……….
ตอนที่ 34 : ชั้นใต้ดินสุดสยอง #1
ภาพตัวประหลาดตัวหนึ่งที่เกาะกำแพงและจ้องคุณด้วยสายตาดุเดือดเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อคุณ มันทำให้ยากที่จะควบคุมอารมณ์หวาดกลัวปนสติแตกไม่ได้ นี่คือความรู้สึกของริกที่ยืนเผชิญหน้าตรงๆ กับเจ้าตัวที่ว่าในตอนนี้
“ตอนนี้พวกแกเหมือนแมลงวันน่ารำคาญไปเลยรู้มั้ยเนี่ย” ริกพูดก่อนใช้สันปืนฟาดลงไปที่ขมับซอมบี้ตัวหนึ่งที่เดินทื่อๆเข้ามาจนล้มไปนอนกับพื้น ซอมบี้บริเวณรอบๆเหมือนจะเบาบางลงเล็กน้อยหรือว่าตนไม่ได้ใส่ใจเท่ากับไอ้ตัวใหม่ที่เกาะนิ่งอยู่บนเสาไม่รู้สิ
“เอาล่ะ เพื่อนเราก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล กูจะวิ่งรวดเดียวให้ถึงเลย” ริกพูดกับตัวเองก่อนจะสับขาวิ่งออกไปแต่ได้แค่เริ่มเท่านั้นก็ต้องชะงัก เมื่อเจ้าตัวที่ว่ามันกระโดดลงมาบนพื้นเกิดเสียงตึง ดังลั่นพร้อมกับรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งพื้น
ตอนนี้ริกลังเลที่จะวิ่งฝ่าไปขึ้นมาหน่อยแล้ว เพราะตนเหมือนโดนต้อนจนมุม มีอยู่ทางออกเดียวก็คือหันหลังกลับวิ่งเข้าบันไดหนีขึ้นไปข้างบนต่อ ซึ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่คิดจะทำแน่นอน
“มันจะไวสักแค่ไหนเชียว กะอีแค่เอามือเอาขาแทงลงไปในปูนเพื่อปีนได้อย่านึกว่าจะเก่งนะเว้ย” ริกพูดก่อนเดินไปข้างหน้าช้าๆ เจ้าหมอนั่นก็จ้องมาที่ริกตาเขม็ง
ริกรวบรวมความกล้าขึ้นอีกครั้งก่อนตัดสินใจวิ่งเรียบกำแพงด้านหนึ่งไปด้วยความเร็วเท่าที่ตนจะสามารถทำได้ เมื่อไปได้ครึ่งทางเจ้านั่นก็วิ่งสวนมาหา ริกรีบก้มหลบและพุ่งลงไปไถลกับพื้นทันทีเมื่อเห็นว่าเจ้านั่นมันเหวี่ยงแขนมากะจะฟาดแต่กลับไปโดนกำแพงบริเวณนั้นแตกเป็นเป็นรูขนาดใหญ่ด้วยแรงของมัน
“ไม่ได้กินผมหรอกค้าบ !” ริกตะโกนเย้ย รีบลุกขึ้นโดยเร็วเพราะตนยังต้องคอยจัดการซอมบี้ที่มาระรานอยู่ตลอด “ข้างล่างนี่มันซอมบี้ระดับหนึ่งรึเปล่าเนี่ยดูมันอืดๆ ช้าๆ ไงชอบกล” ริกพูดพลางยิงซอมบี้ข้างตัว และหันไปยิงอีกตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบวิ่งต่อโดยพยายามหลบซอมบี้แทนการยิงเพื่อจะได้ไม่เปลืองกระสุนโดยใช่เหตุ
เพล้ง !
เสียงกระจกแตกทำเอาริกชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งแต่งตัวใส่ชุดเกราะพร้อมรบในมือแต่ละคนมีอุปกรณ์ครบครันเดินเข้ามาจากอีกฟากของตัวตึก เท่าที่เห็นมีประมาณ 6-7คนได้ ต่างช่วยกันจัดการซอมบี้บริเวณนั้นพลางเดินเข้ามาหาทางตน
“กลุ่มนั้นมันอะไรล่ะนั่น . . . โอ้ ! ไอ้นี่ก็ตามจังเลย” เสียง ตึง ตึง ทุกครั้งที่มันย่างก้าว เป็นสัญญาณอย่างดีที่บอกถึงระยะของมันที่กำลังวิ่งตามริกมาข้างหลัง
“ดีแต่แรงสินะมึงเนี่ย” ริกหันไปใช้ปืนสั้นยิงรัวเข้าไปที่ช่วงบนลำตัวที่ดูแข็งแรงกว่าซอมบี้ธรรมดาทั่วไปทำให้เจ้านั่นมันร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ไม่ยักจะเป็นอะไรมากมายเพราะมันก็ยังคงวิ่งเอื่อยๆตามมาอยู่ดี จนริกต้องวิ่งกลับไปรวมกลุ่มกับฝั่งเปาที่สามารถจัดการเจ้าตัวนี้ได้แล้ว
“ไม่เจอกันนานนี่” เอิร์นทักทายเป็นคนแรกเมื่อเห็นริกวิ่งมา
“เออ ! สบายดีกันทุกคนก็โอเคและ แล้วนี่จะไปทำอะไรกัน” ริกถาม
“ไปเอาวัคซีนกำจัดซอมบี้ไงล่ะ” เปาตอบขณะใช้ปืนสั้นจัดการซอมบี้สองสามตัวที่วิ่งเข้ามาหาพวกตน
“อธิบายง่ายๆ ก็คือ วัคซีนที่ออกฤทธิ์ให้ซอมบี้ฆ่าพวกเดียวกันนั่นล่ะ” ซิลว่าอธิบายเพิ่มเติม
“มันมีอย่างงี้ด้วยรึ ! เอาเถอะ รีบไปกันต่อเร็วเข้า เอ้อ ! ว่าแต่เคลียร์เจ้าตัวนั้นให้หน่อยดิ” ริกชี้ไปยังตัวที่วิ่งตามตนมาเมื่อสักครู่แต่เมื่อหันไปมันกลับหายไปซะแล้ว
“เอ้า ! หายไปไหนแล้วล่ะ” ริกถามด้วยความสงสัย เพราะเมื่อกี้มันยังวิ่งตามมาอยู่เลย
“พวกนั้นมันจัดการไปแล้ว ไม่ได้ยินเสียงปืนรึไง” เอิร์นพูดพลางใช้มีดถางหญ้าสะบั้นคอซอมบี้
“ข้างนอกนั้นก็ยิงกันซะให้วุ่นมันก็ปนกับข้างในสิวะ กูจะไปรู้เราะ” ริกพูด
“เออ ! แล้วพวกนั้นมันมาช่วยพวกเราหรอ” ริกถามต่อ
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ศัตรูนะ” ซิลว่าพูด ตอนนี้เจ้าคนกลุ่มนั้นก็ใกล้จะถึงพวกเราเต็มทีแล้ว
“เฮ้ ! คุณเป็นทีมงานคนเดียวของเกมส์ที่ยังเหลืออยู่สินะ” หนึ่งในกลุ่มนั้นถามขึ้น
“ก็คงจะเป็นยังงั้นล่ะมั้ง” ซิลว่าตอบ “ว่าแต่พวกคุณมีธุระอะไรกับเราหรือเปล่า” ซิลว่าถามต่อ
