เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The Story that Live(s) Long and ProsperLehrerinReeya
Vulcan 101 : ถึงเลือดพี่จะเขียว แต่มือเดียวพี่ก็ล้มช้างได้
  • เมื่อพูดถึง Star Trek ย่อมต้องนึกถึง Vulcan เป็นธรรมดา เผ่าพันธุ์คิ้วโก่ง หูแหลม และหน้านิ่งดั่งรูปปั้น แถมเลือดยังเป็นสีเขียวอีกด้วย 


    สำหรับแฟน Star Trek ย่อมจะคุ้นเคยกับการทำสัญลักษณ์แห่งสันติของ Vulcan แต่ที่ผ่านมาเราพบว่าหลายๆคนประสบปัญหานิ้วกางไม่ออก คุมนิ้วแยกกันไม่ได้ วันนี้นอกจากเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ Vulcan เราก็จะขอเสนอวิธีการฝึกทำมือ Vulcan Salute ควบคู่เกร็ดความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมชาว Vulcan สักหน่อย

    ชาว Vulcan เป็นเผ่าพันธุ์แรกที่ติดต่อกับมนุษย์และเป็นเผ่าพันธุ์แรกที่ตั้งสถานทูตบนโลก รวมถึงช่วยให้มนุษย์ได้รู้จักอวกาศมากขึ้น ทูตวัลแคนคนแรกคือ Solkar ปู่ทวดของ Spock 

    พวกเขามาพบมนุษย์เข้าในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 3 ปี ที่ Dr. Zefram Cochrane ทดสอบเครื่องยนต์ความเร็วเหนือแสงลำแรกของโลกชื่อ Phoenix เนื่องจากมีกติกาข้อหนึ่งที่ Vulcan จะไม่เข้าไปยุ่งกับดาวที่ยังไม่เจริญด้านอวกาศพอ (เพราะถ้ายังไม่รู้จักเดินทางเหนือแสง มีความเป็นไปได้ว่าดาวดวงนั้นจะยังทำใจยอมรับกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวไม่ได้ และจะเกิดผลเสีย) ยานสำรวจของ Vulcan ตรวจจับสัญญาณความเร็วเหนือแสงจากโลกได้จึงตัดสินใจเบนเข็มมายังโลกเพื่อพบกับ Dr. Zefram Cockrane จุดนี้เองทำให้โลกตระหนักว่ามนุษยชาติเป็นแค่เสี้ยวเล็กๆในสังคมอวกาศขนาดใหญ่  ขั้วสงครามที่รบพุ่งกันอยู่ก็ได้เจรจาสงบศึกลงได้ Dr. Zefram Cochrane กลายเป็นวีรบุรุษของโลกและได้นำการค้นคว้าเรื่องเทคโนโลยี Warp ต่อไป 


    ชาว Vulcan เป็นเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาและใช้หลักตรรกะความเป็นเหตุเป็นผลนำในการใช้ชีวิต รวมทั้งขจัด (กด) อารมณ์ไปหมด ที่เป็นเช่นนี้เพราะโดยสัญชาตญาณแล้ว Vulcan เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีอารมณ์รุนแรง ก้าวร้าว ผนวกกับพละกำลังมหาศาล คนมักแปลกใจเมื่อพบว่า Vulcan นั้นมีอารมณ์ที่รุนแรง การแสดงออกก็รุนแรงด้วย ยามที่ Vulcan โกรธจนคุมตัวเองไม่ได้ เสียใจ หรือ เข้าสู่ภาวะ Pon Farr (เป็นสัด) พวกเขาจะกลายเป็นเครื่องจักรทำลายล้างที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ 

    ความดิบเถื่อนเช่นนี้เองทำให้ในอดีตพวกเขารบพุ่งกันเป็นสงครามใหญ่จนดาวแทบจะถูกทำลาย กระทั่ง จอมปราชญ์ Surak ผู้ได้เข้าถึงการรู้แจ้งแห่งตรรกะได้เปลี่ยนแปลงสังคม Vulcan 

