เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เนยถั่วเล่าหนังสือPeanutbutter Moon
รีวิวหนังสือทาร์ตาแต็งแห่งความฝัน
  •  ประมาณต้นๆปี เพื่อนเราคนหนึ่งที่จริงเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานหรอกผ่านโลกโซเซี่ยลที่มีหนังสือเป็นตัวเชื่อมโยงให้เรามาพบกันวันหนึ่งเพื่อนคนนี้ก็แอบเซอร์ไพร์สเราด้วยการซื้อหนังสือที่เราอยากอ่านมาให้ นับว่าเป็นความน่ารักและเป็นมิตรภาพที่แสนดีที่ทำให้ชีวิตเราสดใสขึ้นเป็นกองเลย
    หนังสือเล่มนั้นคือหนังสือชื่อ ทาร์ตตาแต็งแห่งความฝันแค่ชื่อหนังสือเราก็หลงรักแล้ว และยิ่งเนื้อเรื่องเกี่ยวกับอาหารเราเป็นคนที่ชอบทำขนม แต่ก็ทำอาหารบ้างบางครั้งนะ ส่วนใหญ่แล้วแต่อารมณ์จะพาไปพอเห็นเล่มนี้เลยทำให้รู้สึกว่าของมันต้องมีแล้วนะ

    แล้วก็ไม่ผิดหวังเล่มนี้กลายเป็นเล่มรักเล่มโปรดโดยทันที อ่านจบรีบส่งข้อความหาเพื่อนคนนั้น บอกว่า“เธอคือผู้ที่มอบความรักและแรงบันดาลใจแก่เราได้ถูกที่ถูกจังหวะเป๊ะๆเหลือเกิน”

    เรื่องราวภายในเล่มเกิดขึ้นที่ร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสขนาดเล็กชื่อ“บิสโทรปามาล” ที่มีเซฟมิฟุเนะและผู้ช่วยเซฟชิมุระตามมาด้วยเซียนไวน์อย่างคุณคาเนโกะและพนักงานเสิร์ฟอย่างทาคัตสึกิที่คอยบริการอาหารเครื่องดื่ม ขนม ตลอดเรื่องจึงดำเนินด้วยการวนเวียนของลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารในร้านพร้อมกับนำเอาเรื่องราวสารทุกข์สุขดิบต่างๆนาๆเข้ามาแชร์ให้กันฟังซึ่งนั่นแฝงมาด้วยปริศนาบางอย่างที่แม้แต่ทาคัตสึยังสงสัยปมที่ไม่ได้ถูกแก้ไขของลูกค้าแต่ละคนทำให้การมองเห็นของรายละเอียดบางอย่างเริ่มยากที่จะหาพบดังนั้นผู้ที่จะมาคลี่คลายเรื่องราวทั้งหมดก็คงหนีไม่พ้นเซฟมิฟูเนะผู้ที่มักจะแอบฟังปัญหาลูกค้าอย่างเงียบๆในก้นครัวของเขาก่อนจะทำการนัดลูกค้าคนนั้นให้กลับเข้ามาในร้านอีกครั้งเพื่อที่เขาจะได้รังสรรค์เมนูอาหารแสนน่าจดจำเป็นเมนูอาหารพิเศษเฉพาะเจ้าของเรื่องราวนั้นเท่านั้นถึงจะเข้าใจ และจะทำให้พวกเขากลับมายิ้มได้อย่างสดใสกับชีวิตได้อีกครั้ง

    คุณเปรียบเทียบอาหารที่ผมทำกับอาหารฝีมือภรรยาของคุณคาสึยะแล้วบอกว่าอาหารของผมทำด้วยความใส่ใจมากกว่าแต่ผมไม่คิดแบบนั้นกลับคิดว่าถึงยังไงอาหารของผมก็ไม่มีวันเทียบได้กับอาหารของคนทำที่คิดถึงคนกินจริงๆ”

    คำพูดของเซฟมิฟุเนะในบางตอนของหนังสือเล่มนี้ที่มองเรื่องราวของลูกค้าทั้งหลายดั่งโจทย์คณิตฟิสิกส์ เคมีมาวิเคราะห์ กลั่นกรองก่อนจะรังสรรค์เป็นเมนูเฉพาะของลูกค้าให้ได้ลิ้มลองเพื่อระลึกและมองเห็นถึงรายละเอียดเล็กๆแต่สำคัญที่ถูกซ้อนอยู่จนเกือบจะมองข้ามนั้นได้อย่างสุดแสนลึกซึ้งและน่าประทับใจ