“พวกเรามาเป็นกองหนุนให้น่ะ เห็นว่าพวกเธอมีกันไม่กี่คน” ชายวัยกลางคนในชุดคล้ายทหารกล่าวขึ้น ซึ่งอันที่จริงทุกคนก็แต่งตัวคล้ายทหารกันหมดล่ะนะแต่ดูแล้วลุงคนนี้น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม
“ขอบคุณมากค่ะ งั้นก็อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย พวกเรารีบไปต่อเถอะ” ซิลว่าบอกกับทุกคน
“พวกเราจะคุ้มกันรอบๆ ให้ละกัน” ลุงคนเดิมกล่าวก่อนจะบอกสมาชิกของตนให้เตรียมพร้อมเอาไว้ซึ่งตอนนี้สมาชิกแต่ละคนก็วุ่นกับการยิงซอมบี้ที่ทยอยมากันเรื่อยๆ
ซิลว่านำพวกเราทั้งหมดมายังประตูหนีไฟที่ริกเพิ่งออกมาก่อนหน้า ซิลว่าเดินนำไปข้างหลังประตูหนีไฟเผยให้เห็นกับประตูสีเดียวกับผนังไม่มีผิด ซึ่งมันทำให้ริกถึงกับร้อง อ๋อ ! ทันทีเมื่อจำความได้ว่าทั้งตนและอ๋องก็เคยมาโผล่ที่ทางนี้เหมือนกันซิลว่าบอกทุกคนให้เปิดไฟให้พร้อมเพราะข้างล่างนั้นมืด
ข้างหน้าซิลว่ามีชายสองคนคอยเดินระวังให้โดยการส่องไฟไปตามจุดต่างๆ ปึง ! เสียงประตูปิดเมื่อคนสุดท้ายก้าวเข้ามา บรรยากาศทั้งอับชื้นทั้งเหม็นหืนแบบบอกไม่ถูกแต่ที่รู้สึกได้ชัดเจนที่สุดคือความตึงเครียดแล้วก็อึดอัดที่คลุ้งไปทั่ว
พวกเราทุกคนต่างก็ส่องไฟไปทั่วอาณาบริเวณโดยรอบเพื่อมองสิ่งต่างๆซึ่งอันที่จริงมันก็เป็นทางเดินยาวที่เต็มไปด้วยน้ำขังเป็นย่อมๆ ตามจุดทั่วพื้น
“เราต้องลงไปข้างล่างนี่แหละ” เมื่อเดินมาได้ระยะหนึ่งที่เลี้ยวซ้ายข้างหน้าก็จะเป็นทางแยกเดียวกับที่ริกกับอ๋องเคยใช้ลิฟต์หนีขึ้นไปกันแน่นอนว่าซิลว่ากำลังส่องไฟลงไปยังชั้นข้างล่างที่พวกตนไม่ได้คิดจะลงไปแอบกันตอนแรก
แสงไฟจากไฟฉายซิลว่าไม่สามารถส่องลงไปถึงพื้นล่างได้ คราวนี้อาสาสมัครที่ตามมาคุ้มกันสามคนหลังพากันเดินลงไปข้างล่างช้าๆพลางส่องไฟกันอย่างทั่วถึงทุกซอกทุกมุม ตามด้วยเอิร์น เปา ริก ซิลว่าที่อยู่ตรงกลางโดยมีชายในชุดเกราะพร้อมรบอย่างดีสามคนตามหลังติดๆ
เมื่อก้าวลงมาถึงขั้นสุดท้ายและเหยียบลงพื้นปูนข้างล่าง ความรู้สึกแรกที่ทุกคนสามารถรู้สึกได้ก็คือความอึดอัดที่กระจายตัวอยู่โดยรอบ มันมากซะกว่าชั้นบนซะอีก รอบตัวเต็มไปด้วยโต๊ะตั้งไว้เรียงราย บนโต๊ะต่างก็มีกองแฟ้มเอกสารอยู่ซิลว่าเดินนำทางทุกคนผ่านบริเวณโต๊ะทำงานมายังหน้าประตูอีกห้องหนึ่งที่ทำด้วยเหล็กอย่างดี
