……….
ตอนที่ 35 : ชั้นใต้ดินสุดสยอง #จบ
“รออะไรละเฮ้ย ! วิ่งเด้ !” เอิร์นตะโกนขึ้นพร้อมๆกับลุงหัวหน้าตะโกนบอกลูกน้องให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า
ทันทีที่ทุกคนพอจะตั้งสติได้ก็รีบวิ่งกันยกใหญ่ ข้างหน้าพวกเรามีการ์ดสองคนวิ่งนำหน้าและอีกสองคนอยู่ด้านหลังขบวน พวกเราไม่สนใจแล้วว่าตนจะส่องไฟไปทางไหน แต่ละคนก็ล้วนมุ่งหน้าวิ่งไปทางที่เข้ามา
ปัง ! ริกได้ยินเสียงปืนมาจากข้างหลังตนซึ่งต้องเป็นการ์ดสักคนยิงแน่ แต่ตนไม่กล้าที่จะหันกลับไปมองได้แต่มุ่งหน้าวิ่งต่อหวังจะออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด อ้าก ! เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดเกิดขึ้นอีกครั้ง ไม่ใช่ข้างหลังแต่เป็นการ์ดคนหน้าสุดที่โดนแทงด้วยกรงเล็บที่ยาวแหลมแทบจะถึงพื้นทุกคนข้างหน้าพาลตกใจต่างผงะและค่อยๆ ทยอยกลับหลังมาช้าๆ
ลุงหัวหน้าการ์ดใช้จังหวะที่เจ้าตัวข้างหน้าเล่นงานพวกของตนอยู่ระดมยิงเข้าไป พอเห็นดังนั้นเปาและริกต่างก็ช่วยกันยิงด้วยอีกแรงจนมันร้องลั่น เสียงสูงของมันทำเอาทุกคนแสบแก้วหูกันไปหมด มันสะบัดร่างการ์ดคนนั้นไปกระแทกกับหลอดทดลองก่อนจะวิ่งลับหายไปในความมืด
ฟุ่บ ! ฟุ่บ ! เสียงลมที่มาจากการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปมาดังไปทั่วบริเวณ ทำเอาทุกคนไม่กล้าที่จะเดินแม้แต่ก้าวเดียว ได้แต่ยืนนิ่งสะบัดไฟฉายไปมาตามเงาวูบวาบที่เคลื่อนที่ไปมารอบๆ
“ถอยหลังมารวมกลุ่มกันไว้ !” ลุงหัวหน้าตะโกนบอกทุกคน แต่ละคนค่อยๆ ก้าวช้าๆ มารวมกันอยู่ตรงกลางพลางเฝ้าระวังจากทุกทิศ
“มึงมีกระสุนปืนกลใช่มั้ยไอริก รีบเอามาเร็วเข้า ปืนมึงกับไออ๋องอยู่ที่พวกกูเนี่ย” เปาบอกริกก่อนที่ริกจะวางเป้ลงกับพื้นรีบหยิบแม็กกระสุนปืนกลขึ้นมาเปลี่ยนปืนที่เอิร์นถืออยู่กระบอกหนึ่งกับอีกกระบอกที่ไอเปาถือไว้ “เอาไปใช้ด้วย” เปายื่นปืนอ๋องให้ริก
“เราจะเอายังไงกันดีทีนี้ มันต้องมีจุดอ่อนสิซิลว่า” เอิร์นถามซิลว่า
“จุดอ่อนมันก็คือเปราะบางไง เพราะจุดเด่นมันก็มีแค่ความไวกับกงเล็บของมันยิงมันสักชุดก็อาจจะฆ่ามันได้” ซิลว่าแนะนำ
“ประเด็นก็คือมันไม่ได้อยู่นิ่งไง” การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นซึ่งนั่นเป็นความจริงทีเดียว
“ช่ว ! มันเงียบแล้ว” ลุงหัวหน้าปรามทุกคนให้เบาเสียงลงจนทุกคนรู้สึกได้ถึงความเงียบ
“พวกมันหยุดแล้วหรอ ยังงี้ยิ่งน่ากลัวนะเนี่ย” ริกว่า
