วันที่ 19 : กระบะทราย
พารักษ์เดินออกมาจากห้องพักอาจารย์เงียบๆ รอบกายพลุกพล่านไปด้วยผู้คน แต่พารักษ์เหมือนถูกปิดกั้นการรับรู้ สองขาพาเจ้าของร่างกายเดินกลับมาจนถึงหอพักสองชั้นของตนเอง พารักษ์ยืนมองตึกอยู่นานกระทั่งแขนขวาโดนสะกิดเบาๆ
“พี่รักษ์มายืนตากแดดตรงนี้ทำไม ร้อนออก” เด็กชายวัยมัธยมต้นถามเบาๆ พารักษ์หันมาช้าๆ ยิ้มน้อยๆ ให้
“พี่กำลังจะเข้าไปแล้ว รันเหอะ นี่บ่ายอยู่เลย โดดเรียนเหรอ” ชายหนุ่มถามรติพงษ์ หลานชายเจ้าของหอ อีกฝ่ายส่ายหน้า
“วันนี้โรงเรียนสอนครึ่งวัน ตอนบ่ายครูไปประชุมเกือบหมดโรงเรียนครับ” เด็กชายตอบ พารักษ์พยักหน้ารับรู้ ร่างสูงกว่าถอนหายใจก่อนขอตัวขึ้นห้อง
สองขาหนักอึ้ง…
เป็นเช่นนี้มาสองอาทิตย์แล้ว ทุกครั้งที่ขึ้นบันได แข้งขาเหมือนโดนถ่วงด้วยเหล็กหนัก จะก้าวขาขึ้นแต่ละขั้นบันไดก็ยากเย็นเหลือเกิน
แค่กลับมาอยู่คนเดียวเหมือนเดิม ทำไมถึงทำไม่ได้สักทีวะ!...
พารักษ์สบถในใจ มือเรียวไขกุญแจก่อนบิดลูกบิดเปิดประตูเข้าไป
ห้องพักห้องเดิมที่เขาต้องกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้งทำเอาใจสะท้านวูบ ภาพใบหน้าเปื้อนยิ้มยังคงวนเวียนอยู่ในหัว สัมผัสของผมสีเงินอ่อนนุ่มยังคงติดอยู่ที่ปลายนิ้ว
เขายังจำมันได้…
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น พารักษ์เลิกคิ้ว
“ใครครับ”
“พี่รักษ์ ผมเองครับพี่” เสียงของเด็กชายที่เพิ่งแยกจากพารักษ์เมื่อครูดังอยู่หลังประตู พารักษ์แปลกใจไม่น้อยแต่ก็เดินไปเปิดประตูให้
“ว่าไงรัน”
“ตอนบ่ายพี่รักษ์ว่าป่ะครับ ผมมีเรื่องอยากรบกวนหน่อย” รติพงษ์เอ่ยด้วยใบหน้าลำบากใจ ในมือถือเครื่องมือสื่อสารเครื่องบางที่พารักษ์ไม่คุ้นว่าเป็นของเด็กชายไว้แน่น
“มีอะไรให้พี่ช่วย”
“เอ่อ… ผมต้องทำรายงานนอกสถานที่ครับ ต้องถ่ายรูปเก็บ แล้วมันต้องออกไปไกลนิดหน่อย ตาเลยไม่ยอมให้ผมไปคนเดียว แต่ตาก็ปวดขาอยู่…”
“อ๋อ อยากให้พี่ไปเป็นเพื่อน ได้สิ ไปเลยมั้ย” พารักษ์ตอบรับ รติพงษ์ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่เขาเพิ่งได้เจอ เพราะตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่หอพักแห่งนี้ เขาก็เจอและทักทายเด็กคนนี้ตลอด
คนแปลกหน้าก็เคยให้มาพักด้วยกันแล้วเหอะ…
“เย้! ขอบคุณครับพี่รักษ์ เดี๋ยวผมไปบอกตาก่อน”
“งั้นพี่ไปด้วย คุณลุงจะได้สบายใจ”
“ขอบคุณครับ”
.
.
.
สนามเด็กเล่น?
พารักษ์มองรอบๆ ด้วยรอยยิ้มบาง เขานั่งอยู่บนโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้ มองรติพงษ์ที่เดินถ่ายรูปรอบๆ สนามเด็กเล่นด้วยความรู้สึกคิดถึง
นานแล้วที่ไม่ได้มาสนามเด็กเล่น…
ครอบครัวหลายครอบครัวพาลูกตัวเล็กบ้าง ตัวโตบ้างมาเดินเล่นบริเวณรอบๆ บางคนก็เล่นเครื่องที่มีอยู่ในสนาม
กระดานลื่น…
ชิงช้า…
ม้าหมุน…
กระดานหก...