“ประตูมันไม่ปิดตายซะแล้วหรอครับ” การ์ดคนหนึ่งถามขึ้นเมื่อเห็นสภาพประตู
“นั่นสินะ ระบบไฟมันล่มแล้วนี่” ลุงคนที่เป็นหัวหน้ากล่าว
“เปิดได้สิ มันล็อคด้วยการเข้ารหัส แต่ตอนนี้ไฟฟ้าไม่มีเราก็ต้องใช้อุปกรณ์ฉุกเฉินช่วยไง” ซิลว่าพูดขึ้น
“แล้วไหนล่ะครับ” เอิร์นถาม
“น่าจะอยู่แถวๆ นี้แหละ ลองช่วยกันหาหน่อยสิ” ซิลว่าพูด ทุกคนต่างส่องไฟหาอุปกรณ์ที่ว่ากันอย่างเงียบๆเพราะไม่รู้ว่าข้างล่างนี้จะมีอะไรเซอร์ไพรส์พวกตนอยู่บ้าง ถึงตอนนี้รอบตัวจะมีแต่โต๊ะและตู้เอกสารมากมายก็ตามที
“ใช่นี่รึเปล่า” การ์ดคนหนึ่งยกกล่องใบหนึ่งขึ้น
“นั่นแหละ เอามาวางตรงนี้เลย” ซิลว่าตอบ
ทันทีได้ของ ซิลว่าก็เปิดกล่องพลางมองสิ่งของข้างในภายในกล่องมีมีดอยู่แค่เล่มเดียวกับกล่องใบเล็กอีกใบข้างๆ กับมีด ซิลว่าหยิบมีดขึ้นมาพินิจพิเคราะห์สักครู่เหมือนกับหาอะไรบางอย่าง ก่อนที่อยู่ๆใบมีดก็ค่อยๆ เรืองแสงขึ้นมาช้าๆเป็นแสงสีแดงออกส้มเหมือนกับลาวา
“ระวังหน่อยๆ” ซิลว่าเตือนรอบข้างให้ระวังใบมีดที่เธอถืออยู่ก่อนที่เธอจะเสียบมันเข้าไประหว่างช่องประตูแล้วค่อยๆเฉือนเหล็กที่ยึดล็อคประตูไว้อยู่ขาดอย่างง่ายดาย
“ของดีนะเนี่ย” หัวหน้าการ์ดพูดขณะที่ซิลว่าปิดเครื่องและเก็บมีดไว้ในกล่องตามเดิมและถือไว้กับตัว “คงได้ใช้อีก” ซิลว่าพูเขึ้นเมื่อรู้ว่ามีคนจะถาม
การ์ดสองคนข้างหน้าค่อยๆเลื่อนประตูเปิดออก ก่อนจะนำเข้าไปข้างใน ถ้าห้องก่อนหน้าที่มีแต่โต๊ะทำงานเรียกว่ามืดแล้วห้องนี้ยิ่งเทียบไม่ติด ข้างในยิ่งมืดกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อไม่มีกระทั่งแสงไฟที่ส่องลงมาจากบันไดเหมือนห้องที่แล้ว
“หม่าย ก็อด” เอิร์นลากเสียงด้วยความทึ่งไม่ต่างจากทุกคนที่เห็นสภาพในห้อง
ภายในห้องเต็มไปด้วยหลอดทดลองขนาดใหญ่ที่ข้างในบรรจุสิ่งมีชีวิตที่เรียกได้ว่าอันตรายมากอยู่ข้างใน แต่ทั้งสามคนยังพอคุมสติสตางค์ตัวเองได้อยู่เพราะว่าไอ้ตัวในหลอดมันก็คือเจ้ายักษ์ที่เกือบฆ่าทั้งสี่ตายตั้งแต่ต้น แต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่าในหลอดมีเจ้าพวกนี้อยู่เกือบสิบกว่าตัว
