ปี 1966 ประเทศอินเดียที่สตรีไม่มีสิทธิ์มีเสียงในสังคม ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ นาม อินทิรา คานธี
สงครามเวียตนามปะทุรุนแรง ในขณะที่ประเทศซึ่งทำขัดแย้งยืดเยื้อกันมานานอย่างอินเดีย และ ปากีสถานได้ตกลงเจรจาสันติภาพสำเร็จลุล่วง พิธีเปิดหน้าดิน เพื่อสร้างตึก World Trade Center Dr. Martin Luther King Jr. นำขบวนเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมที่ Chicago และถูกขว้างด้วยก้อนหิน แต่มิอาจหยุดยั้งเขาจากการต่อสู้เพื่อมนุษยธรรม
นี่คือปีที่ Star Trek เริ่มต้นฉายทางช่อง NBC เมื่อวันที่ 8 กันยายน โดยเป็นตอนที่ชื่อว่า Man Trap เพียงข้ามคืน ซีรีย์นี้ก็ได้เปิดตำนานบทใหม่แห่งวงการโทรทัศน์
.........วันนี้ 8 กันยายน 2016 คือวันครบรอบ 50 ปี Star Trek ถูกเขียนและสร้างขึ้นในยุคสงครามเย็น นำเสนอเรื่องราวของนักเดินทางสำรวจอวกาศในยุคอนาคตอีก 200 กว่าปีข้างหน้าที่ความขัดแย้งดังที่เกิดในปีนั้นไม่มีอีกต่อไป
ผู้หญิงก้าวขึ้นมาโดดเด่นเต็มความสามารถ
คนผิวสีไม่ใช่เบี้ยล่าง กรรมกร คนใช้ ทาส
คนเอเชียไม่ใช่ "พวกลิงเหลือง"
คนรัสเซียไม่ใช่ศัตรู
ไม่มีประเทศใดเหนือใคร ไม่มีเงินตรา ไม่มีความอดอยาก ไม่มีสงครามบนโลก
นั่นคือโลกของ Star Trek โลกแห่งการกระหายใคร่รู้ และต้องการสร้างสันติอย่างแท้จริง
[ภาพทีมนักแสดงจากซีซั่น 3 (1968–1969). จากซ้ายไปขวา : James Doohan (Scotty), Walter Koenig (Chekov), DeForest Kelley (Dr.McCoy), Majel Barrett (พยาบาล Chapel และเสียงของยาน) ,William Shatner (Kirk), Nichelle Nichols (Uhura), Leonard Nimoy (Spock), and George Takei (Sulu)]
แฟนของ Star Trek รวมไปถึง Dr. Martin Luther King Jr. ผู้เกลี้ยกล่อม Nichelle Nichols ว่าอย่าหยุดเล่นเลย เพราะคุณและ Uhura คือแรงบันดาลใจของผู้หญิง เด็ก และเหล่าคนผิวสี ไม่เพียงเท่านั้นยังมีนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร นักดาราศาสตร์ นักบิน นักแสดง ไปจนถึงนักบินอวกาศตัวจริงที่ได้แรงบันดาลใจจาก Star Trek (อดีตเพื่อนร่วมแฟลตของเราจากไอร์แลนด์ ถึงกับกรีดร้องโหยหวนเมื่อพบว่าเราเป็นติ่ง Star Trek และ Doctor Who เพราะคุณพ่อเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ได้แรงบันดาลใจจากสองเรื่องนี้ แล้วนางคิดว่าหนีพ้น...ดันมาเจอเราที่ทักนางด้วย Vulcan Salute)
แม้ว่า Star Trek จะได้ฉายแค่ 3 ซีซั่น และถูกลืมเลือนไป แต่ก็เป็นแค่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ต้องขอบคุณระบบการขายซีรีย์ไปออกช่องอื่น ทำให้มีคนได้ดู Star Trek ขยายวงกว้าง จนเมื่อปี 1987 ซีรีย์นี้ก็ได้รับการรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ภายใต้ชื่อ The Next Generation ที่เป็นเวลา 100 ปีถัดมา เป็นยุคที่ได้รับมรดกแนวคิดสันติที่ผู้คนอยู่เพื่อแสวงการรู้แจ้งและพัฒนาตนเอง ยุคที่ใช้ความสามัคคีเพื่อต่อกรกับอำนาจชั่วร้ายที่มุ่งหมายทำลายความสงบสุข หลังจาก The Next Generation ก็ได้เกิดซีรีย์ลูกอีกสองอันคือ Deep Space 9 ที่เปลี่ยนมาเป็นเรื่องราวบนสถานีอวกาศ และ Voyager ที่มีกัปตันเป็นผู้หญิง ซึ่งต้องดิ้นรนพาลูกเรือเดินทางกลับบ้านหลังจากหลุดไปอยู่อีกฟากจักรวาล สองอันหลังนี้ฉายไปในช่วงเวลาเดียวกัน และมีห้วงเวลาทับซ้อนกับ The Next Generation