     ความสังเวชที่มีต่อการห้ำหั่นอย่างบ้าคลั่งทำให้ Surak ออกแสวงหาคำตอบแก่การหยุดยั้งความรุนแรง เขาไม่ใช่เทวทูต หรือศาสดา แต่เป็น Vulcan ผู้เข้าถึงแก่นแห่งการระงับอารมณ์รุนแรงตามเผ่าพันธุ์ เขาได้สอนลูกศิษย์ถึงวิถีแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และจัดการกับอารมณ์ให้อยู่ในการควบคุมได้สำเร็จ



    (Surak บิดาแห่งอารยธรรม Vulcan)

     Sarak ได้ส่งบรรดาศิษย์ออกไปเจรจาสันติภาพครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งๆแรกก็ล้มเหลวโดนฆ่าทิ้ง แต่ก็ยังมีคนอาสาออกไปเจรจา จนในที่สุดก็มีคนยอมฟังและเห็นด้วยกับสันติภาพจากแนวคิดของ Surak ในที่สุด Vulcan ก็พบสันติด้วยหลักปรัชญาของ Surak แม้จะมีบางส่วนที่ปฏิเสธและอพยพไปดาวดวงอื่นกลายเป็น Romulan กล่าวกันว่าคำสอนของ Surak ได้ดับไฟแห่งสงครามบนผืนดินที่เคยเป็นสีเขียวด้วยโลหิตจากสงครามอันยาวนาน

     ในเวลาต่อมา หลักธรรมคำสอนของ Surak ช่วยให้ Vulcan ละเลิกจากความรุนแรงต่อกันแล้วหันมาร่วมมือสร้างสันติ เมื่อไม่มีสงครามก็หันมาสร้างความรู้และสำรวจอวกาศอย่างจริงจัง  อย่างไรก็ตาม ถึงชาว Vulcan จะสามารถยกระดับตรรกะและจิตใจได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปคำสอน ของ Surak ก็ถูกบิดเบือนจากการตีความไปต่างๆกัน เนื่องจากไม่มีบันทึกคำสอนที่เขียนโดย Surak หลงเหลืออยู่ สภาสูงแห่ง Vulcan (Vulcan High Command) ได้ดำเนินแนวทางที่ห่างไปจากคำสอนของ Surak โดยมีบางคนที่ลอบสมคบกับ Romulan เพื่อหวังให้ Vulcan กลับมารวมกับ Romulan แล้วจะกลายเป็นจักรวรรดิอันเกรียงไกรยิ่งขึ้น นอกจากนี้สภาสูงฯยังห้ามการหลอมรวมจิต หรือ Mind Meld ที่เป็นธรรมชาติของ Vulcan กล่าวคือ Vulcan เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีระบบประสาทพิเศษ สามารถเปลี่ยนถ่าย หรือ ถ่ายทอดความรู้ ความทรงจำได้ ดังที่เห็นในหนัง 2009 ที่ Spock ชรา ทำการหลอมจิตกับ Kirk และ Spock หนุ่มใช้การหลอมจิตกับ Romulan ที่สลบเพื่อหาสสารแดงและกัปตัน Pike ในยุคของสภาสูงฯ ใครที่บังอาจทำการหลอมจิตถือว่าเป็นคนที่ผิดปกติ เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนที่ทำได้นั้นผิดปกติ เป็นอำนาจลี้ลับ แต่จริงๆแล้ว Vulcan ทุกคนทำได้ แต่ต้องฝึกหัดให้ชำนาญจึงจะทำได้ดีและไม่เป็นอันตราย สภาสูงฯไม่ไว้ใจมนุษย์ เพราะพวกเขารู้สึกว่ามนุษย์คล้ายกับ Vulcan ในอดีตมากไป แต่ในขณะเดียวกันกลับสามารถทรงภูมิใช้เหตุผล สามารถพัฒนาตัวเองได้เร็วกว่า Vulcan ทำให้กลัวว่าจะเป็นภัย ชาว Vulcan เข้ามาร่วมพัฒนาดาวโลกเพื่อจับตาดูและยับยั้งไม่ให้มนุษย์พัฒนาก้าวกระโดดเร็วเกินไป เพราะแค่ 50 ปีหลังจากค้นพบวิธีเดินทางเหนือความเร็วแสง มนุษย์ก็สามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้จนสามารถไปถึง Warp 5 ได้ สภาสูงฯพยายามถ่วงมนุษย์เอาไว้ และความสัมพันธ์ลึกๆก็ไม่ค่อยดี แต่ Vulcan ที่มาอยู่บนโลกก็ได้เรียนรู้และชื่นชมมนุษย์เท่าที่จะรู้สึกได้ 