เจ้ายักษ์หลายสิบตัวถูกแช่ไว้ในหลอดทดลองขนาดใหญ่ตั้งเรียงยาวไปมากกว่าสิบหลอดได้ ทุกคนต่างส่องไฟฉายไปทั่วอย่างรวดเร็วมากขึ้นเพื่อหาดูว่ามีตรงไหนในห้องนี้บ้างที่ไม่มีหลอดทดลองที่แช่พวกอันตรายเอาไว้แต่ก็พบว่าไม่มี
“ทางนี้” ซิลว่าพูดเรียกสติทุกคนออกมาจากเจ้ายักษ์หลายสิบตัวที่อยู่ในหลอดแก้ว
“พวกมันจะไม่ฟื้นขึ้นมาใช่มั้ย” เปาถาม
“มันถูกแช่ไว้ในน้ำที่เป็นสสารต่างๆ ในการทดลอง และหนึ่งในสสารนั้นก็มียาสลบอยู่ด้วยดังนั้นตราบใดที่มันแช่อยู่จะไม่มีอันตรายอย่างแน่นอน” ซิลว่ากล่าว ซึ่งทำเอาทุกคนใจชื้นขึ้น
เธอพาเราเดินเข้ามาในสุดของตัวห้องที่เต็มไปด้วยหลอดแก้วมากมายมายังหน้าประตูตู้เซฟเหมือนกับธนาคารที่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก
“มีดคงตัดไม่เข้าแล้วล่ะงานนี้” ริกบอก
“ใช่ มีทางเดียวคือระเบิดกำแพงข้างๆ ประตูซะ เพราะตัวประตูทำด้วยเหล็กกล้ายากที่จะระเบิดได้แต่กำแพงทำมาจากปูนซึ่งข้างในอาจจะผสมเหล็กให้แข็งแกร่งแต่คงไม่มากเท่ากับประตู”
“เดี๋ยวนะ แล้วแรงระเบิดจะไม่ทำให้หลอดแก้วแตกรึ” เอิร์นถาม
“อาจจะไม่ ไม่รู้สิ เราไม่มีทางเลือกอื่นนี่” ซิลว่าตอบ
“ว่าแต่ผมมีแต่ระเบิดธรรมดานา ไม่มีระเบิดที่ติดหรือนาบบนกำแพงได้หรอก” ริกพูด
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พวกเรานำมาด้วย” ลุงหัวหน้าการ์ดพูดขึ้นพลางบอกให้ลูกน้องตนนำออกมา
“รัศมีมันไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็คงต้องหาที่หลบล่ะนะ เพื่อความปลอดภัย” หัวหน้าการ์ดพูดพลางสั่งพวกของตนให้รีบติดตั้งระเบิดบนกำแพงทันที ระหว่างที่รอพวกเราก็ได้แต่ส่องไฟสำรวจบริเวณรอบๆ
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว ไปหาที่หลบกันซะ หลังหลอดแก้วนั่นก็ได้ จะเริ่มนับถอยหลังล่ะนะ” ลุงพูด
“นี่ต้องหลบข้างๆ ไอ้ยักษ์นี่สินะ แค่มองก็สยองแล้ว” เอิร์นพูดขณะหลบอยู่ข้างหลังกับเปาห่างไปอีกหลอดริกกับซิลว่าก็หลบอยู่เหมือนกัน ทุกคนแยกย้ายกันหาที่หลบที่ยังพอมองเห็นกันได้
“หนึ่ง..สอง...สาม !”
ตูม !