“ค่อยๆ ก้าว ช้าๆ ไปยังทางออกนะ ช้าๆ” หัวหน้าการ์ดพูดเสียงเบาก่อนที่ทุกคนจะทำตาม การ์ดคนแรกของหัวแถวค่อยๆเดินนำออกไปตามด้วยเปากับเอิร์นตามและซิลว่ากับริกที่อยู่กับการ์ดสองคนรั้งท้าย
“พวกมันมองในความมืดได้เหรอซิลว่า” เปากระซิบถาม
“ไม่หรอก มันใช้การสะท้อนของคลื่นเสียงจับตำแหน่งพวกเราน่ะเพียงแค่นิดเดียวมันก็ได้ยินแล้ว” ซิลว่าตอบ
“งั้นปิดไฟฉายซะ ทุกคนเลย ในเมื่อตามันก็ปกติทั่วไปเราเปิดไฟก็หมายความว่าเราชี้ตำแหน่งอยู่น่ะสิ” เปาพูด “แล้วเราจะมองทางได้ไง”เอิร์นถามกลับ
“พวกคุณมีกล้องอินฟาเรดนี่ ใช้ซะ แล้วหยุดอยู่กับที่ในเมื่อมันก็มองไม่เห็นแถมเรายังไม่ทำให้เกิดเสียงมันก็จะไม่รู้แล้วว่าเราอยู่ตรงไหนแล้วใช้สไนเปอร์เก็บมันซะ” เปาออกความเห็น
“มึงนี่มันล้ำจริงๆ” ริกทึ่งในความสามารถของเพื่อนตน
“งั้นตามแผน ทุกคนปิดไฟซะ ยืนอยู่กับที่อย่าทำอะไรก็ตามที่เกิดเสียงเจ้าหนูนั่นใช้สไนเด็ดหัวมันซะ เดี๋ยวอีกตัวพวกชั้นจัดการเอง” หัวหน้าการ์ดบอกกับทุกคน
สิ้นเสียงคำสั่งทุกคนพากันปิดไฟฉายทุกอย่างรอบตัวมืดสนิทอีกครั้ง พวกเราทั้งหมดยืนอยู่ท่ามกลางความมืดที่รัศมีเกินฝ่ามือออกไปก็มองไม่ออกแล้วนอกจากสีดำเท่านั้น
เปาขึ้นประทับศูนย์เล็งที่ติดกล้องอินฟาเรดไว้ที่สไนอยู่แล้ว เปาส่ายปืนไปมาช้าๆ หาเป้าหมายอยู่สักครู่ก่อนจะเห็นตัวหนึ่งอยู่ตรงข้ามกับตนไป เจ้านั่นมันอยู่หลังหลอดทดลองอันที่สอง มันยืนนิ่งอยู่กับที่พลางสะบัดหัวกึกๆไปมาเหมือนพยายามฟังเสียงพวกตนอยู่
เปาเหลือบไปมองการ์ดซ้ายขวาเพื่อเป็นสัญญาณว่าตนเล็งตัวนี้ไว้แล้ว การ์ดพยักหน้าเข้าใจเพราะว่าทางฝั่งการ์ดก็เจอแล้วเหมือนกัน หัวหน้าการ์ดชูมือขึ้นบนอากาศสามนิ้วก่อนจะค่อยๆลดลงทีละนิ้วเพื่อเป็นสัญญาณการเริ่มยิง 3....2...1
ปัง ! เปาลั่นกระสุนพุ่งเข้าใส่หัวเจ้าตัวที่เล็งอย่างจังจนมันกระเด็นตามแรงปืนไปชนกับตู้อะไรสักอย่างจนล้มไป ปัง ! อีกเสียงที่การ์ดคนหนึ่งยิงขึ้นไร่เรี่ยกันติดๆจนอีกตัวก็เซถลาไปข้างหลังไปชนกับหลอดทดลองข้างหลัง เดี๋ยวนะ แค่เซหรอเปาตกใจกับสิ่งที่ตนเห็นเมื่อการ์ดยิงไม่เข้าหัวซะทีเดียวเหมือนกับว่าแฉลบไปแค่นั้น
“เปิดไฟฉายซะ ! แล้ววิ่งไปที่ทางออกเร็วเข้า !” เปาตะโกนก่อนหันกลับไปยิงซ้ำเข้าอีกนัดหนึ่งเข้ากลางลำตัวจนเกิดเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูดังขึ้น แต่มันก็ยังทรงตัวลุกขึ้นหายไปในความมืดอีกครั้ง
