข้ามาทำงานที่นี่ไพลินเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวเศรษฐีที่มีหน้ามีตาทางสังคมพยายามสร้างภาพเจ้าหญิงในกรงทองให้เธอตั้งแต่ยังไม่รู้ความแต่ไม่มีอะไรกักขังอิสรภาพไว้ได้ตลอดกาลหรอก วันหนึ่งเธอก็หลบหนีโบยบินไปตามเส้นทางของตัวเอง ตั้งแต่นั้น ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ห่างเหินกันอยู่แล้วก็แตกร้าวมาจนถึงทุกวันนี้

    คงไม่ได้กำลังสงสารเพลงอยู่ใช่ไหม

    ช่วยเพลงด่าพ่ออยู่ในใจต่างหาก

    งั้นดีเลย

    นิรันดร์ยกยิ้มเมื่อเห็นหญิงสาวอารมณ์ดีขึ้นแล้วบางทีพี่ก็ลองจินตนาการดู

    จินตนาการอะไร

    ถ้ารวยเหมือนเพลงจะยังมาทำงานที่ร้านแบบนี้ไหม

    ไพลินยักไหล่ ลูกคนรวยก็มาลำบากเพื่อความสนุกทั้งนั้นแหละ ว่าแล้วก็กระโดดไปนั่งห้อยขาอยู่บนเคาน์เตอร์ หยิบรีโมตขึ้นมาเปลี่ยนช่องแต่คนที่ดูหนังอยู่กลับโวยเข้าให้

    ดูอยู่

    พี่ดูเรื่องนี้รอบที่เท่าไหร่แล้วเหอะ

    ก็เขาชอบฉายเรื่องเดิม พึมพำก่อนจะก้มลงซ่อมนาฬิกาต่อ

    ไพลินเลื่อนกลับมาช่องเดิมเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าดูเธอหันไปมองมือที่กำลังซ่อมนาฬิกาอยู่อย่างชำนาญเป็นครั้งที่เท่าไรของนิรันดร์แล้วก็ไม่รู้กับการซ่อมนาฬิกาเรือนนี้

    แล้วจะเอายังไงต่อ

    หมายถึง?

    จะกลับไปเรียนไหม

    หญิงสาวส่ายหน้าเนือยๆ ไม่รู้ดิถ้าเพลงออกตอนนี้แล้วร้านจะเป็นยังไง คนก็ยิ่งไม่พออยู่

    ไหนบอกแค่มาหาความสนุกเฉยๆไง

    ความผูกพันก็สนุกดีนะ ไพลินไม่ได้ละสายตาจากนาฬิกา บางครั้งเธอก็ว้าเหว่ นอกจากที่นี่เพลงก็ไม่รู้จะเป็นห่วงอะไรได้อีก”

    วันนี้นิรันดร์อยากขอบคุณฝนที่ทำให้เขาได้มีเวลาทำความรู้จักใครคนหนึ่งมากยิ่งขึ้นทั้งคู่นั่งคุยกันจนกระทั่งชายหนุ่มซ่อมนาฬิกาเสร็จ เขานำมันไปแขวนไว้ตรงตำแหน่งประจำหลังเคาน์เตอร์ไม่รู้เพราะเป็นค่ำคืนที่ฝนตกหรือเปล่า เข็มวินาทีถึงได้เคลื่อนอย่างเชื่องช้าเวลาดำเนินไปอย่างอืดอาดเหลือเกิน

    ไพลินที่เปลี่ยนชุดเตรียมเข้างานเรียบร้อยแล้วเดินออกมาเห็นชายหนุ่มนั่งพึมพำอยู่คนเดียวตกหนักเลย จะว่าไปฝนก็ยังไม่มีทีท่าจะหยุดตกเสียที

    จะเดินกลับเหรอ

    คงงั้นแต่ลืมเอาร่มมา

    เอาของเพลงไปก่อนดิ

    ไม่ต้องหรอกรอให้ฝนหยุดดีกว่า

    ไพลินไม่เข้าใจว่าดีกว่าตรงไหนยายแก้วมีร่ม เธอมีร่ม ที่ร้านขายร่ม แต่กลับอยากรอให้ฝนหยุดตกแทนน่ะเหรอช่างเป็นคนที่คาดเดาได้ยากจริงๆ นั่นแหละ

    ถ้ามันไม่หยุดอะ

    ก็ดีดิ นิรันดร์ตอบเสียงเอื่อยพอนึกว่าห้องที่เคยเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขามีคนอื่นอาศัยอยู่ด้วยก็ชวนให้รู้สึกอึดอัดจนไม่อยากกลับขึ้นมา

    แปลก

    ช่างเหอะ เขาไม่อยากเล่าอะไรไปมากกว่านั้นขืนไพลินรู้ว่าเขาให้ใครที่ไหนไม่รู้มาอยู่ด้วยเพื่อแลกกับเงินคงจะโดนเธอเอ็ดเข้าให้แน่ๆ

    ว่าแต่เพื่อนพี่คนที่มาร้านเมื่อวานชื่ออะไรนะไม่เห็นเคยพูดถึงหญิงสาวที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่ถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ไม่ได้หันไปมองว่าคนถูกถามชะงักไปด้วยความตกใจเล็กน้อย ก่อนจะบ่ายเบี่ยง

    ไม่ใช่เพื่อนสนิทหรอกรู้จักกันแค่ผ่านๆ

    แล้วชื่ออะไร

    เกี๊ยว ตอบไปก็เหลือบมองอย่างระแวงไปยังดีที่ไพลินให้ความสนใจกับความสะอาดของโต๊ะมากกว่าจะจับผิดเขา

    ชื่อแปลกดี เธอเอียงคอครุ่นคิด ดูเหมือนรำพึงกับตัวเองมากกว่า เกี๊ยวเหรอ...”

