เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Whatever happens tomorrow, I still have myself today.NING MAYAVEE
หัวเลี้ยวหัวต่อช่วงแรกของชีวิต
  • ช่วงนี้เป็นช่วงที่เรากำลังอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบมิดเทอมของมหาวิทยาลัย
    แต่ละวิชาโหดเอาเรื่อง
    อ่านคือเดียวก็คงไม่พอ  ทำเอาปวดหัวเป็นจังหวะเหมือนกัน

    ตอนนี้พูดอะไรไม่ออก นอกจากคำว่า "เหนื่อย"


    ถ้าพูดถึงคำว่า "ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ" วัยรุ่นอย่างเราคงนึกถึงช่วง ม.6 ที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย
    เราเลยอยากมาเล่าเรื่องของเรา ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเรานี่แหละ

    ทำไมนึกอยากเล่าตอนนี้หล่ะ?

    ตอนนี้เราเหนื่อยกับการสอบ การเรียน ไม่มีไฟ
    ไม่มีแรงจูงใจ  แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าช่วงหัวเลี้ยว
    หัวต่อของเรานี่แหละ  เหนื่อยกว่านี้ยังผ่านมาแล้วเลย . . .


    แล้วทำไมต้องหัวเลี้ยวหัวต่อช่วงแรกของชีวิต?

    เพราะเรื่องที่เราจะเล่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของเรา
    ในช่วง ม.6 ในช่วงที่จะเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี่แหละ

    มาเริ่มกันเลยนะ :)

    โดยพื้นฐานเดิมแล้วตั้งแต่อนุบาล เราเป็นเด็กที่ค่อนข้างเรียนเก่ง
    เอาเป็นว่าตอนสอบเข้า อนุบาล 2 เราสอบได้ที่ 1 ของนร.ทั้งหมดแหละ55555
    และถามว่าตอนอนุบาลใครแข่งคณิตคิดเร็วได้เหรียญทอง ก็นิ้งเองหน่ะสิ่ 55555

    จำได้เลยเกรดตอนอนุบาล - ป.6 ไม่เคยต่ำกว่า 3.6 (ขอขิงหน่อย55555)

    แต่พอขึ้นม.ต้น ย้ายโรงเรียน เกรดตก ไม่ตั้งใจเรียน ติด 0 ฉันก็ผ่านจุดนั้นมาแล้ว
    จนม.3 ที่กำลังจะขึ้น ม.4 ตอนนั้นจำได้ว่าอยากเข้าสายการเรียน อังกฤษ-ฝรั่งเศส
    มากกกกกก เพราะเกลียด เลข เกลียดวิทย์ เกลียด ภาษาจีน555555555

    ก็เลยเอาวะ!!!! ตั้งใจปั่นเกรดตัวเองสุดๆ ตอนนั้นจำได้เลยจากติด 0 วิชาภาษาอังกฤษ
    พอจบม.3 ฉันได้ 3.5 จ้า ลอยหน้าลอยตาแบบเกร๋

    และแน่นอนเราสามารถเข้าสายการเรียน อังกฤษ - ฝรั่งเศส ของโรงเรียนได้อย่างชิลๆ

    พอขึ้น ม.ปลาย นิสัยเปลี่ยน รู้สึกว่าตัวเองกลับมาตั้งใจเรียนอีกครั้ง555555
    แต่ดีตรงที่ชอบสิ่งที่ตัวเองเรียนอยู่ด้วยแหละ

    แต่ตอนนั้นถามว่าอยากเรียนพิเศษเพิ่มเติมมั้ย?

    อยากมากกกกกกกกกกก อยากกกกมากกก แบบ กอไก่ ล้านตัว

    แต่ทำไงได้ ไม่มีเงิน!!! ก็อาศัยความขยันของฉันนี่แหละ อ่านเอา
    ทวนเอา ทำแบบฝึกหัดเอา แน่นอนหล่ะ ฝรั่งเศสของฉัน
    เกรด 4 ทุกเทอมจ่ะ 

    แต่ก็มีหลับในห้องบ้าง โดนครูว่าบ้าง เพราะง่วง
    เนื่องจากกลับจากทำงานก็ 4 ทุ่มแล้ว มานั่งปั่นการบ้านอีก T-T
    ตอนนั้นเหนื่อยเอาเรื่องเลย

    แต่แล้ว แต่แล้ว แต่แล้ว จุดพีค ก็มาถึง . . .