“ไปเร็วซิลว่า” ริกเร่งซิลว่าที่ทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะดึงแขนเธอวิ่งไปด้วยกัน
การ์ดที่เหลือต่างเริ่มทยอยวิ่งตามๆกันไป เปาทำท่าจะหันกลับแต่ก็อดเช็คไม่ได้ว่าตัวที่ตนยิงไปนั้นตายแน่แล้วหรือยัง อ้าก ! เสียงร้องดังขึ้นทำเอาทุกคนต้องหันมามองตามเสียงไฟฉายของทุกคนส่องตรงผ่านเปาที่อยู่ตรงกลางขบวนไปยังการ์ดคนหนึ่งที่อยู่รั้งท้าย กรงเล็บยาวแหลมแทงทะลุหลังการ์ดคนนั้น เลือดสดๆไหลเปรอะตามรอยบาดแผล “ฆ่ามันซะตอนนี้แหละ !” การ์ดคนที่โดนเล่นงานตะโกนขึ้นบอกกับทุกคน“ยิงซะเซ่ !” การ์ดเร่งเสียงอีกครั้ง
ลุงหัวหน้าการ์ดเปิดฉากยิงนัดแรกเข้าที่หัวเพื่อนของตนก่อนเพื่อจะได้ไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไป ก่อนที่ทุกคนพากันยิงร่างเจ้าตัวประหลาดตรงหน้า
“มันจะหนีแล้ว” การ์ดอีกคนตะโกนขึ้น
“อย่าหวังว่าคราวนี้มึงจะรอดเลย ย้าก!” เอิร์นวิ่งเข้าไปพร้อมกับรัวกระสุนใส่เจ้านั่น เอิร์นปล่อยปืนทิ้งลงข้างตัวก่อนพุ่งเข้าไปล็อกแขนที่ยาวเฟื้อยของเจ้านั่นไขว้หลังไว้
“มึงบ้าไปแล้วรึไง” เปาตะโกนเมื่อเห็นการกระทำของเพื่อนตนทำเอาทุกคนไม่กล้าที่จะยิงต่อ
“แล้วใครมันจะกล้าไปยิงล่ะวะ เอามานี่ !” ริกส่งไฟฉายให้ซิลว่าช่วยส่องทางให้ก่อนที่ตนจะวิ่งไปคว้าเอามีดตัดเหล็กที่อยู่ข้างเอวเปาแล้ววิ่งเข้าไปหาตัวประหลาดข้างหน้า
เมื่อความร้อนได้ที่ตัวมีดเริ่มเปลี่ยนสีคล้ายกับลาวา ริกตรงดิ่งเข้าไปแบบไม่กลัวตาย “ไปตายซะ !” ริกออกแรงแทงมีดทะลุเข้าไปกลางอกมันจนมิดด้ามพลันเสียงร้องโหยหวนดังลั่น
“แทงที่หัวมัน” ซิลว่าตะโกนขึ้น
ริกรับชักมีดออกมา ของเหลวสีแดงเข้มไหลออกมาตามไม่หยุด ด้ามมีดส่งเสียงชี่เหมือนกับหยดน้ำที่กระเด็นใส่กระทะร้อนๆจนมันระเหยกลายเป็นไอ ทันทีที่ชักมีดออกริกก็ประเดิมหมายจะเสียบเข้ากลางหน้าผากให้ตายๆ ไปซะ มันร้องลั่นเหมือนเคย มันออกแรงฮึดก่อนจะสะบัดมือของเอิร์นที่พันธนาการตนไว้ทำเอาเอิร์นลอยไปกระแทกกับหลอดทดลองข้างหลังห่างไปหลายเมตร
“ไอริกก้ม !” เปารีบตะโกนบอกริกเมื่อเห็นมันง้างกรงเล็บหมายจะตะปบ ริกก้มหลบได้ทันหวุดหวิดพอจะได้ยินเสียงกรงเล็บแหวกอากาศผ่านหัวตนไป ทันทีที่เจ้านั่นหลุดห่ากระสุนก็ระดมยิงใส่อีกครั้งหนึ่ง
“มันใกล้ตายแล้ว” หัวหน้าการ์ดบอกกับทุกคน
“ลุกเร็วเข้า” ซิลว่าที่วิ่งอ้อมมารีบพยุงเอิร์นให้ลุกขึ้น
