ย้อนกลับไปเมื่อตอนอายุ 7 ขวบเราได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก และจุดหมายของการเดินทางในครั้งนั้นก็คือ สิงคโปร์ ถัดจากนั้นมาอีกหลายปี เราก็มีโอกาสได้เดินทางไปสิงคโปร์อีกหลายหนราวกับพรมลิขิตและในปี 2019 นี้ก็เช่นกัน...
การไปเที่ยวครั้งนี้แทบจะไม่มีแพลนอะไรมาก เรากับคุณพ่อคิดเหมือนกันว่าก็แค่อยากไปเที่ยวแบบชิล ๆ เท่านั้น หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อยเราก็แทบจะกดจองตั๋วเครื่องบินและที่พักแทบจะทันที
.
.
.
.
เมื่อมาถึงสนามบินชางงีเรียกได้ว่าโชคดีมาก ๆ ที่คุณพ่อมีเพื่อนชาวสิงคโปร์อยู่ และเพราะความใจดีของเขาเลยทำให้เรากับพ่อไม่ต้องหารถนั่งเข้าเมืองไปที่พักแถมยังได้ลองไปกินร้านอาหาร Jumbo เจ้าดังถึงถิ่นด้วย ตอนเราไปยังไม่เย็นมากคนเลยไม่เยอะ สามารถเข้าไปนั่งได้ทันที แต่ตอนขาออกจากร้านแอบตกใจเพราะมีคนรอต่อแถวกันยาวมาก แนะนำสำหรับใครที่อยากไปลองให้ไปก่อนเวลาอาหารเย็นสักประมาณ 5โมง น่าจะกำลังดีเลย หรือถ้าใครไม่อยากไปไกลถึงสิงคโปร์ ตอนนี้มีสาขาที่ประเทศไทยแล้วนะคะ
ADVERTISEMENT
วันนั้นได้ลองกินไปหลายเมนูแต่มีอยู่สองอย่างที่แนะนำให้ทุกคนได้ไปลองคือ Mocha Pork Ribs
Mocha Pork Ribs นี่อร่อยแบบงง ๆ สัมผัสแรกไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ให้อารมณ์เหมือนทำหมูตกลงไปในถ้วยกาแฟ (ฮา) แถมมีรสหวานมาก ๆ ด้วย แต่พอได้ลองชิมชิ้นที่สองกลับรู้สึกอร่อยขึ้น ไป ๆ มา ๆ ก็หมดจานแล้ว ส่วน Chilli Crab นี่ยกให้ที่หนึ่งเลย เลอะเทอะนิดหน่อยแต่อร่อยคุ้มค่ามาก ๆ ขนมปังเอามาจิ้มซอสปูก็รสชาติดีไม่แพ้กันเลย!
พอทานข้าวกันเสร็จก็มืดพอดีเลยได้ไปเดินเล่นริมทะเลนิดหน่อย อากาศดีมาก ๆ แต่ลมแรงไปนิด สุดท้ายก็เลยตัดสินใจกลับที่พักไปพักผ่อนเก็บแรงเที่ยววันพรุ่งนี้แทน นี่แหละทริปชิล ๆ ของเรา
.
.
.