สิ้นเสียงลุงหัวหน้าการ์ด ระเบิดก็ดังลั่นส่งเสียงก้องไปทั่วทั้งห้อง ทุกคนรู้สึกได้ถึงแรงระเบิดที่กระทบกับตนเองและสิ่งของโดยรอบ เสียงซากอิฐซากปูนที่โดนแรงระเบิดร่วงกราวๆ กองอยู่บนพื้นและกระเด็นไปทั่ว เกิดช่องว่างขนาดหนึ่งคนเข้าไปได้ ภายในห้องมืดสนิท
“รู้สึกว่าสภาพยังอยู่ดีสินะ” ริกพูดพลางส่องไฟมองหลอดทดลองที่อยู่ใกล้ๆกับระเบิด
“มันไม่แตกง่ายๆ หรอกนะ ถ้ามีไอ้เจ้านี่อยู่ข้างในน่ะ” ซิลว่าตอบ
“ใช่ๆ” เอิร์นเห็นด้วย
เมื่อฝุ่นจากการระเบิดหายฟุ้งและพอจะเห็นอะไรได้ ซิลว่าก็เดินนำเข้าไปข้างในเป็นคนแรกโดยบอกกับการ์ดว่าข้างในไม่มีอะไรมากมันเป็นแค่ตู้เซฟ ทั้งสามเดินตามซิลว่าเข้าไปโดยมีการ์ดทั้งหกคนรออยู่นอกห้อง
ในห้องมีตู้อยู่แค่สองตู้เท่านั้น ซิลว่าเดินไปยังตู้ซ้ายมือก่อนจะลูบๆ คลำๆ บริเวณประตูตู้ ก่อนกดปุ่มอะไรสักอย่างเพราะอยู่ๆ แสงไฟก็ขึ้นเป็นแผงใส่รหัสขนาดเล็กอยู่ตรงมุมประตูตู้ ซิลว่ากดรหัสลงไปก่อนดึงประตูเปิดออก ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากตู้เซฟพร้อมกับความเย็นคล้ายๆกับเปิดช่องแช่แข็งของตู้เย็น
ซิลว่าเอื้อมมือเข้าไปหยิบหลอดวัคซีนขนาดเล็กที่ข้างในบรรจุสารบางอย่างสีออกคล้ายๆน้ำผึ้งอยู่เกือบเต็มหลอดปลายเข็มมีปลอกปิดไว้อย่างดี ซิลว่าเปิดกล่องใส่มีดออกก่อนจะเอามีดออกมาส่งให้เปาถือไว้และใส่หลอดวัคซีนลงไปแทน
“นี่ๆ ซิลว่า มีคนเข้ามาก่อนหน้าเรารึเปล่า ทำไมตู้เซฟอันนี้มันแง้มๆ ไว้ล่ะ” เอิร์นที่ส่องไฟไปมาบังเอิญเห็นเข้า
“แย่แล้ว ! ต้องเป็นเจ้านั่นแน่ที่เอาไป ตู้นี้มีแค่หัวหน้าบริษัทเท่านั้นที่มีรหัสเปิดตู้ได้”
“แล้วในนี้มันมีอะไรล่ะ” ริกถามเมื่อเห็นซิลว่าทำท่าตื่นตระหนก
“หัวเชื้อไวรัสที่สามารถนำไปเข้าเครื่องเพื่อกระจายไวรัสแก่คนทั้งเมืองน่ะสิ” ซิลว่าตอบ
“งั้นก็หมายความว่าเจ้านั่นมันคิดจะเปลี่ยนทุกคนเป็นซอมบี้สิ” เปาพูด
“เจ้านั่นแค่ต้องการคนที่อยู่ใต้อาณัติมันและคอยรับใช้มันเท่านั้นแหละเพราะตั้งแต่เจ้านั่นสร้างศูนย์ทดลองใหม่ในเมืองเคลโอที่ทดลองยาที่สามารถควบคุมพวกซอมบี้ได้ก็มีแผนที่จะเปลี่ยนทุกคนเป็นซอมบี้ขึ้นโดยสร้างเกมส์จำลองนี่ขึ้นมาตบตาผู้คนแต่อันที่จริงเป็นสถานที่ทดลองยาไง” ซิลว่าอธิบาย