    นิรันดร์กลืนน้ำลายอึกใหญ่มีอะไร

    เพลงคุ้นหน้าเขาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก สงสัยจะจำคนผิด

    คำอธิบายนั้นทำให้นิรันดร์ทั้งเบาใจและหนักใจที่เบาใจคือดูเหมือนไพลินจะไม่ได้ตะขิดตะขวงอะไรในตัวของเกี๊ยวมากนักที่หนักใจคือถ้าไพลินเคยเห็นเกี๊ยวขึ้นมาจริงๆ แล้วตัวตนของชายหนุ่มคนนั้นคือใครกันแน่

    ยังไงก็รีบกลับไปพักเถอะวันนี้พี่เข้างานก่อนเวลาไม่ใช่เหรอ ได้ข่าวว่าเกิดเรื่อง

    นิรันดร์สลัดความคิดยุ่งเหยิงหันกลับไปมองหญิงสาวที่พยายามหาอะไรทำ แต่พบว่าทั้งการเช็กสต็อก จัดสินค้าหรือแม้กระทั่งทำความสะอาดร้าน พนักงานกะก่อนหน้าก็ทำเสร็จหมดแล้ว

    รู้ด้วยเหรอ

    ไอ้วินบอก

    นิรันดร์เลิกคิ้ว เจอกัน?

    ไลน์

    สนิทกันขนาดนั้นเลย

    ไพลินหันไปมองตาขุ่น ยายแก้วตั้งไลน์กลุ่มไว้คุยกันมีทุกคนนั่นแหละ ยกเว้นพี่

    ของพี่ โทร.เข้าโทร.ออกได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว

    ยายจะซื้อใหม่ให้ก็ไม่เอาโอทีก็ได้ตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ พี่เอาเงินไปเก็บไหนหมด

    นิรันดร์ไม่สนใจเขาเปลี่ยนเรื่องเก่งที่หนึ่ง เรื่องเมื่อตอนเย็นน่าโมโหมาก มีอย่างที่ไหนเมาเองแล้วโวยวายโทษพนักงานสงสารวินมัน

    หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจเธอพอจะรู้เรื่องมาจากชัยชนะบ้างแล้ว ความจริงพี่น่าจะยอมๆ ไปหมอนั่นเป็นไอ้ขี้เมาลูกค้าประจำไม่ใช่เหรอ

    ดีเท่าไหร่ที่เป็นพี่ถ้าเป็นเพลงมาเจอคงต่อยมันไปแล้ว

    ก็จริง ไพลินพยักหน้ารับ แต่ระวังไว้หน่อยก็ดี พี่ก็รู้พวกนักเลงอะเสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้

    นิรันดร์ไม่นึกอยากเอาเรื่องไร้สาระมาใส่ใจแต่ตอนนั้นเขาน่าจะฟังสิ่งที่ไพลินพูดแล้วระมัดระวังตัวมากกว่านี้เพราะทันทีที่เขาเดินออกจากร้านเพื่อจะเอาขยะไปทิ้งเท้าข้างหนึ่งก็ถีบเข้ากลางหลังเต็มๆ จนต้องไปนอนอยู่บนพื้นโสโครกกลางฝน

    ทันทีที่ตั้งตัวได้เขาก็หันขวับไปเห็นใบหน้าของลูกค้าคนเดิมที่มีเรื่องด้วยเมื่อเย็นวานสิ่งที่ต่างออกไปคงเป็นกลิ่นเหล้าเหม็นรุนแรงกว่าเก่าบ่งบอกถึงปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายที่มากขึ้น ข้างๆ ยังมีชายอีกสองคนที่น่าจะเมาพอกันยืนมองพร้อมรอยยิ้มหยัน

    ยั้งมือหน่อยนะเพื่อน

    ไม่ต้องห่วงแค่จะสั่งสอนให้มันจำขึ้นใจว่าลูกค้าคือพระเจ้า

    ถ้าไม่ติดว่าต้องหลบหมัดจากพระเจ้านิรันดร์คงจะหลุดขำด้วยความสมเพชไปแล้วเขาลุกขึ้นยืนได้อย่างฉิวเฉียดก่อนจะเตะไปที่หน้าแข้งของมันเสียเต็มแรง นอกจากจะทำให้ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วนั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายหน้าแดงจัดด้วยความโกรธเพื่อนอีกสองคนเห็นท่าไม่ดีก็รุมกันเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยงแลกหมัดกันไปมาหลายต่อหลายรอบ ถึงจะหลบได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ด้วยจำนวนคนแล้วเขาไม่มีทางสู้ได้เลย