    หนังสือเล่มนี้ให้บรรยากาศสบายๆตัวละครดูชิลๆรวมถึงการบรรยายถึงเมนูอาหารและเคล็ดลับเฉพาะของวัตถุดิบต่างๆที่ติดมาด้วยเล็กๆน้อยๆให้เป็นเกล็ดความรู้ที่ทำให้ผู้อ่านอย่างเราสามารถหยิบนำไปใช้ได้จริงแต่ที่โดดเด่นเลยคือความลึกลับเป็นปริศนาของลูกค้านี่แหละเรานึกถึงการ์ตูนเรื่องโคนัน หนูน้อยยอดนักสืบเลยหากว่าโคนันใช้สายตาอันเฉียบคมดั่งแว่นขยายในการคลี่คลายเรื่องยุ่งยากและจับตัวคนร้ายเซฟมิฟุเนะก็เปรียบเสมือนโคนันผู้ทำหน้าที่เดียวกันแต่เปลี่ยนสถานที่เป็นร้านอาหาร และใช้สายตาอันชาดฉลาดอย่างคนเจนโลกเป็นดั่งแว่นขยายเสาะหาผู้ร้ายที่เรียกว่า“ช่องโหว่” อันแฝงมากับรูปแบบความสัมพันธ์ที่หลากหลายและทั้งหมดนั่นคำตอบอยู่ที่อาหารมื้อนั้นแล้ว เพียงแค่ได้ลิ้มลองแค่นั้นเอง

    ดังนั้นสำหรับเรา ทาร์ตตาแต็งแห่งความฝันเป็นหนังสือที่จะมาขยายความหมายและคุณค่าของอาหารที่ไม่ใช่แค่มื้ออาหารเพื่ออิ่มท้องแต่เป็นดั่งแว่นขยายที่ทำให้เรามองเห็นคุณค่าของตนเองของคนรอบข้างในทุกๆความสัมพันธ์ของชีวิตทุกเมนูพิเศษที่เซฟมิฟุเนะรังสรรค์จะช่วยปลอบประโลมทุกความรู้สึกของผู้อ่านเพียงเมื่อลิ้มลองตั้งแต่หน้าแรก”
    สิ่งที่ประทับใจที่สุดก็คือการขยายความหมายของคำว่า “อาหาร”นี่แหละที่ไม่ใช่เพียงมีเพื่อบอกถึงประโยชน์ในเรื่องของส่วนผสมและความอร่อยเท่านั้นลึกกว่าสองสิ่งดังที่กล่าวคือความใส่ใจของขั้นตอนและการคัดสรรสิ่งต่างๆล้วนมีความหมายที่มากกว่าการสื่อว่า“อาหารดีมีคุณภาพ”

    อาหารสามารถตอบคำถามกับสิ่งที่เรากำลังเป็นอยู่อาหารช่วยเรียกตัวตน สร้างความมั่นใจช่วยเยียวยาและช่วยทำให้เราเปิดใจถึงแง่มุมต่างๆ อาหารสามารถผูกมิตรภาพและช่วยอธิบายทุกรูปแบบสัมพันธ์รวมไปถึงคนแปลกหน้าอาหารจึงมีคุณค่าและเป็นอะไรที่มากกว่าแค่มื้ออิ่มท้อง

    กาซูเลน่ะ ยิ่งเคี่ยวหลายครั้งก็ยิ่งอร่อยเคี่ยวครั้งที่สองอร่อยกว่าครั้งแรกยิ่งเคี่ยวครั้งที่สามก็ยิ่งอร่อยกว่าครั้งที่สอง เพราะฉะนั้นไม่แน่ว่าความรักก็อาจเหมือนกัน”

    เล่มนี้ทำให้เราไม่ลืมที่จะกลับมาสังเกตสิ่งเล็กๆด้วยความใส่ใจอีกครั้งเพราะสิ่งเล็กๆมันสามารถก่อตัวขึ้นในจิตใจทำให้เราอาจจะเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อคนที่เรารักก็ได้ในทางกลับกันมันก็ยังช่วยทำให้ตัวเราเองกลับมาดูแลจิตใจมอบอาหารเพื่อเยียวยาให้เราได้มีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อหนังสือเล่มนี้จึงเป็นเหมือนยาชูกำลังใจแม้จะไม่ได้ชิมอาหารของเชฟมิฟุเนะแต่เรื่องราวทั้งเล่มนี้แหละที่จะเติมเต็มแรงบันดาลใจให้เราหรือผู้ที่อ่านอยากลุกออกไปทำสิ่งที่อยากทำไปใช้ชีวิตด้วยความรักและความสดใสอีกครั้ง ทาร์ตาแต็งแห่งความฝันก็คือหนังสือนำทางแห่งแสงสว่างดีๆนี่เอง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in