……….
ตอนที่ 5 : โดนบุกตอนกลางคืน
กึก ... กึก กึก ...
“อื้มม....ฮึ !” ผมงัวเงียตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรกระทุ้งประตูหรือหน้าต่างพอคิดได้ดังนั้นก็ตกใจรีบคว้ามีดที่อยู่ข้างตัวขึ้นมา ผมเด้งตัวขึ้นนั่งนิ่งๆ บนเตียงเพื่อรอฟังเสียงภายนอก
เมื่อไม่ได้ยินเสียงอะไรผมค่อยๆ ลงจากเตียง สะพายเป้ เดินไปที่ประตูห้อง เปิดออก เผยทางเดินโล่งอันมืดมิด เพราะผมดันปิดผ้าม่านซะหมดตอนนี้จึงแทบมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าราวบันไดอยู่ห่างจากผมไปเท่าไร ผมเก็บมีดไว้ที่เอวตามเดิมหยิบเอาไฟฉายที่เก็บไว้ในเป้ออกมา ทันทีที่ผมกดเปิด พลันเกิดวงกลมแสงไฟสีขาวนวลสว่างอยู่บนผนังกำแพงตรงข้ามห้องที่ผมยืนผมเริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวเองเมื่อสายตาเริ่มปรับให้ชินกับไฟฉายในมือ
ผมพยายามเดินให้เงียบไม่รู้ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นคนหรือซอมบี้ ซึ่งถ้าเป็นจริงไอริกที่อยู่ข้างล่างเจองานหนักแน่ผมเดินสำรวจทุกห้องข้างบน ไม่พบสิ่งผิดปกติ หน้าต่างก็ยังปิดสนิทเหมือนเดิมทุกบาน ก่อนคิดได้ว่าควรจะรีบลงไปดูไอริกข้างล่าง
คิดได้ก็รีบวิ่งลงไปข้างล่างไม่สนใจเสียงที่เกิดขึ้นแล้ว เมื่อผมวิ่งลงมาสุดบันไดขั้นสุดท้ายก็พบว่าประตูหน้าบ้านเปิดแง้มไว้อยู่ผมเดินไปปิดประตูนั่นทันที ก่อนเดินไปยังห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน
“ไอริก !” ผมตะโกนเรียกพยายามส่องไฟหาจนทั่วห้องแต่กลับไม่พบไอริกซะอีก แต่กระเป๋าของมันก็ยังวางอยู่ที่ข้างโซฟานี่
“ไอริก ! ไอริก !” ผมตะโกนเรียกชื่อมันลั่นบ้านเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปยังห้องครัวแต่เพียงก้าวออกมาจากห้อง หางตาผมดันคลับคล้ายคับคาว่าเห็นเงาคนอยู่ทางขวาซึ่งเป็นทางไปห้องครัวพอดีผมรีบหันไปมอง คิดในใจว่าเป็นไอริกก่อนจะพบความจริงเมื่อผมส่องไฟไปเห็นกลับเป็นซอมบี้ใส่สูทผูกไทปากเต็มไปด้วยเลือดและเศษเนื้อ ซึ่งผมหวังว่านั่นคงไม่ใช่ของไอริก
“หวังว่ายังรอดอยู่นะ” ผมนึกได้ว่าในมือมีแค่ไฟฉายแล้วจะเอาอะไรไปสู้มันล่ะ
“แฮ่.... !” ไอลุงนี่ไม่ไห้สัญญงสัญญาณอะไรเลย อยู่ดีๆ ก็วิ่งเข้าใส่ซะงั้น ผมหันหลังวิ่งกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นหันกลับมาก็พบว่าเจ้าซอมบี้มันขวางเต็มประตูซะแล้ว