    จุดพีคที่ว่านี้คือช่วงที่รู้ตัวเองแล้วแหละ ว่าอยากเรียนอะไร
    อยากเข้าคณะอะไร อยากเข้ามหาลัยไหน

    ประกอบกับว่าฉันต้องสอบ Gat-Pat ด้วยนี่สิ่
    แต่เพียงลำพังเรียนแค่ในห้องไม่พอแน่นอน แทบสู้กับคนอื่นเขาไม่ได้เลย

    แต่จำได้ว่าตอนนั้นมีรุ่นพี่ที่โรงเรียนแนะนำครูสอนพิเศษภาษาฝรั่งเศสให้เรา

    พี่เขาชื่อว่า "พี่ดรีม"  เอาเป็นว่าทุกเสียงการันตีเป็นเสียงเดียวกันว่า
    ยังไงก็ต้องเรียน แล้วจะเข้ามหาลัยได้ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปากเลยแหละ

    ตอนนั้นก็เออทำไงดี เงินอ่ะเงิน ใจอะอยากไปเรียนเต็มร้อย
    เลยโทรหาแม่ บอกแม่ว่าหนูอยากเรียนนะ 
    แม่ตอบกลับมาแบบเศร้าๆ ในทำนองว่าเงินไม่พอ . . .

    ตอนนั้นก็ทำใจไว้ครึ่งนึงกับคำตอบแม่แหละ 

    ทำไงดี. . .

    ไปค่ะ ไปเช็คยอดเงินในบัญชี เงินที่ทำงานเก็บมา

    พอดูแล้ว เอาวะ! ! เงินที่มีอย่างน้อยมันก็เรียนได้สัก 2-3 ครอสแหละ

    และแล้วเราก็ได้มีโอกาสไปเรียนกับ "พี่ดรีม"
    พี่ดรีมสอนดีมากกก แบบเรียนกำลังเข้าได้เข้าเข็มเลยแหละ
    ความรู้ไหลมาเทมา

    แต่แล้ว. . .

    เงินใน บัญชีก็หมดและเอาไปลงครอสดาว้องก์รอบสดหมดแล้ว555555 แต่ใจก็อยากเรียนต่อ เลยเอาความหน้าด้านของตัวเองนี่แหละ!!

    พี่ดรีม. . . หนูขอผ่อนค่าเรียนได้มั้ยคะ ?

    และก็ต้องขอบคุณ พี่ดรีม มากมากนะคะที่ให้โอกาสหนู
    ไม่งั้นหนูคงไม่ได้มาเรียนที่นี่ไม่ได้โอกาสดีดีได้เจอเพื่อนดีดี

    ขอบคุณนะคะ :)

    และตอนนั้นแน่นอนแหละเรียนอย่างเดียวไม่พอ ต้องอ่านหนังสือด้วย
    ตอนนั้นจำได้เลยเป็นช่วงนรกของชีวิตอ่ะ555555

    จ-ศ : เรียน ดาว้องก์ + เรียนฝรั่งเศส
    ส-อา : ทำงานหาเงินจ้า 55555555

    ชีวิตช่วงกลางคืนคือกลับมาจากเรียนหรือกลับจากทำงาน
    จะงีบสัก 1-2 ชั่วโมง จากนั้นตื่นมาโด๊ปกาแฟ และอ่านหนังสือ
    จนถึง ตี 2 ถึงเช้าก็มี
    เวลาว่างก็จะอ่าน อ่านจนหลับคาหนังสือก็ทำแบบนี้

    ชีวิตเราเป็นแบบนี้ตลอดช่วงปิดเทอมเล็ก ก่อนสอบ Gat-Pat

    และวันสอบก็มาถึง ผลคะแนนออก เราได้คะแนน PAT 7.1
    เยอะสุดของโรงเรียนนะโง้ย (ขิงป้ะ55555)
    ก็มันมีห้องฝรั่งเศสห้องเดียวหนิ! ! ! 555555

    และสุดท้ายก็แอดมิชชั่นติดคณะ ศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส
    มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์จ้า ตอนนั้นแบบโง้ยยยย
    มันคือมหาวิทยาลัยในฝันอ่ะ มีภาพปลากรอบนะ
     อ่ะดูสิ่ มหาลัยในฝันจริงๆนะ ตั้งใจจะเข้าที่นี่จริงๆนะ 
     และแล้วววววววววว เราก็ทำมันได้ :)


    ตอนนั้นดีใจแทบบ้า
    แต่สุดท้ายก็ผ่านมันมาได้ เพราะความตั้งใจของตัวเองที่หนักแน่นมากพอที่จะทำให้ฝันเป็นจริงได้
    ทุกวันนี้เวลาเหนื่อยเวลาท้อ จนร้องไห้ ก็ปลอบตัวเองเสมอแหละ 
    เมื่อก่อนเหนื่อยกว่านี้ ยังผ่านมาได้เลย :)
    เอาล่ะ ของฮึ้บๆ จะสู้ต่อ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหน เพื่อไปสู้กับช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อช่วงต่อไปของชีวิต :)

    ขอบคุณที่อ่านจบนะคะ :) 

    นิ้ง :)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in