    หมาหมู่นี่หว่า นิรันดร์ค่อนขอดขณะยกมือเช็ดเลือดตรงมุมปาก ทั้งสามคนมีสภาพไม่ต่างกันเห็นเขาสู้กลับแทนที่จะรามือกลับยิ่งเดือดดาลสติที่เลือนรางเพราะความเมามายทำให้ยากเกินกว่าจะควบคุมตัวเองได้ชายสองคนกรูกันเข้ามาล็อกตัวเขาไว้แน่นส่วนคู่กรณีตัวจริงกำลังยืนยิ้มอยู่พร้อมชูมีดพกในมือ

    มึงจะได้รู้ว่าหมามันกัดไม่เลือกหน้า

    พระเจ้าดูละครหลังข่าวมากไปจริงๆนั่นแหละ

    มีดพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วนิรันดร์เบี่ยงตัวออกแต่เพราะโดนจับไว้อยู่จึงหลบได้ไม่ถนัดเขาโดนมีดเฉี่ยวบริเวณสีข้าง เจ็บแปลบจนต้องงอตัวจึงไม่ทันสังเกตว่าอีกฝ่ายกำลังยกมีดเตรียมจ้วงเข้าที่กลางลำตัวของเขาอีกครั้ง

    ฉึก!

     ได้ยินเสียง แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บตรงไหนนิรันดร์เงยหน้าไปมองในทันที ตรงหน้าของเขาไม่ใช่มือมีดแต่เป็นแผ่นหลังของใครบางคนที่ยกมือรับมีดนั้นไว้แทนต่างหาก

    วินาทีโกลาหลเสียงตะโกนเรียกตำรวจดังมาจากที่ไหนสักแห่ง ร่างของเขาถูกปล่อยให้เป็นอิสระเสียงโวยวายของพวกมันสามคนบอกกันเองว่าให้หนี ก่อนจะวิ่งหายไปจากซอยมืดฝนยังคงกระหน่ำหนักเหมือนไม่เคยตกมาก่อน

    นิรันดร์งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเขานิ่งงันไปครู่หนึ่งเมื่อเจ้าของแผ่นหลังที่อยู่ประชิดตัวกันหันหน้ามาหาสายตาที่เคยเต็มไปด้วยความตระหนกกำลังมองเขาอย่างเป็นห่วง

    รันเจ็บไหม เกี๊ยวถามขณะมองสำรวจร่างกายของคนตรงหน้าดวงตาเบิกโพลงเมื่อเห็นรอยเสื้อเปื้อนเลือด เลือดออก

    ทว่าสิ่งที่ทำให้นิรันดร์งุนงงไม่ใช่เหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานที่เพิ่งผ่านมาหรอกแต่เป็นการที่หมอนี่โผล่มาอยู่ตรงหน้าแทนที่จะรออยู่ที่ห้องต่างหาก ไหนจะคว้าคมมีดไว้อย่างไม่เกรงกลัว

    ที่สำคัญ

    มือ... เสียงของนิรันดร์เบาหวิว เขาจับมือของเกี๊ยวมาดูด้วยความตกใจมีดปักทะลุหลังมือชวนให้ใจหายวูบ แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือแม้บาดแผลจะลึกขนาดนั้นกลับไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว

    นิรันดร์ขมวดคิ้วมุ่นไม่สามารถหาอะไรมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ความตื่นตระหนกและสงสัยนั้นเองที่ทำให้เขาดึงมีดเล่มนั้นออกมาอย่างแรงรั้งมือของเกี๊ยวที่พยายามดึงมือของตัวเองกลับไว้มั่นจ้องมองกระทั่งเห็นว่าบาดแผลบริเวณนั้นไม่มีเลือดออกจริงๆ

    นอกจากนั้นผิวหนังที่โดนแทงก็ค่อยๆ สมานกันจนกลายเป็นปกติ ไม่เหลือบาดแผลทิ้งไว้แต่อย่างใด...

    นิรันดร์ผละมือออกมาในทันทีด้วยความตกใจตาเบิกโพลงมองเกี๊ยวที่มีสีหน้าซีดเผือดเมื่อโดนจับได้ไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำว่าไพลินที่เป็นคนตะโกนเรียกตำรวจเมื่อครู่วิ่งเข้ามายืนอยู่ข้างกันแล้ว

    คุณเป็นใครกันแน่

    เสียงของนิรันดร์ดังแข่งกับเสียงฝนละอองน้ำสาดกระเซ็นโดนร่างที่ยืนอยู่ใต้ชายคาร้านขายของชำ เกี๊ยวได้แต่อ้ำอึ้ง ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี

    ท้ายที่สุดพายุฝนได้ชะล้างตัวตน เผยให้เห็นความลับที่พยายามซุกซ่อนไว้แต่ไม่สำเร็จ

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in