“จะตัวๆ ใช่มั้ย เดี๋ยวได้รู้สึก ฮะฮะ” ผมหัวเราะแห้งเหมือนไม่มั่นใจในสิ่งที่เพิ่งพูดไปผมสาดไฟฉายส่องไปยังใบหน้าของมัน กะจะทำให้มันตาพร่า ซึ่งไม่รู้ว่าได้รึเปล่าแต่ไงผมก็ทำไปแล้ว
“แฮ่...แฮ่...!” เจ้าซอมบี้ร้องออกมา ทำท่าเซไปเซมา ผมเห็นว่าได้โอกาสแล้วจึงรีบชักมีดข้างเอวออกมา วิ่งเข้าไปเสียบเป็นแนวทแยงลงไปยังคอของเจ้าลุงนั่นทางด้านหน้าก่อนจะชักออกทันที เลือดสีดำคั่กพุ่งออกมาตามรอยแผลที่ผมแทงลงไปผมแทงซ้ำเข้าไปอีกทีกลางหน้าผากของเจ้าลุงซอมบี้จนมันล้มหงายหลังกระแทกพื้นดังตุบ
“โอยย อยากจะบ้า นี่กูทำลงไปได้ยังไงเนี่ย” ผมพูดกับตัวเอง ดึงมีดออกจากศพ นำไปเช็ดที่โซฟาก่อนจะเก็บไว้ข้างเอวเหมือนเดิมทีนี้ผมเดินไปยังห้องครัวและก็พบกับความว่างเปล่าอีกเหมือนเดิม
“มันไปไหนของมันวะ ของก็ทิ้งไว้ด้วยนะ” ผมสังเกตว่าชั้นล่างนี่ประตูหน้าต่างก็ไม่มีอะไรแงะเข้ามาซักหน่อยก่อนนึกได้ว่าตอนลงมาครั้งแรกเห็นประตูหน้าบ้านเปิดอยู่คิดได้ดังนั้นจึงรีบวิ่งไปที่หน้าประตูบ้าน มองลอดตาแมวออกไปดูว่าข้างนอกมีคนหรือซอมบี้หรือไม่ก่อนสายตาของจะจับไปยังร่างๆ หนึ่งซึ่งเดินกระเผลกๆ มาทางผม แสงจันทร์ซึ่งส่องสว่างไปทั่วท้องถนนบอกว่านั่นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นไอริกนั่นเอง
“เฮ้ยย ! มึงไปโดนอะไรมาเนี่ย” ผมรีบออกไปพยุงริกเข้ามาในบ้าน เห็นว่าแขนและขาของมันเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉานและเปรอะอยู่บนเสื้อฮู้ดสีขาวของมันด้วย
“จะโดนไรล่ะ ซอมบี้มันจะรุมแดกกูอยู่แล้วมึงก็ไม่ได้ยินอะไรเลย” ริกพูด
“…กูขอโทษ แต่ตอนนี้ต้องรีบฉีดยาต้านไวรัสก่อน กูยังไม่อยากมีเพื่อนร่วมทางเป็นซอมบี้” ผมพยุงมันข้ามเจ้าลุงที่ผมเพิ่งฆ่าไปหมาดๆมานั่งบนโซฟา
“ใช้ของกูนี่” ริกพูด ผมรีบหยิบกล่องยาต้านไวรัสออกมาจากเป้ เปิดออกและพบกับวัคซีนขนาดเท่าปากกาปักอยู่ในโฟมกันกระแทกมีอยู่6 หลอด
“จะรู้ได้ไงว่าสภาพมึงนี่ต้องฉีดกี่เข็ม?” ผมสงสัยขึ้นมา
“ก็อ่านข้างกล่องเด้ มันต้องมีไม่ใช่รึไง” ริกคว้าไอดีการ์ดขึ้นมาพร้อมกับกดนู่นนี่ไปมาเหมือนพยายามหาข้อมูลเบื้องต้นของเกมส์อยู่
ฉึก !
“โอ้ยย !”
