เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ดอกแก้วแลดาวเหนือpopafterparty
ดอกแก้ว



  •       เด็กหญิง ดอกแก้ว วัยแปดขวบหารู้ไม่ว่าตนนั้นเป็นเด็กหญิงที่โชคดีเพียงใดขณะที่กำลังนั่งมองผู้เป็นยายบรรจงปั้นแป้งให้เป็นลูกกลมสำหรับของหวานแสนเลิศรสในวันนี้ 



        “แม่แก้ว ลองทำตามยายซี” ผู้เป็นยายบอกอย่างใจดีขณะที่ดอกแก้วนั่งนิ่ง มองมือทั้งสองข้างของยายตาไม่กระพริบ




         “ของหนูรูปทรงพิลึกเหลือเกินค่ะ ขนาดก็ไม่พอดี ดูไม่น่ากิน หนูดูคุณยายทำดีอยู่แล้วค่ะ” เด็กหญิงตอบเจี๊ยวจ๊าว ทำเอาผู้ใหญ่หลุดยิ้มอย่างเอ็นดู




        “ตอนยายอายุเท่าแม่แก้ว บัวลอยของยายก็ขี้ริ้วขี้เหร่ หากอาศัยการฝึกฝน ไม่กลัวผิด ถึงจะดูไม่น่ากินในช่วงแรก รสชาติมันก็อร่อยไม่ต่าง แต่ในครั้งต่อๆ ไป แม่แก้วจะทำได้สวยขึ้นด้วย” 



         “ค่ะ คุณยาย” ดอกแก้วยิ้มรับคำสอนของคุณยาย มือเล็กทั้งสองข้างเริ่มจิกเนื้อแป้งดิบขึ้นมาบรรจงปั้น 




          บัวลอยน้ำกะทิเนื้อมะพร้าวอ่อนหน้าตาสวยงามด้วยแป้งเนื้อกลมหลากสีลอยอยู่ในน้ำกะทิขาวข้น โรยด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อนฝานบาง แสดงถึงทุกขั้นตอนที่วิจิตบรรจง ใส่ใจ และเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้ผลตอบรับที่น่าพึงพอใจจากคนในครอบครัว และแขกเหรื่อที่จะมีโอกาสได้ริ้มรสชาติ เพื่อเป็นเกียรติ เป็นชื่อเสียงส่งต่อกันและจะแสดงให้รู้กันต่อไปว่าบ้านนี้มีวิถีจริงจังและตั้งใจแม้จะเป็นแค่ส่วนของอาหาร


         ไม่ต่างกันนัก กับดอกแก้วที่เกิดมาในครอบครัวที่มีการศึกษา มารดาของดอกแก้วทำงานเป็นผู้ติดต่อสื่อสารกับต่างประเทศ ส่วนบิดาเป็นครูบาอาจารย์มีเกียรติ มีคนนับหน้าถือตา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของดอกแก้วจึงได้รับการคัดสรรอย่างใส่ใจมาอย่างดี ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยอย่างการแต่งกายยันเรื่องใหญ่โตอย่างการศึกษา การเข้าร่วมกิจกรรมสันทนาการ ฝึกฝนทักษะต่างๆ ดอกแก้วในวัยเด็ก จึงเปรียบได้ดั่งกระดาษขาวที่เติบโตขึ้นมาอย่างสดใส ยามค่อยๆ เติบโตขึ้น ก็เหมือนกับการถูกแต่งเติมสีที่ได้รับการคิดพิจารณาถึงความสง่างามของกระดาษขาวแผ่นนั้น ดอกแก้วได้ศึกษาในโรงเรียนอินเตอร์อันดับต้นๆ ของประเทศตั้งแต่ชั้นประถม ในขณะที่ด้านทักษะกิจกรรมก็ไม่ขาดตกบกพร่อง มารดาของเธอ พรโสภา วางแผนให้ลูกสาวได้เรียน บัลเลต์ เปียโน ไวโอลิน เพื่อให้ไม่ขายหน้ายามที่ต้องแสดงความสามารถ





          ความน่ารักสดใสของดอกแก้วทำให้ทุกคนรอบกายอดไม่ได้ที่จะเอ็นดู ในขณะเดียวกันก็อดนึกอิจฉาในโชคชะตาของเธอไม่ได้ เด็กคนนี้ไม่เพียงแค่ได้รับความสะดวกสบายทางกายภาพเท่านั้น หากยังได้รับการถนุถนอม อบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี ยามโตขึ้นอีกหน่อย ดอกแก้วก็ได้ไปเรียนมัธยมปลายที่อังกฤษ ได้รับการบ่มเพาะทางปัญญาและทัศนคติของผู้ดีอย่างภาคภูมิ