(ทีม The Next Generation)
The Next Generation เป็นเรื่องราวของชาว USS Enterprise 1701-D นำโดยกัปตัน Jean-Luc Picard (Patrick Stewart) ทีมของเขาประกอบด้วย ต้นเรือหนุ่มเจ้าเสน่ห์ William T. Riker (ซีซั่นหนึ่งหล่อวัวตายควายล้มมาก ซีซั่นหลังๆกลายเป็นตาลุงหนวดพุงพลุ้ยเฉ๊ย!) คุณหมอ Beverly Crusher หัวหน้าวิศวกรยาน (ต้นกล) ผู้พิการดวงตาตั้งแต่กำเนิด แต่มีความสามารถปราดเปรื่อง Geordi La Forge - Data แอนดรอยด์ผู้มุ่งหมายเข้าใกล้ความเป็นมนุษย์ (รับบทโดย Brent Spinner) , Worf หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยชาว Klingon ซึ่งเป็น Klingon สายเลือดบริสุทธิ์คนแรกที่เข้าร่วม Starfleet ที่มักต้องเจอภาวะลำบากใจระหว่างความภักดีต่อสายเลือด Klingon ในตัว กับ Starfleet และมนุษย์ที่เลี้ยงดูเขาด้วยความรัก , Deanna Troi ที่ปรึกษาจิตวิทยาลูกครึ่ง Betazed ผู้มีจิตสัมผัสอารมณ์ได้ มีความรักความหลังกิ๊วก๊าวกับ Riker , และหนุ่มน้อย Wesley Crusher ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณหมอ Crusher ผู้เติบโตมาบนยาน Enterprise และเมื่อเขาฉายแววอัจฉริยะด้านอวกาศก็ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ให้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่แม้ยังอายุน้อยมากก็ตาม ซีรีย์ TNG ยืนยาวนานถึง 7 ซีซั่น รวม 178 ตอน มีภาพยนตร์ ได้แก่ Star Trek Generations (ที่ กัปตัน Kirk กลับมาอีกครั้ง เรียกน้ำตามากๆ), The First Contact (ย้อนกลับไปในวันประวัติศาสตร์) , Insurrection (อันนี้โดนด่ายับ), และ Nemesis ปิดตำนาน TNG
(ทีม Deep Space 9)
Deep Space 9 เป็นซีรีย์ที่ต่างจากซีรีย์อื่นๆ เนื่องจากมีฉากเป็นสถานีอวกาศ Deep Space 9 ซึ่งตั้ง อยู่ในเขตชายแดนของ United Federation of Planets หรือ สหพันธ์ดวงดาว เดิมเป็นสถานีในการครอบครองของ Cardassian ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์กระหายสงครามและการยึดครอง ตั้งอยู่ในเขตดาว Bajor ทาง UFP ได้เข้าครอบครองหลังการเจรจาสงบศึกกับ Cardassian เพื่อใช้เป็นฐานรักษาความสงบเรียบร้อยในเขตชายแดน และให้บริการพัก - ซ่อมแซมแก่ยานของ Starfleet และ ยานทั่วไป บัญชาการโดย Capt Benjamin Sisko เรื่องค่อนข้างตึงเครียดเนื่องจากถือเป็นแนวหน้าของการรบ รวมถึงยังมีเรื่องราวลึกลับที่ว่า กัปตัน Sisko เป็น "เทวทูต" ตามความเชื่อของชาว Bajoran ที่ถือกำเนิดเพื่อต่อกรกับอำนาจชั่วร้าย ซีรีย์นี้เราจะได้เห็นการอยู่ร่วมกันของเอเลี่ยนจากหลากหลายแหล่งที่มา แม้แต่ Ferengi ซึ่งปกติจะรับบทตัวร้ายจอมขี้โกงก็ได้มามีบทบาทในฐานะตัวเด่นฝ่ายดี (เป็นส่วนใหญ่) อีกทั้งมีตัวละครจาก TNG คือ Worf อดีตหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย และ O' Brien หนึ่งในวิศวกรของ Enterprise และผู้ดูแลระบบเคลื่อนย้ายมวลสาร ก็พาครอบครัวย้ายมาอยู่ทืี่ DS9
(ทีม Voyager)
ซีรีย์ Voyager นำโดยกัปตันหญิงเหล็ก Kathryn Janeway ซึ่งบัญชาการยาน USS Voyager ยานรุ่นใหม่ล่าสุดของ Starfleet ที่แม้จะย่อมกว่า Enterprise แต่มีประสิทธิภาพสูงด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่เป็นชีวภาพ (ดังนั้นจึงป่วยได้!) ยาน USS Voyager หลงหลุดไปอยู่ใน Delta Quadrant ที่เป็นอีกฟากของกาแล็กซี่ Janeway จึงต้องนำพาลูกเรือเพื่อกลับอวกาศเขต UFP ให้ได้ แต่หนทางนั้นแสนจะยาวไกลที่ต้องใช้เวลาเดินทางประมาณการณ์เป็นร้อยปีแม้จะใช้ Warp สูงสุด อีกทั้งมีภยันตรายจากเอเลี่ยนหลากหลาย รวมถึงยังเป็นถิ่นของพวก Borg เผ่าพันธุ์อันตรายที่ดำรงอยู่เพื่อ "ยึดครอง"