“โอย ! แย่แล้วสิงานนี้ คงต้องฝากไว้กับไออ๋องคนเดียวซะล่ะมั้งงานนี้” เอิร์นว่า
“ก็ต้องพึ่งหมอนั่นคนเดียวแล้วล่ะตอนนี้” ซิลว่าเห็นด้วย
อ้ากก ! ปัง ๆ ! ! อยู่ๆก็เกิดเสียงร้องตามด้วยเสียงปืนรัวต่อเนื่องด้านนอกห้อง
“เร็วเข้า ! เราต้องออกไปจากที่นี่แล้วมีบางอย่างกำลังฆ่าพวกเราอยู่” หัวหน้าการ์ดพูดขึ้น
“เจ้ายักษ์นี่มันออกมาได้หรอ” ริกถามพลางออกไปเป็นคนแรกตามด้วยเอิร์นและเปาที่ตามหลังสุดท้ายด้วยซิลว่าที่ออกมาพร้อมกับกระเป๋าที่มีวัคซีนอยู่ข้างใน
เสียงปืนยังคงยิงเป็นพักๆตอนนี้การ์ดคนหนึ่งได้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ต้องเป็นเพราะตัวที่ลุงหัวหน้าบอกแน่ๆทุกคนต่างพากันสอดส่ายหาสิ่งมีชีวิตดังกล่าว ก่อนที่ริกจะส่องไปเจอกับเงามืดรูปร่างคล้ายคนยืนอยู่ห่างจากพวกตนไปหลายหลอดทดลอง ริกสะกิดลุงหัวการ์ด “ลุงๆใช่ไอ้ตัวนี้รึเปล่า” ริกถามด้วยเสียงที่สั่นเครือ ก่อนที่เอิร์นก็ถามเหมือนกันว่า
“แล้วตัวนี้ล่ะลุง” เอิร์นถามด้วยเสียงที่สั่นด้วยความกลัวไม่แพ้กันเมื่อตนก็ส่องไปเจอะเข้ากับร่างๆหนึ่งที่ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวใดๆ อีกมุมหนึ่ง
“ชะ..ใช่แล้ว เจ้าพวก นะ..นี้ แหละ” ลุงพูดด้วยอาการตะกุกตะกักเมื่อเห็นเหมือนกับที่ทั้งสองบอกให้ตนดู สิ่งที่ทุกคนกลัวไม่ใช่เพราะเงามืดรูปร่างคล้ายกับคนหรอก แต่เป็นสิ่งที่เพิ่มเติมจากร่างกายของคนมากกว่า
“เหมือนมันจะมาทางนี้แล้วนะ” ริกบอกกับทุกคนเมื่อเห็นท่าทางมันเริ่มขยับ
“พวกนี้มันหลุดมาได้ยังไง ระวังให้ดี พวกนี้มันไวกว่าซอมบี้ระดับสามอีก” ซิลว่าเตือน
“งานนี้ได้ไปเกิดใหม่แน่ๆ ค้าบ” เอิร์นพูดขึ้น
“พูดไรบ้าๆ น่า เราไม่ได้อยู่ในเกมส์สักหน่อยจะไปเกิดใหม่ได้ไงล่ะ” เปาพูด
“เลิกเถียงแล้วมาคิดแผนรับมือก่อนมั้ย มันหายไปแล้วเนี่ย !” ทุกคนต่างก็ส่ายไฟฉายไปมาเกิดแสงเป็นวงๆ ไปทั่วห้อง
ริกร้อง เหวอ! ออกมาด้วยอาการตกใจเมื่อการ์ดข้างหน้าตนอยู่ดีๆก็ถูกอะไรสักอย่างคล้ายกงเล็บของสัตว์แทงทะลุหลังออกมาสามอันได้ เลือดสดๆ กระเซ็นมาโดนริกและรอบข้างเต็มๆ ก่อนที่ร่างการ์ดตรงหน้าจะถูกดึงลับหายไปต่อหน้าต่อตาพวกตน
……….
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in