         พรโสภามีปณิธาที่แข็งแกร่ง

    .    ตั้งแต่คราที่ดอกแก้วยังเล็ก พรโสภาเดินทางไปมาต่างประเทศจนนับครั้งไม่ถ้วน หลายครั้งไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนที่เหลือจากนั้น มันเป็นไปด้วยความอึดอัดและขายหน้า ตั้งแต่ครั้งนั้นที่บังเอิญได้ยินเพื่อนร่วมงานชั่วคราวพูดคุยกันเรื่องโสเภณีอย่างออกรส เพียงแค่ได้ยินคำว่าประเทศไทยจากปากของเธอ หลังจากตั้งกระทู้ตั้งคำถามถึงพื้นฐานและความเป็นมาของโสเภณีด้วยความโมโป พรโสภามีปณิธานที่แข็งแกร่งและก้าวร้าวเพื่อที่จะป้องกันเด็กหญิงดอกแก้วให้ห่างจากมลทินแลความไร้อย่างอายของผู้หญิง 

    แต่ความเดือดดาลที่มาพร้อมกันกับใจที่แหลกสลายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อพรโสภาจับได้ว่า สามี ของเธอ ผู้เป็นถึงครูบาอาจารย์มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ได้ลดทั้งเกียรติแลศักดิ์ศรีของตนเองไปหาความบันเทิงในแหล่งที่เขาเรียกกันว่า ‘นางงามตู้กระจก’ แม้ว่าเขาจะอธิบายว่ามันเป็นเพียงแค่โชว์เปลื้องผ้าเท่านั้นที่เขาเข้าร่วมชมเพราะเพื่อนร่วมงานชักชวน ไม่มีการล่วงละเมิดศีลธรรมอย่างอื่น เด็กหญิงดอกแก้วอายุครบสิบห้าปีและจบมัธยมต้นพอในตอนนั้น พรโสภาตัดสินใจส่งลูกสาวไปเรียนต่อที่อังกฤษ ในสังคมที่ดีที่สุด กลุ่มคนที่ดีที่สุด เพื่อไม่ให้ล่วงรู้สิ่งเลวร้ายที่บิดาของเธอได้กระทำ และเพื่อให้ตัวเธอเองได้ดูกันต่ออย่างไม่รบกวนจิตใจลูกสาวที่รักแลเทิดทูนบิดาเสียยิ่งกว่าอะไรว่าจะเอาอย่างไรต่อไปกับความสัมพันธ์นี้





          ดอกแก้วกลับมาประเทศไทยหลังจากสามปีของไฮสคูลที่ไม่มีโอกาสได้กลับมาเพราะมารดาของเธออาสาที่จะเป็นฝ่ายไปหาเองทุกครั้ง แต่เพียงไม่กี่ชั่วโมงแห่งความสุขแลความตื่นเต้น เมื่อกลับมาถึงบ้านจึงได้รู้ความจริงจากปากของมารดา ว่าได้หย่าขาดกับบิดาของตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดอกแก้วใจสลายพลางนึกกับตัวเองว่านอกจากสภาพของเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปตามการเวลาแล้ว บ้านของเธอยัง ‘แตกสาแหรกขาด’ 


         ดอกแก้วเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ร้องไห้ออกมาอย่างหนักหนาสาหัสจนกระทั่งลืมวันแลเวลา เธอคิดสะท้อนไปมาอยู่ในหัวถึงสาเหตุที่มารดาของเธอเกลียดบิดาของเธอพันธุ์ที่ไม่อยากแม้แต่จะเอ่ยชื่อ มันคือสาเหตุที่ดอกแก้วได้รู้จากน้ำเสียงอันดังแลแข็งกร้าวที่ไม่ค่อยจะได้ยินจากผู้เป็นแม่ หลังจากที่เธอเอ่ยถามพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุด 


         ดั่งกลีบดอกแก้วที่อ่อนแอแลล่วงหล่นแค่เพียงลมต้อง พลันความสวยงามแลความสดใสได้หายไป หากดอกแก้วได้เรียนรู้กับตัวเอง ว่าแต่ละกลีบที่ล่วงโรยเหมือนกับหยดน้ำตา ส่วนของก้านที่แข็งแรงจนเป็นที่เลื่องลือก็ยิ่งเผยให้เห็นชัดขึ้นสู่สายตา เปรียบดั่งการที่ต้องแลกความเข้มแข็งกับหยดน้ำตา ดอกแก้วนึกกับตัวเองว่าเธอต้องร้องไห้อีกสักเท่าไหร่จึงจะไม่ร้องไห้อีกเลย



          เพราะข่าวที่ทำให้ใจที่ยังสลายได้ใหม่ทุกครั้งหลังจากที่คิดว่ามันแหลกที่สุดแล้วยังคงลอยเข้าหูอยู่ไม่จบสิ้น ที่ว่าบิดาของเธอยังถูกพบเห็นบ่อยครั้งในสถานที่นั้น ‘นางงามตู้กระจก’ วลีที่ทิ่มแทงดอกแก้วทุกครั้งที่ได้ยิน มันมีเกิดสิ่งใดขึ้นอีกนอกจากความสงสัยใคร่รู้ในอาชีพที่พ่วงการทำลายครอบครัวของผู้อื่น ดอกแก้วตัดสินใจ—โดยปราศจากการรับรู้ของมารดา—ไปยังสถานที่แห่งนั้น สถานที่แห่งความเลวร้ายแลเป็นต้นเหตุของซากปรักหักพังในจิตใจของเธอ










เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in