วันที่สองคุยกับคุณพ่อว่าอยากไปเดินเล่นที่ถนน Orchard ก็ได้เดินจริง ๆ เดินเล่นอยู่แถวนั้นประมาณชั่วโมงสองชั่วโมงได้เข้าไปแวะหลายห้าง ส่วนตัวพบว่าห้างที่สิงคโปร์มีความแตกต่างกับห้างในประเทศไทยเล็กน้อย ส่วนอากาศด้านนอกก็เย็นกว่าที่คิดตอนแรกนึกว่าจะร้อนเหมือนประเทศไทย แต่เพราะมีตึกสูงช่วยบังแดด แล้วต้นไม้ก็เยอะมากเลยทำให้เดินเล่นริมถนนได้สบาย ๆ ลองคิดเล่น ๆ ว่าถ้าประเทศไทยเดินได้แบบนี้บ้างก็คงจะดี โดยปกติแล้วเราเป็นคนชอบเดิน ถ้าสถานที่นั่นไม่ได้ไกลมากเราก็เลือกที่จะเดินมากว่านั่งรถเพราะแบบนี้เลยโดนเพื่อนแซวบ่อย ๆ แต่จริง ๆ การเดินก็มีข้อดีของมันนะ ♥
เดินได้ถึงเที่ยง เราก็ตัดสินไปย้ายไปเดินเล่นที่ Marina Bay Sands Mall แทน เพราะตอนเย็นเรากะจะไปชมแสงสีเสียงที่ Gardens by the Bay
พอถึงเวลาเรากับพ่อก็ตัดสินใจย้ายไปที่ Gardens by the Bay ตามที่ตั้งใจไว้โดยโซนภายในถูกแบ่งออกเป็นสามโวน โซนแรกที่เราเลือกไปคือ Conservatory Flower Dome เป็นโดมที่สร้างเหมือนเรือนกระจกภายในประกอบไปด้วยพืชและดอกไม้นานาพรรณ ถ้าใครชอบต้นไม้ ต้องห้ามพลาดที่นี่เลย ส่วนตัวคิดว่าผู้ใหญ่น่าจะชอบโซนนี้กันมากกว่า เราว่าโซนนี้ให้อารมณ์เหมือนสวนที่ชอบจัดแสดงในช่วงหน้าหนาวที่ประเทศไทย ต่างตรงที่ที่นี่พืชค่อนข้างหลากหลายมากกว่า
เราเคยมาที่นี่เมื่อหลายปีที่แล้วกับเพื่อน ไม่รู้ติดใจอะไร ตอนที่บอกคุณพ่อว่าอยากมาสิงคโปร์คือนึกถึงที่นี่เป็นที่แรก แต่รอบนี้ติดตรงนี้มาช่วงบ่ายคนเลยเยอะมากไปหน่อยถ้ามาตอนเช้า ๆ อาจจะเดินได้สบายมากกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังประทับใจอยู่ดี
ต่อมาเป็นโซน Conservatory Cloud Forest พูดเลยว่าโซนนี้เป็นโซนที่เราชอบที่สุด ให้ความรู้สึกเหมือนเดินป่าจริงๆมีน้ำตกจำลองด้วย เดินเข้าไปแล้วแอบให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างสดชื่นคนละมู้ดกับโซนที่แล้วโดยสิ้นเชิง ภายในถูกจำลองให้เหมือนกับว่าเรากำลังเดินลงมาจากเทือกเขาไต่ระดับลงมาจนถึงพื้นด้านล่างถ้าใครกลัวความสูงอาจจะต้องระวังเพราะทางเดินค่อนข้างอยู่สูงจากพื้นพอสมควร
โซนนี้เราใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะมีอะไรด้านในเยอะ แถมวิวก็สวยมาก ๆ ด้วย เดาว่าหลายคนถ้าได้มาที่นี่จะต้องชอบเหมือนกันแน่ๆ
แล้วก็มาถึงโซนสุดท้าย Super Tree Grove ตอนกลางวันว่าสวยแล้วพอพระอาทิตย์ตกดินนั้นสวยกว่าอีกเป็นสิบเท่าเลยค่ะ เรานั่งรออยู่ด้านล่างจนกระทั่งฟ้ามืด ไฟรอบ ๆ ต้นไม้ยักษ์ก็ทยอยเปิดทีละต้น คนนั่งรอการแสดงเยอะมาก ๆ ตรงพื้นทางเดินด้านล่างไม่มีที่ว่างเลย หันไปทางไหนก็เห็นแต่หัวคน รอได้สักพักการแสดงแสงสีเสียงก็เริ่มขึ้น