เปรี๊ยะ ! “เสียงอะไรน่ะ” ซิลว่าเอ่ยขึ้นขณะประคองเอิร์นอยู่ “ไม่นะ ไม่ !” เอิร์นพูดด้วยเสียงวิงวอนเหมือนกับรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น เอิร์นหันหลังกลับไปมองข้างหลังถึงแม้จะเป็นความมืดมิดที่บดบังทรรศนะวิสัย แต่แสงไฟที่สะท้อนไปมาตามน้ำในหลอดทดลองก็พอจะบ่งบอกได้ว่าหลอดทดลองที่ตนเพิ่งจะกระแทกไปกำลังจะแตกในไม่ช้านี้
“เอาไอ้ตัวนี้ก่อน” ริกคลานออกมาจากจุดเดิม ระหว่างที่พวกเปาและการ์ดต่างก็ช่วยกันจัดการ ซึ่งตอนนี้การเคลื่อนไหวของมันช้าลงกว่าเดิมมากทำให้ฝ่ายเปาเริ่มเป็นฝ่ายไล่ล่าได้อีกครั้ง
เพล้ง ! ไม่นานตู้กระจกที่ข้างในบรรจุเจ้าสิ่งทดลองที่ขนาดเบิ้มเหมือนกับที่พวกตนเจอตอนเข้าเกมส์มาใหม่ๆก็แตก เสียง ตุ้บ ! บ่งบอกว่ามันออกมาจากตู้แล้วเรียบร้อย น้ำในตู้ไหลทะลักออกมาเจิ่งนองไปทั่วบริเวณรอบๆ
“คราวนี้ล่ะงานงอกของจริง” ริกเอื้อมไปหยิบไฟฉายที่ตกก่อนลุกขึ้น ริกมองเห็นแสงจากปลายปืนและเสียงตะโกนของพวกเปาที่อยู่อีกส่วนหนึ่งของห้อง แทบจะสุดระยะไฟฉายของตน “แล้วนี่พวกซิลว่ากับเอิร์นหายไปไหนแล้วล่ะ” ริกถามตัวเองก่อนก้มหยิบปืนอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนแม็กกระสุนสำรองก่อนสะพายไว้กับตัว
ตนถูกปล่อยทิ้งไว้กลางห้องที่เต็มไปด้วยหลอดทดลองมากมายนับร้อย ริกเดินมาเรื่อยๆ มายังจุดที่ได้ยินเสียงกระจกแตก ก่อนจะสังเกตเห็นรอยเท้าที่เปียกน้ำย่ำเข้าไปในดงหลอดทดลองข้างใน“แค่รอยเท้าก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา” ริกพูดเมื่อเห็นขนาดรอยเท้า
“ไอริก !” เอิร์นโผล่ออกมาจากอีกทางหนึ่งด้วยสภาพที่เหมือนกับไปสู้กับนักเลงนับสิบมา
“ไปโดนอะไรมาล่ะเนี่ย” ริกถามเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนตนเองที่ปกติเป็นคนที่รูปร่างใหญ่โตและแข็งแรงที่สุดในกลุ่ม
“ช่วยกูจัดการไอ้เจ้านี่ก่อนดิ” เสียง ตึง ตึงของเจ้ายักษ์ดังขึ้นไล่หลังเอิร์นมาติดๆ
“รับมือกับมันเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว วิ่งเร็วเข้า !” ริกพยายามดึงมือเอิร์นเพื่อออกวิ่ง
“วิ่งบ้าอะไร ! เจ้านี่มันอ่อนกว่าตัวที่เราเคยเจอเยอะมันคงเพิ่งฟื้นตัว พละกำลังยังไม่มากเท่าไหร่ยังพอรับมือได้”
“งั้นก็ต้องรีบจัดการสินะ” ริกถาม “ก็เออดิ! ถามไรแปลกๆ นะมึงเนี่ย” เอิร์นตอบ
“ก้มหัวเอิร์น !” เปาตะโกนขึ้นก่อนจะโผล่ออกมาจากความมืดกับหัวหน้าการ์ดสองคนทั้งสองใช้อาวุธปืนช่วยกันจัดการยักษ์ที่สูงเกือบ 3 เมตรตรงหน้า
“ส่งปืนนั้นมา เอาปืนนี้ไปใช้ก่อน” ริกเอาปืนจากเอิร์นมาก่อนส่งปืนที่ตนเตรียมกระสุนไว้แล้วให้ไป