    Vulcan คนแรกที่เข้าร่วม Starfleet คือ T'Pol โดยถูกส่งมาเป็นผู้สังเกตการณ์และให้คำปรึกษาแก่กัปตัน Archer ในภารกิจแรกของยาน USS Enterprise NX-1701 ที่ต้องเดินทางไปดาวนครหลวงของ Klingon แรกๆ T'Pol ก็วางตัวห่างเหินลูกเรืออื่นๆ ออกจะเหยียดด้วยซ้ำ ซึ่งลูกเรือคนอื่นๆก็ไม่ไว้เธอ กัปตัน Archer ก็ไม่ไว้ใจเธอ แต่ก็ให้เกียรติว่าเป็นตัวแทนของ Vulcan เธอเองก็อยู่อย่างไม่เป็นสุขแม้จะพยายามทำภารกิจให้ลุล่วงโดยไม่คิดอะไร (โดยเฉพาะการที่ Archer พาหมาบีเกิ้ลสุดที่รักมาด้วย และกลิ่นของหมาทำให้เธอพะอืดพะอมเสมอจนต้องไปรับการฉีดยาลดความสามารถประสาทการดมกลิ่นบ่อยๆ) หากแต่เมื่อใช้เวลาร่วมกัน และได้ร่วมเป็นร่วมตายกันมากขึ้น เธอเองก็เปิดใจรับมนุษย์ เริ่มรู้จักความสนุก เช่นการดูหนังและกินป๊อปคอร์น (ชอบมากด้วย)  และเคารพในกัปตัน Archer เธอยังต้องรับมือกับความรู้สึกประหลาดที่มักเกิดกับ Trip Tucker หัวหน้าทีมวิศวกรประจำยานที่กลายเป็นคู่กัดกับเธอ กัดกันไป กัดกันมา ดอกรักก็ผลิบาน (แต่คู่นี้ไม่มีคำว่ามุ้งมิ้ง มีแต่ T'Pol หึงโหดจนเกือบหักกระดูกคอให้สาวที่มาเล็ง Trip ลั่นกร๊อบสนั่นหวั่นไหวเลย ฮา) 



    คำสอนที่แท้จริงของ Surak ได้รับการค้นพบโดย กัปตัน Archer ซึ่งช่วยยุติความชั่วร้ายที่ฝังอยู่ในสภาสูงฯได้สำเร็จ และ Vulcan ก็ได้ตัดสินใจว่าต่อไปนี้จะไม่คอยขัดขวางการพัฒนาของโลกอีกต่อไป

    ชาว Vulcan ทักทาย และอวยพรจากลากันด้วยการพูดว่า "Live Long and Prosper" (ขอให้อายุยืนยาว และรุ่งเรือง ---- ง่ายๆนะ...มันแปลตรงกับคำว่า "สวัสดี") พร้อมยกมือขวาขึ้น กางนิ้วโป้งห่างออกมาพองาม นิ้วชี้ติดกับนิ้วกลาง แยกออกจากนิ้วนางที่ติดกับนิ้วก้อย เกิดเป็นตัว V ตรงกลาง เบื้องหลังของการใช้สัญลักษณ์มือนี้มาจากไอเดียของ Leonard Nimoy ผู้รับบท Spock ต้นฉบับที่เห็นนักบวชยิวสาย Kohanim ใช้ในการอำนวยพร ปัจจุบันนักบินอวกาศหลายคนก็ทำท่านี้ในรูปถ่ายจากอวกาศเวลาถ่ายติดโลกนะ เมื่อตอนที่ Nimoy เสียชีวิต ทางทำเนียบขาวก็ได้กล่าวถึงสัญลักษณ์นี้ว่าได้กลายเป็นเครื่องหมายสากลในการอวยพรให้มีอายุยืนยาวและรุ่งเรือง 

