เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
กรุงโซลมหานคร Sㅌㅇuㄴ much in loveF.
ร้านหนังสือ​ใจกลางกรุงโซล
  • วันที่อากาศ​ดี ๆ และท้องฟ้าเป็นใจ เราชอบนั่งซับเวย์สายสีเขียวมาลง 서울 시청 (Seoul City hall) เดินไกลหน่อย แต่ไม่ต้องไปเปลี่ยนเป็นสายสีม่วงที่สถานีควางฮวามุน เดินเล่นเลียบคลองชองกเยชอน ก่อนจะข้ามจตุรัสควางฮวามุนมาร้านหนังสือคโยโบ Kyobo book centre (교보문고) สาขาจองโน ที่นี่เป็นสวรรค์​ของคนรักหนังสือ​ เราใช้เวลาอยู่​ในนี้แทบจะลืมวันลืมคืน บ้านเราไม่มีร้านหนังสือที่ใหญ่ขนาดนี้ พอมาเห็นที่เกาหลีก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอันมาก เหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกใบหนึ่ง การได้อยู่ท่ามกลางกลิ่นหนังสือ​ใหม่ก็ยังรู้สึกว่าหอมชื่นใจเหมือนเคย ที่นี่มีหนังสือทุกประเภทและมีมากถึงสองล้านเล่ม เราชอบไปขลุกอยู่ตรงโซนหนังสือต่างประเทศ​ นั่งอ่านจนพอใจ แล้วก็ได้กลับบ้าน 2-3 เล่มเป็นประจำ เวลาได้จับหนังสือ จับกระดาษ​แล้วใจเบิกบาน แม้ว่าจะไม่มีเวลาอ่านก็ตาม แต่ยังไงก็ขอให้ได้ซื้อมาดอง การได้มองชั้นหนังสือที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ถือเป็นความสุขอีกรููปแบบหนึ่งของชีวิต

    ครั้งนี้ฉันได้หนังสือ After dark และ Dance dance dance ของนักเขียน​ชาวญี่ปุ่นคนโปรด Haruki Murakami ซึ่งฉบับภาษาไทยที่มีอยู่​ก็ยังนอนสงบนิ่ง​อยู่​บนชั้น คาดว่าน่าจะดองอีกตามเคย ถ้าหนังสือพูดได้ก็คงจะบอกกับเราว่าอ่านฉันบ้างเถอะจ้า ซื้อไปดอง กองอยู่แบบนั้นไม่เกิดประโยชน์ แต่ซื้อไม่เท่ากับอ่านฉันใดก็ฉันนั้น และแปรผกผันกันด้วย 

    นอกจากจะประกาศตนเป็นมูราคาเมียนด้วยการหอบหิ้วหนังสือของมูราคามิติดไม้ติดมือกลับมาแล้ว ยังได้หนังสือ Ladurée ร้านมาการองเจ้าดังในฝรั่งเศสมาประดับชั้นหนังสืออีก 3-4 เล่ม ซึ่งค่าเสียหาย​ก็หลายพันบาท กินแกลบแน่นอนพี่จ๋า บางครั้งมนุษย์​เราก็ละเลยเรื่องปากท้อง เพียงแค่ให้สมองและหัวใจได้เอมอิ่ม

    เราได้ภาพถ่ายของ Robert Doisneau ช่างภาพชาวฝรั่งเศสมาด้วย สิ่งที่น่าอิจฉาคนเกาหลีเป็นอย่างยิ่งนอกจากจะมีหอสมุด ร้านหนังสือดี ๆ แล้ว ที่โซลมักมีอีเวนต์และงานศิลปะให้ชมอยู่บ่อย ๆ ครั้งหนึ่งเพื่อนคนเกาหลีชวนไปนิทรรศการภาพถ่ายของคุณรอแบต์ที่ฮงแด งานนี้มีช่างภาพจากทั่วทั้งกรุงโซลมารวมตัวกันที่นี่ แต่ละคนแต่งตัวแสนชิคแบบกินกันไม่ลงเลย  ที่สำคัญคือมีความรู้ในเรื่องการถ่ายภาพดีมากอีกด้วย  โซลเป็นเมืองแห่งศิลปิน ด้วยไอเดียที่ไม่ถูกปิดกั้น อีกทั้งรัฐสนับสนุนให้มีพื้นที่ในการเผยแพร่งานศิลปะ ไม่แปลกใจเลยที่ศิลปะวัฒนธรรมเกาหลีถึงได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดขนาดนี้ รวมไปถึงนโยบายการส่งเสริมการอ่านของทางภาครัฐด้วยที่เชื่อว่าการอ่านเป็นกลไกในการขับเคลื่อนประเทศ ทำให้ปีหนึ่ง ๆ เกาหลีผลิตหนังสือดี ๆ ออกมามากมาย เราคนไทยก็มีโอกาสได้อ่านงานของนักเขียนชาวเกาหลี ได้เสพงานศิลป์นั้นอยู่บ้างเช่นกัน


    ในโลกสุดไฮเทคล้ำสมัย หนังสือถูกแทนที่ด้วยอุปกรณ์​อิเล็กทรอนิกส์​ เราไม่ต้องพกหนังสือหลายสิบเล่ม แค่มีไอแพดหรือแท็บเล็ต​ หนังสือเป็นร้อยเป็นพันก็ถูกนำมาบรรจุรวมไว้ในนี้ บางทีเราอาจไม่ได้อ​่านหนังสือ​น้อยลงเลยก็ได้ แต่แค่เปลี่ยน​รูปแบบการอ่านก็เท่านั้น ทุกอย่างผันผ่านไปตามยุคสมัย ปฏิเสธ​ไม่ได้​เลย​ว่า​เทคโนโลยี​ทำให้มนุษย์​ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับผู้ที่หลงรักการอ่านหนังสือ เทคโนโลยีใด ๆ ​ก็ไม่สามารถมาทดแทนได้เลย

    ไม่แน่ใจ​ว่าอีกยี่สิบสามสิบปีต่อจากนี้ ร้านหนังสือ​จะเดินไปในทิศทางไหน แต่ตราบใดที่คนยังคงนิยมชมชอบกับการได้จับกระดาษ​อ่านหนังสือ คโยโบมุนโกและร้านหนังสือทั่วโลกก็ยังคงจะดำรงอยู่ หากดิจิตอล​พาเราก้าวล้ำไปข้างหน้า ความอะนาล็อกก็ยังตรึงเราไว้กับอดีต ของบางอย่างเราก็ไม่อยากให้มันสูญสลายหายไป แม้โลกจะหมุนไปไวแค่ไหนก็ตาม

    คโยโบบอกเราว่า People create books, and books create people นับว่าเป็นความสัมพันธ์​ที่ค่อนข้างจะโรแมนติกดี


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in