“แล้วนี่ซิลว่าไปไหน” ริกถามเมื่อไม่เห็นซิลว่า “โดนซัดกระเด็นไปไหนแล้วไม่รู้ กูวิ่งวนตามหาแล้วก็ไม่เจอ” เอิร์นตอบ
“งั้นพวกเธอสองคนรีบไปหาเธอซะ เดี๋ยวทางนี้พวกเราจัดการเอง” หัวหน้าการ์ดบอก
ทั้งสองรีบเข้าไปในตรอกซอกซอยที่เต็มไปด้วยหลอดแก้ว มีทางแยกมากมายเต็มไปหมดพลางตะโกนเรียกชื่อซิลว่าไปด้วยตลอดทาง“นี่ถ้ามีซอมบี้ด้วยล่ะก็พวกเราคงรอดยาก” เอิร์นพูดขึ้นเมื่อเดินมาสักพักแล้วยังไม่เจอซิลว่า“ก็พูดซะอย่างเงี้ย” ริกย้อน
“เฮ้ย ! นั่นมันกระเป๋าซิลว่านี่หว่า” แสงสะท้อนจากกระเป๋ากันกระแทกสีเงินของซิลว่าที่ข้างในบรรจุวัคซีนอยู่
“ซิลว่า ๆ” เอิร์นวิ่งนำริกไปข้างหน้าพลางส่องไฟหาร่างซิลว่า “เจอมั้ย” ริกถามขณะหยิบกระเป๋าของซิลว่าขึ้นมาสะพายไว้กับตน
“ฉะ ชั้น ยุ อยู่...ตรง นี้” ทั้งสองได้ยินเสียงของซิลว่าที่เบาราวกับกระซิบจึงรีบหาต่อ
“ตรงนั้นไอริก” เอิร์นเรียกริกที่หันไปคนละทางกับตน
ร่างของซิลว่านอนนิ่งอยู่หน้าหลอดทดลองที่ข้างในบรรจุร่างทดลองผอมๆแห้งคล้ายๆ ตัวก่อนหน้าที่มีกรงเล็บยาวเฟื้อยแต่เจ้าตัวในหลอดมีแค่เล็บที่ยาวจากปลายเล็บนิดหน่อยใบหน้าซิลว่าขาวซีดกว่าเดิมมาก
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” ริกถามพลางควานหายาในกระเป๋าตน
“เก็บไว้เถอะ ใช้ไปก็ไม่คุ้มแล้วล่ะ” ซิลว่าพูดเหมือนรู้ว่าริกกำลังหายาให้ตน
“อย่าพูดบ้าๆ น่า เธอต้องไปกับเรานะ” เอิร์นที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น
“รีบไปกันเถอะ เร็วเข้า ก่อนที่พวกมันจะมา...” ซิลว่าพูดพยายามแค่นเสียงพูด
“อะไรมาซิลว่า เราจัดการพวกมันได้แล้วนะ อุ้ก !” พูดจบร่างของริกก็กระเด็นไปชนเข้ากับหลอดทดลองข้างหลังอย่างจัง
“แสงสว่าง...มันแพ้แสง” ซิลว่าพูดเสียงแผ่ว เอิร์นไม่รู้ทำยังไงก็ส่องไฟฉายไปยังร่างที่กำลังจะขย้ำเพื่อนตนอยู่ เมื่อแสงกระทบผิวร่างของมันก็เกิดไอควันราวกับผิวกำลังไหม้ มันร้องเสียงหลงก่อนจะหลบฉากหายเข้าไปในความมืดเหมือนเดิม
“ขอบใจมากๆ” ริกลุกขึ้นเอามือกุมท้องหลังจากที่ตนน่าจะโดนต่อย
“ต้องลุกแล้วซิลว่า ต้องไปกันแล้วล่ะ” เอิร์นรีบเข้าไปพยุงตัวซิลว่าขึ้นจากพื้นช้าๆก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยกันหามซิลว่าไปตามทางจนมาโผล่บนทางหลักของตัวห้องและเจอกับเปาและลุงหัวหน้าการ์ดที่ปราบเจ้ายักษ์สำเร็จแล้ว “รีบออกจากห้องบ้าๆ นี่กันเถอะ” เปาพูด
ฟุบ !