“มึงทำบ้าอะไรเนี่ย ! มันฉีดตรงนี้รึไง” ริกตกใจเมื่อผมปักวัคซีนลงบนต้นขามันจังๆ
“ก็มันบอกไว้นี่ ถ้าโดนกัดเกิน 15 นาที อาจจะทำให้คุณกลายเป็นซอมบี้ได้ แล้วนี่มึงไปโดนกัดมากี่นาทีแล้วก็ไม่รู้” ผมตอบพลางดึงเข็มออก
“ก็เลยทิ่มลงมาดื้อๆ เลย ไม่ถามกันเลยเนอะ แล้วมันใช้กี่อัน อันเดียวหรอ” ริกถาม
“ใช่ ถ้าโดนกัดในเวลาใกล้เคียงกันไม่ห่างเกิน 10 นาทีล่ะก็” ผมตอบ เก็บกล่องยาใส่กระเป๋าริกเหมือนเดิม
“แล้วนี่เอาไงต่อ เดินไหวเปล่า?” ผมถาม แต่ดูท่ามันจะไม่ไหว
“ได้น่าไปเตรียมของเถอะจะได้ไปจากที่นี่กันนี่มันเที่ยงคืนกว่าและ” ริกพูด
“โอเค!”
ตอนนี้ในบ้านมืดมากผมสามารถมองเห็นได้แค่วงกลมของแสงไฟฉายที่ส่องกับระยะรอบๆ มันเท่านั้น
“พร้อมยัง เราน่าจะไปได้แล้วนะ ไม่รู้พวกมันจะแห่กันมาอีกรึเปล่า” ริกตะโกนถามผมจากห้องนั่งเล่น
“แล้วทำไมอยู่ดีๆ มันก็โผล่มาวะ ตอนกลางวันไม่ยักจะเห็นซักตัว” ผมถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงห้องนั่งเล่น
“ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าไม่ใช่มีแค่คนแล้วตอนนี้ ไหนจะซอมบี้ไหนจะไอ้สไนเปอร์นั่นอีก” ริกลุกขึ้นสะพายเป้ก่อนถือท่อนเหล็กซึ่งผมคุ้นมากๆในมือ
“ของมึงนั่นแหละมันตกอยู่ข้างๆ บ้าน ตอนสู้กับพวกมันเห็นเลยหยิบมา ไม้เบสบอลมันไม่ถนัดมือว่ะ” ริกเล่าเมื่อเห็นว่าผมมองมันอยู่
“อือๆ ใช้ไปเหอะ กูมีมีดและ” ผมตอบก่อนเดินนำออกจากบ้าน
พวกเราเดินห่างออกมาจากตัวบ้านได้สักพักก็เห็นซากศพพวกซอมบี้นอนเกลื่อนกลาดกับพื้นเกือบนับตัวได้ บ้างใต้ต้นไม้ หน้ารั้วบ้านนู้นบ้างบ้านนี้บ้าง กลางถนนบ้าง กระจายไปทั่วบริเวณ
“โหดเอาการอยู่นะเนี่ย ยังงี้สิพึ่งได้หน่อย” ผมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผลงานเพื่อนสนิท พวกเราค่อยๆเดินไปตามฟุตบาทริมถนนซึ่งทอดยาวไปยังท้ายหมู่บ้านขนาบไปด้วยบ้านที่ตั้งเรียงรายทั้งสองข้าง
“มึงไม่รู้หรอกว่ากูกลัวแค่ไหน วิ่งมันไปทั่วเลยกว่าจะจัดการได้หมดหอบจะกินเอา” ริกตอบ ก่อนที่พวกเราจะพากันเดินเงียบๆ กลัวว่าจะไปเรียกพวกมันเข้าอีก
..........
“ไอ้หมอนี่มันแน่จริงว่ะ” ชายร่างเล็กที่ซุ่มมองเหตุการณ์อยู่ตลอดเอ่ยชมเบาๆ กับสิ่งที่เห็นก่อนจะเรียกเจ้าเพื่อนตัวโตที่นอนอุตุอยู่ข้างๆ
“ตื่นได้แล้วเว้ย ! มันไปกันแล้ว” เขาปลุกเพื่อนก่อนหันไปเตรียมสัมภาระให้พร้อมเดินทาง
“อือออ....เพิ่งนอนได้แปปเดียวเองนะ” เจ้าเพื่อนตัวโตพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงียก่อนลุกขึ้นมาเก็บข้าวของของตนอย่างเงอะงะ
“ไว้ค่อยนอนทีหลัง เตรียมของให้เรียบร้อยเราจะไปกันใน 10 นาที” ชายร่างเล็กพูด
……….
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in