    ขอแถมวิธีการฝึกมือให้ทำ Vulcan Salute ให้สำหรับคนที่ยังทำไม่ได้ วิธีการนี้เราหัดมาจากตอนเรียนเปียโนที่โดนครูดัดมือค่ะ (เพราะนิ้วสั่น เล่นข้าม Octave หรือจับคอร์ดใหญ่ๆกว้างๆไม่ได้ โดนถ่างนิ้วค่ะ)  
    1) ทำนิ้วสบายๆในข้างที่ถนัด และไม่ถนัด หรือจะเริ่มจากข้างใดข้างหนึ่งก็ได้ (เราพบว่าหัดขวาก็ทำซ้ายได้ด้วยไปเอง)
    2) ใช้มืออีกข้างถ่างนิ้วตรงกลางเป็นตัว V ค้างเอาไว้
    3) ใช้การขยับจากอุ้งมือเป็นหลัก ลองทำท่ายิงปืน หดนิ้วนางและนิ้วก้อยเข้าแนบฝ่ามือค้างไว้ ทำบ่อยๆจนกว่าจะรู้สึกว่าขยับนิ้วจากกันได้อิสระ
    4) ลองทำดูทั้งสองมือ น่าจะทำได้อย่างสบายๆไม่เกร็งนิ้วแล้ว นิ้วโป้งกางออกพองามด้วยนะคะ

    ถึงจะหน้านิ่ง ไร้อารมณ์ ยิ้มยาก จริงๆชาว Vulcan ก็มีโมเมนท์อ่อนโยน โรแมนติคอยู่ในตัวสูงด้วย พวกเขารักเสียงดนตรี งานศิลปะ ความอ่อนช้อย เส้นโค้ง ซึ่งตัดกับสภาพภูมิประเทศที่รกร้างเป็นทะเลทรายและมีพายุทรายไฟฟ้าที่โหดร้าย ยามคู่ครองทักทายกัน หรือแสดงความรัก แทนที่จะจับมือจูงพวกเขาจะใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางแตะไขว้กัน สัญลักษณ์นี้ถือว่าเป็นการแสดงความอ่อนโยน และอุทิศตัวฝากชีวิตให้แก่กันและกัน 


    เอกอัครราชทูต Sarek และ Lady Amanda ปาป๊า กับ หม่ามี๊ ของ Spock มักจะทำท่านี้เสมอๆ การครองคู่ของทั้งสองคนค่อนข้างแปลกจากธรรมเนียม Vulcan เนื่องจาก Vulcan มักไม่ได้แต่งงานตามใจชอบแต่เกิดจากการเลือกคู่ให้โดยผู้ใหญ่ตั้งแต่เด็ก โดยพิจารณาความเหมาะสมของครอบครัวเป็นหลัก เมื่อครอบครัวตกลงแล้วก็จะให้เด็กทั้งสองทำพิธีผูกจิตเข้าหากัน  Sarek เคยมีคู่ครองเป็นนักบวชหญิง Vulcan และมีบุตรชายหนึ่งคนชื่อ Sybok แต่ไม่ได้มีการกล่าวถึงว่าคู่ครองคนแรกได้แต่งงานกันหรือไม่ หรือได้หย่ากัน หรือตายไปแล้ว แต่เมื่อมาประจำการบนโลกเขาก็ไปตกหลุมรักคุณครูสาวชื่อ Amanda และตัดสินใจแต่งงานกับเธอ เมื่อย้ายกลับ Vulcan ก็พาเธอกลับมาด้วย Amanda เป็นผู้หญิงใจแข็ง ใช้ใจ ใช้อารมณ์แบบมนุษย์ แต่ Sarek ก็รักเธออย่างมาก ทั้งสองตัดสินใจมีลูกด้วยกันซึ่งต้องอาศัยเทคนิคทางการแพทย์ในการผสมผสานยีนของสองเผ่าพันธุ์เข้าด้วยกันจนเกิดเป็น Spock ในฉบับดั้งเดิมนั้น Amanda มีชีวิตยืนยาวกว่าในฉบับ 2009 มาก และได้เห็นลูกชายเป็นต้นเรือยาน Enterprise เธอป่วยและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่ง Sarek ก็แต่งงานใหม่อีกครั้งกับมนุษย์ ก่อนจะเสียชีวิตเขายังระลึกนึกถึง Amanda ว่าไม่ได้มีโอกาสแสดงความรักแก่เธอเท่าที่เธอแสดงต่อเขา