“เสียงอะไรอีกล่ะ” หัวหน้าการ์ดถาม
“รีบเดินเร็วเข้า พวกมันอยู่กันเป็นกลุ่มไม่ได้มีแค่ตัวเดียว” ซิลว่าบอกกับทุกคนด้วยเสียงที่เหนื่อยอ่อน
“มันยังมีอีกรึ” เปาแทบจะถามพร้อมๆ กับลุง
“เออดิ ! เปิดไฟฉายขู่มันไว้ พวกมันแพ้แสง” ริกบอกกับเปาและลุงเนื่องจากทั้งคู่ใช้อินฟาเรดกันอยู่ไม่ได้ใช้ไฟฉาย อ้าก ! ไม่ทันไรลุงที่อยู่รั้งท้ายของกลุ่มก็โดนลากไป ทุกคนหันมาตามเสียงร้องก่อนที่จะระดมส่องไฟไปยังเจ้ากลายพันธุ์ร่างใหม่
“ไอเปา ! ข้างหลัง” ริกหันกลับมาส่องไฟฉายไปยังข้างหลังเปาที่เกือบจะโดนมันเล่นงานเข้า
“ไปต่อ ! อย่าหยุด...” ลุงตะโกนไล่พวกเราให้รีบออกจากห้องก่อนที่จะมีพรรคพวกของมันเข้าไปรุมทึ้งร่างของลุงกันยกใหญ่
“ไปเร็วเข้า อยู่ต่อรังจะตายหมู่กันซะเปล่าๆ” เอิร์นรีบพยุงซิลว่าขึ้นอีกไม่กี่เมตรก็ถึงประตูแล้วตอนนี้ร่างของลุงยังพอถ่วงเวลาให้กับพวกตนจนพ้นประตูไปได้บ้างไม่มากก็น้อย
ทั้งสี่เดินมาถึงประตูสำเร็จ เจ้าพวกนั้นก็ไม่มีทีท่าจะตามมา เปารีบปิดประตูเหล็กทันทีก่อนจะหาโต๊ะแถวๆ นั้นมากั้นประตูไว้เพื่อป้องกันเพิ่มเติม
“ซิลว่า....ซิลว่า !” ริกตะโกนพลางเขย่าร่างซิลว่าเบาๆ หลังจากที่ทั้งคู่ปล่อยให้ซิลว่านั่งพักพิงกำแพงอยู่นิ่งๆ
“ซิลว่า...” เอิร์นเรียกบ้างก่อนจะเอื้อมมือไปจับชีพจรตรงคอของเธอ เอิร์นละมือออกจากซิลว่าพลางทำหน้าเศร้า “เธอตายแล้ว…” เอิร์นพูดเสียงสลดก่อนจะลุกขึ้นเดินไปนั่งบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยกองเอกสารมากมาย
“นี่พวกเราปล่อยให้ซิลว่าตายงั้นหรอ” ริกพูดขึ้นพลางมองซิลว่าข้างหน้าตน
“มึงจะโทษว่ากูทำให้ซิลว่าตายว่างั้นเถอะ” เอิร์นที่นั่งอยู่ถามขึ้น
“พอเลยๆ พวกมึงไม่มีใครผิดหรอก พวกเราทำกันเต็มที่แล้วที่พวกเรายังรอดเอาไอ้ยานี้ออกมาได้ก็เพราะพวกการ์ดด้วยไม่งั้นพวกเราไม่รอดมาถึงตอนนี้หรอก” เปาพูด
“โธ่เว้ย !” เอิร์นตะโกนด้วยความหงุดหงิด โกรธตัวเองที่ปล่อยให้ซิลว่าต้องตาย
“ริก ไอดีการ์ดมึงเปล่า”เปาถามเมื่อได้ยินเสียงมาจากตัวริก
ริกล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบไอดีการ์ดของตนออกมาพลางกดรับสายอ๋องที่โทรมา“อะไรนะ !” ริกตะโกนออกมาด้วยความตกใจหลังจากที่คุยกันไปด้สักพักหนึ่งทำเอาทั้งเปาและเอิร์นต่างก็สงสัยไปตามๆ กัน
“รับสายจากมันนี่ไม่เคยได้ยินเรื่องดีๆ เล้ย !” ริกบ่นหลังวางสายจากอ๋องก่อนเก็บไอดีการ์ดไว้ในกระเป๋ากางเกงตามเดิม
“เกิดอะไรขึ้น” เปาชิงถาม
“มันบอกว่าพวกเรามีเวลา 2 ช.ม. ก่อนที่เมืองนี้จะระเบิดโดยระเบิดที่ว่าก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนด้วย” ริกบอกกับเอิร์นและเปาตามที่ตนได้ยินมา ทำเอาทั้งสามเริ่มมีสีหน้าวิตกกังวงมากขึ้นกว่าเดิม
“ต้องรีบหน่อยแล้วพวกเรา” เปาบอกกับทุกคน
……….
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in