กระบะทราย…
…
…
กระบะทราย!!!
พารักษ์เบิกตากว้าง ความทรงจำบางอย่างในวัยเด็กที่หายไปเนิ่นนานไหลย้อนหลับมาราวกับสายน้ำหลาก…
ในวันที่อากาศเย็นจัดจนต้องใส่ทั้งหมวกไหมพรมอุ่น พันผ้าพันคอหนานุ่ม สวมเสื้อแขนยาวถึงสองชั้นเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นในฤดูหนาว นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตของเด็กน้อยในวัย 6 ขวบกว่าๆ กวาดมองสนามเด็กเล่นด้วยความตื่นเต้น อะไรไม่รู้ที่ทำให้เขาอยากมาสนามเล็กเล่นในวันนี้ เด็กน้อยจึงรบเร้าบิดามารดาจนทั้งสองท่านยอมใจอ่อนพาออกมา
เด็กน้อยนั่งเล่นในกระบะทรายเป็นเวลานาน สร้างอาณาจักรเล็กๆ ของตัวเองในกรอบกระบะสี่เหลี่ยมที่มีทรายร่วนอยู่เต็มไปหมด เด็กชายพารักษ์มองบ้านหลังเล็กหลังใหญ่ที่เขาสร้างเองกับมืออย่างภาคภูมิใจ ก่อนมองไปทางที่ผู้ปกครองนั่งรอแล้วยิ้มร่าเริงให้ทั้งคู่
เด็กน้อยตัวเล็กลุกออกมาก่อนเดินไปบอกกับพ่อแม่ว่าจะไปล้างมือ เขาอยากไปเอง เขาอยากลองทำด้วยตัวเอง พารักษ์เดินช้าๆ ไปที่ก๊อกน้ำที่สนามเด็กเล่นมีไว้ให้ล้างมือ มือเล็กรองน้ำเย็นจัดที่ไหลออกมาจากก๊อกน้ำ เมื่อเรียบร้อยก็ปิดน้ำแล้วสะบัดมืออยู่สองสามครั้ง พลันสายตาเหลือบไปเห็นคนตัวสูงคนหนึ่งที่อายุมากกว่าเขา เด็กน้อยตกใจเมื่อเห็บใบหูสุนัขสีเทาที่โผล่ออกมาจากกลุ่มผมสีเงิน อีกทั้งหางฟูโบกไปมาด้านหลัง สองขาสั้นป้อมรีบวิ่งไปหาพี่ชายแปลกหน้าทันที
ร่างเล็กเตี้ยของเด็กน้อยวัย 6 ขวบวิ่งมาหยุดที่หน้าเด็กหนุ่มวัยรุ่น คนอายุมากกว่าดูแปลกใจไม่น้อย เด็กน้อยกวักมือให้อีกฝ่ายมาใกล้ๆ คนแปลกหน้าจึงนั่งยองๆ ให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเด็กตัวเล็ก มือเล็กของเด็กชายพารักษ์เอื้อมไปถอดหมวกไหมพรมของตัวเองออกก่อนจับมาสวมให้พี่ชายที่ไม่รู้จัก
เด็กหนุ่มดูตกใจเล็กน้อยแต่ไม่นานก็ส่งรอยยิ้มสดใสให้
‘ขอบคุณครับ’
เด็กน้อยทำเพียงพยักหน้า เขาแค่ไม่อยากให้ใครมองพี่ชายคนนี้แปลกๆ เพราะมีหูกับหางโผล่มา พารักษ์เคยเห็น แต่ก็ทำได้เพียงแค่เดินผ่าน คราวนี้เขาจะไม่ยอม!
‘ชื่ออะไรน่ะเรา’
เด็กน้อยส่ายหน้า… เขาไม่ยอมบอกชื่อกับคนแปลกหน้าหรอก
‘ฮ่าๆๆ งั้นพี่ชายบอกชื่อตัวเองก่อนดีมั้ย เราจะได้บอกชื่อกับพี่ได้’
พารักษ์พยักหน้า
‘พี่ชายชื่อ…….’
…….
….
อ๊ะ!...
หมอนั่น…
ชื่อของหมอนั่น…!!
…………..
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in