    เมื่อเจริญวัยถึงเวลาที่ชาว Vulcan หนุ่มสาวจะเข้าสู่ pon farr ครั้งแรก กระแสจิตของพวกเขาจะเพรียกหากัน ดึงดูดกัน เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาก็จะมาพบกันเพื่อทำพิธีแต่งงาน ตามปกติก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร  ใช้ชีวิตอย่างคู่สามีภรรยาด้วยกัน แต่หากทั้งสองคนเลือกจะกลับไปทำงานหรือไปอยู่ดาวอื่นแยกกัน เมื่อเกิด pon farr หนใหม่ก็จะเกิดแรงดึงดูหากันอีก

    กรณีหนุ่มสาว ระหว่างที่รอคอย pon farr ครั้งแรกนั้นก็อาจกินเวลาหลายสิบปี ทำให้ต่างคนต่างมีวิถีชีวิตไปคนละทาง ก็อาจจะพบเจอคนที่พึงพอใจมากกว่าจนนำไปสู่การถอนหมั้น ที่จะทำได้โดยการดวลเท่านั้น เป็นการดวลที่เอาให้ถึงตายไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเรียกว่า คัล-อิฟ-ฟี ฝ่ายหญิงจะเป็นผู้ท้าเพื่อใช้สิทธิ์ "คุน-อุท-คัล-อิฟ-ฟี" ในระหว่างพิธีแต่งงาน ฝ่ายหญิงสามารถเลือกตัวแทนมาสู้แทนได้ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นคนรักของเธอ ดังที่คู่หมั้นของ Spock เลือก Kirk ให้ทำหน้าที่ตัวแทน โดยไม่ได้เลือกคนรักของเธอเพื่อไม่ให้เขาตาย และเพื่อทำให้ Spock เจ็บปวด (ร้ายกาจมากนังคนนี้!) ถ้าชาว Vulcan ที่เกิด pon farr ไม่สามารถจับคู่เพราะคู่ปฏิเสธหรือกลับมาไม่ทันการณ์ เขาจะคุ้มคลั่ง สารเคมีในสมองจะปั่นป่วนจนตายอย่างทรมาน ก็ต้องสู้กันในพิธีข้างตน หรือทำสมาธิขั้นลึก หรือใช้ hologram ช่วยเพื่อให้พ้นช่วงเวลาติดสัดนี้ไปได้ ชาว Vulcan ถือ pon farr เป็นเรื่องส่วนตัวแต่ค่อนข้างจะอับอายที่เผ่าพันธุ์ตัวเองยังมีสัญชาตญาณธรรมชาติเหมือนสัตว์ จึงไม่ค่อยปล่อยให้คนนอกได้รู้เท่าไหร่


    ชาว Vulcan แม้จะกลายเป็นเผ่าพันธุ์รักสงบ พวกเขาก็ยังมีความสามารถในการป้องกันตัวอีกอย่างคือศิลปะการต่อสู้แบบวัลแคน เน้นอ่อนชนะแข็ง ที่ร้ายกาจก็คือการจับจุดบนร่างกายของอีกฝ่ายส่งผลให้หมดสติในทันควัน ดังที่ Spock ใช้กับนักเรียนนายเรือ Kirk ใน ฉบับ 2009 ใช้ได้ผลกับสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่เสียด้วย และเผ่าพันธุ์อื่นถึงมีความสามารถของวัลแคน หรือความทรงจำของวัลแคนก็ทำตามไม่ได้อยู่ดี 



    เรื่องน่ารู้ของ Vulcan ยังมีอยู่มากแต่แบ่งเอาไว้เล่าคราวหน้าดีกว่านะคะ

    Live Long and Prosper ค่ะ   ^ ^

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in