(ทีม Enterprise แม้เป็นซีรีย์น้องเล็กสุดแต่เพราะเป็นเหตุการณ์ยุคก่อนอันอื่นๆ พวกเขาจึงถือเป็นลูกเรือ Starfleet รุ่นบุกเบิกอวกาศขนานแท้)
ปี 2005 ซีรีย์ Enterprise ออกฉาย เล่าเรื่องราวก่อนหน้าการรวมตัวของดวงดาวเป็น United Federation อารมณ์ของซีรีย์นี้จะต่างจากอันอื่นๆเพราะเป็นยุคที่มนุษย์เพิ่งใช้ Warp ได้ไม่นาน (แต่พัฒนาได้เร็วด้วยความสามารถของเผ่าพันธุ์ตัวเอง แม้แต่วัลแคนยังทั้งทึ่ง และกลัว) เป็นซีรีย์ที่เป็นกระจกสะท้อนมนุษย์ยุคเรามากอย่างน่าสนใจ...เพราะเป็นยุคที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อต่างดาว การเดินทางอวกาศ ความหวาดระแวง การคิดด้วยมุมมองแคบเอาตัวเองเป็นเครื่องตัดสิน และการพยายามทำตัว "เป็นตำรวจ" และทุกครั้งมนุษย์ก็ต้องทบทวนว่าแท้แล้วเรามาไกลจากเดิมหรือไม่ จนตระหนักได้เองว่าเราเป็นแค่ส่วนเสี้ยวเล็กๆของจักรวาลเท่านั้น เป็นยุคที่ "เรียนรู้เพื่อเติบโต" นำโดย กัปตัน Archer (เจ้าของหมาบีเกิ้ลที่ Scotty เคยเอาไปทดลองบีม และหายไปจนโดนเตะโด่งไปอยู่ดาวน้ำแข็งนั่นแหละ!) กัปตัน Archer เกิดมาในยุคที่เทคโนโลยีการเดินทางเหนือความเร็วแสงยังไม่ค่อยพัฒนา ความรู้สึกลึกๆของเขาคือโทษที่ชาววัลแคนคอยรั้งมนุษย์เอาไว้จนไม่เจริญเสียที กว่าโลกจะพิสูจน์ตัวเองได้ว่าพร้อมก็นานเหมือนกัน กัปตัน Archer เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิก United Federation of Planets
ในโลกแห่งความเป็นจริง เมื่อสหรัฐอเมริกาสร้างกระสวยอวกาศได้สำเร็จ ประธานาธิบดี Ford ได้รับจดหมายเข้าชื่อเรียกร้องจากบรรดาแฟน Star Trek ขอให้ตั้งชื่อกระสวยอวกาศลำแรกนี้ว่า Enterprise ซึ่งประธานาธิบดีก็อนุมัติตามนั้น แม้ Enterprise จะไม่เคยบินขึ้นสู่อวกาศเพราะถูกสร้างเพื่อเป็นต้นแบบและใช้ได้ในระดับก่อนหลุดออกนอกชั้นบรรยากาศโลก (ไม่เหมือนยานน้องๆที่มีเครื่องยนต์และฉนวนเกราะป้องกันความร้อนจึงออกสู่อวกาศได้) แต่ไม่แน่ว่าในอนาคตก็อาจจะมียานอวกาศที่เดินทางข้ามดวงดาวได้ชื่อ Enterprise เข้าสักวันจริงๆ
(ทีมนักแสดง Star Trek และ Gene Roddenberry ที่งานเปิดตัวกระสวยอวกาศ Enterprise)
Dr. Martin Cooper นักประดิษฐ์ผู้พลิกโฉมโลกก็เป็นหนึ่งในแฟนของ Star Trek เพราะสิ่งประดิษฐ์ชิ้นเอกของเขาคือ "โทรศัพท์มือถือ" เกิดจากแรงบันดาลใจจาก Communicator ที่ชาว Enterprise ยุค TOS ใช้
สำนึกบุญคุณ Star Trek ซะ!
ขอให้ Star Trek เป็นแรงบันดาลใจแก่โลกต่อไป ตอนนี้ได้ reboot ใหม่แล้วก็อย่าเพิ่งพับไปนะ
ทิ้งท้ายด้วยไตเติ้ลเปิดของ Enterprise ที่เลือกใช้เพลง Faith of the Heart ที่มีความหมายดีๆเกี่ยวกับพลังแห่งความความมุุ่งมั่นอย่างไม่หวั่นเกรงท้อถอย พอผสมเข้ากับภาพที่เป็นความพยายามในการก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ตั้งแต่ยุคเดินเรือ ไปจนถึงยุคสำรวจอวกาศ มันทำให้เราขนลุกและรักซีรีย์นี้มากขึ้นไปอีก
โพสต์ให้ทันก่อนหมดวัน
Live Long and Prosper
ป.ล. อย่าลืมไปอ่านโพสต์เก่าๆด้วย เมนท์บ้าง อะไรบ้างก็ดีนะคะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in