ถ้าใครมาถึงตรงนี้แล้วอยากแนะนำให้ซื้อตั๋วขึ้นไปชมวิวด้านบนด้วยนะคะ ค่อนข้างประทับใจเลย วิวด้านบนสวยมาก ๆ มีลมพัดมาเรื่อย ๆ ยิ่งทำทำให้รู้สึกเพลิน
เพิ่งจะมารู้ตัวว่าวันนี้เดินเยอะมากแบบไม่ได้นั่งพักเลยบวกกับดึกแล้วยังไม่ได้กินข้าวเย็นกัน เลยไปหาอะไรใส่ท้องที่ Supertree Dining ต่อ ฟิลลิ่งคล้าย ๆ ศูนย์อาหาร มีหลายร้านให้เลือก แถมรสชาติก็โอเค ตั้งแต่มาที่นี่ยังไม่เจอของไม่อร่อยเลย แฮปปี้มากกกก ♥
แป้บ ๆ ก็หมดไปแล้วอีกหนึ่งวันที่แสนเหนื่อยระหว่างทางกลับที่พักก็ได้นั่งคิด ถึงการเที่ยวในวันพรุ่งนี้เพราะเป็นที่ที่เราอยากไปมากที่สุด สิงคโปร์เป็นประเทศเล็ก ๆ เลยทำให้เที่ยวง่าย เหมาะสำหรับการมาพักร้อนแบบไม่ต้องเตรียมการอะไรมาก การคมนาคมก็สะดวก แถมคนที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก (เพราะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ) เลยทำให้อะไรก็ง่ายไปหมด ถ้าพูดถึงการไปเที่ยวต่างประเทศด้วยงบจำไม่มากนัก สิงคโปร์จะเป็นช้อยส์แรก ๆ ที่หลายคนสนใจ บางคนอาจจะมองว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่ไม่มีอะไร แต่ถ้าได้มาแล้วจะติดใจแน่นอน คิดซะว่ามาเปิดประสบการณ์ที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีก เหมือนกับวันนี้ของการเที่ยวที่แสนชิลของเรา...
นั่งคิดอะไรเพลิน ๆ จาก Marina Bay ไม่นานก็มาถึงที่พักอย่างปลอดภัย กลับไปพักผ่อนแล้วพรุ่งนี้มาลุยกันต่อ ♥
.
.
.
.
ถ้าพูดถึงที่เที่ยวสำหรับเด็กที่สิงคโปร์คนหนีไม่พ้นเกาะ Sentosa แน่ๆ แต่การมาเที่ยวครั้งนี้เราไม่ได้แวะ Universal Studio Singapore
พอออกมาก็ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี♥
ได้เดินเล่นถ่ายรูปข้างในเกาะเซนโตซ่าบ้างนิดหน่อย แถวทะเลแอบมีลมร้อนเลยทำให้อยู่ได้ไม่นานก็ตัดสินใจออกมาไปเที่ยวที่อื่นต่อ สำหรับเราแค่นี้ก็คุ้มแล้ว
ต่อจากนี้ก็ไปแวะหาเจ้าสิงโตพ่นน้ำกันสักหน่อย แต่ไม่รู้ว่าเป็นวันหยุดด้วยหรือเปล่าแต่คนเยอะมาก ๆ รอบก่อนที่เคยมาคนไม่เยอะขนาดนี้ ภาพที่ได้มาเลยติดคนเยอะแยะไปหมด ถึงแดดในตอนนั้นจะร้อนและแรงมาก ๆ แต่ทุกคนก็ยิ้มสู้แดดกันสุด ๆ
ที่น่าสนใจคือจุดชมวิวมีหลายชั้นสามารถมองเห็นน้ำตกได้จากหลายมุม จากชั้นล่างสุดไปจนถึงชั้นบนสุด
อารมณ์คล้าย ๆ ห้างบ้านเราเลยค่ะ เพียงแต่มีน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้างเท่านั้น ตั้งแต่มาที่นี่จะสังเกตได้เลยว่าประเทศสิงคโปร์ค่อนข้างในความสำคัญกับธรรมชาติ เรียกได้ว่ามีต้นไม้แทบจะทั่วประเทศ เพราะแบบนี้เลยทำให้อากาศที่นู่นค่อนข้างชื้นกว่าประเทศไทย ถึงร้อนก็จะร้อนแบบอบอ้าวกว่า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in