……….
ตอนที่ 29 : จุดเริ่มต้นของความพินาศ
“ลืมอะไรหรอครับ” เปาหันมาถามซิลว่าด้วยท่าทีสงสัยระหว่างเดินผ่านผู้คนที่สวนทาง
“ฉันบอกให้เจ้าสองคนที่เป็นเพื่อนเธอน่ะไปปิดวงจรไฟของตัวตึกเพื่อที่จะหยุดยั้งการทดลองอาวุธชีวภาพน่ะสิ” ซิลว่าอธิบาย
“แล้วอาวุธชีวภาพนั่นก็คือซอมบี้...” เอิร์นถามซิลว่า “ใช่แล้วและตอนนี้ในเมื่อไม่มีไฟฟ้าควบคุมเจ้าพวกที่ทดลองเอาไว้ ก็หมายความว่าตอนนี้ในตึกก็คง...”
“เละเทะแล้วสินะ” เปาชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ก็น่าจะยังงั้นแหละ” ซิลว่าพูด
“งั้นหยั่งงี้ไอ้เจ้าสองคนนั่นมันไม่แย่แล้วรึ” เอิร์นถามขึ้น
“นั่นน่ะสิ ปืนก็อยู่กับพวกเราหมดเลยด้วย ” เปาพูดพลางเขย่าปืนของอ๋องกับริก
ตื๊ด..ตื๊ด... ~ ตื๊ดด.... ~ “พูดถึงก็โทรมาเลยแฮะ” เปาพูดพลางหยิบไอดีการ์ดขึ้นมาแนบหู
“โหลๆ เปาหรอ ตอนนี้ข้างล่างเป็นไงบ้างวะ” เสียงของริกดังขึ้นที่ปลายสาย
“ก็ปกติดีนี่ แต่รู้สึกเหมือนจะครึกครื้นขึ้นหน่อย” เปาตอบ
“อะไรวะที่ว่าครึกครี้นน่ะ” ริกถาม “ไม่รู้สิ ตอนนี้พวกเราอยู่รอบนอกถนนสองอ่ะ แต่เสียงมันมาจากในๆ เลยแหละ”เปาตอบ
“ขอคุยกับซิลว่าหน่อยดิ อยู่ด้วยกันใช่ป่ะตอนนี้” ริกถาม
“อือ เดี๋ยวนะ ซิลว่า พวกนั้นจะคุยด้วยแหนะ” เปาเรียกซิลว่าพร้อมกับยื่นไอดีการ์ดให้
“ยังโอเคอยู่สินะพวกเธอ” ทันทีที่รับมาซิลว่าก็ถามทันที “พวกเราตายยากน่ะคับ” ริกตอบ
“จ้า ว่าแต่ข้างบนเป็นไงมั่ง” ซิลว่าถามขณะเดินตามเปากับเอิร์นตอนนี้ทั้งสามอยู่บนถนน 2 กำลังมุ่งหน้าไปถนน 3
“ก็ปิดระบบไฟตามที่บอกหมดแล้วล่ะครับ แต่เราคงลงไปไม่ได้ง่ายๆ แล้วล่ะ ตั้งแต่ชั้น12 ลงไปรู้สึกว่าจะเป็นซอมบี้กันไปหมดแล้ว ผมคิดว่าอีกไม่นานในเมืองก็คงจะเป็นเหมือนข้างบนแน่ๆ”ริกอธิบายสถานการณ์ของตน
“ฉันก็ว่ายังงั้นเหมือนกัน แล้วตอนนี้พวกเธออยู่ที่ไหนแล้ว” ซิลว่าถาม
“ชั้น 12 น่ะสิครับ เอ้อ !พวกเราต้องขึ้นไปชั้นข้างบนรึเปล่าคับ” ริกถาม
“บางทีเจ้าคนบงการอาจจะอยู่ข้างบนก็ได้ ฉันก็ไม่เคยเห็นหน้าซะด้วยสิ แต่ไงก็ต้องระวังตัวหน่อยนะบางทีคนคุ้มกันเจ้านั่นอาจจะไม่น้อยเลยล่ะ” ซิลว่าตอบ
“งั้นเดี๋ยวพวกเราจะลองขึ้นไปละกันครับ ...” ริกพูดจบสัญญาณก็ถูกตัดไป
“พวกเรารีบไปช่วยเพื่อนเธอกันเถอะ” ซิลว่าพูดขึ้นก่อนจะคืนไอดีการ์ดให้เปา
“โอเค งั้นรีบไปกัน” เปาพูดพลางเดินให้เร็วขึ้น
หลายนาทีต่อมาพวกเราเดินมาถึงถนน4 ผู้คนบนถนนหนาแน่นเป็นพิเศษ ผู้คนเริ่มมีท่าทางแปลกไป บางคนมีสีหน้ากระวนกระวาย เอิร์นที่อยากรู้จึงเข้าไปหาลุงคนหนึ่งที่กำลังหอบข้าวของสัมภาระมากมายมุ่งมาทางพวกตน
“มีเรื่องอะไรกันหรอครับ ทำไมดูวุ่นๆกันจัง” เอิร์นเข้าไปถาม
“รีบออกจากที่นี่ซะเจ้าหนู บอกเพื่อนๆ ของเธอด้วยที่นี่กำลังจะกลายเป็นเมืองร้างที่เต็มไปด้วยซอมบี้แล้ว” ลุงพูดด้วยน้ำเสียงสั่น
“ซอมบี้...ซอมบี้จากไหนล่ะลุง” เอิร์นถามต่อ “ลุงก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเริ่มมาจากตรงกลางและตอนนี้มันกำลังแพร่มาทางนี้แล้วด้วยผู้คนบางส่วนยืนหยัดต่อสู้เพื่อหวังจะกำจัดมันแต่ฉันเห็นว่าคงเอาไม่ไหวแน่ เพราะพวกมันมีแต่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ…” ลุงเล่าทั้งหมดและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“รู้สึกว่าพวกเราต้องหาที่หลบแล้วล่ะมั้ง ซิลว่า” เปาพูดขึ้นพร้อมกับหันไปมองซิลว่าที่ตอนนี้ไม่ได้มองมาทางทั้งคู่ด้วยซ้ำกับทำท่าเหม่อลอยไปกับผู้คนมากมายที่วุ่นวายอยู่
“ซิลว่า ! เราต้องไปแล้วนะ ถ้ายังไม่อยากตายล่ะก็” เปาเดินเข้าไปสะกิดตัวเธอ
กรี๊ดด ~ ! เสียงผู้หญิงกรีดร้องดังมาจากที่ไหนสักแห่ง ผู้คนทั้งหมดรวมทั้งทั้งสามคนก็หันไปตามเสียงทันทีก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้นตามมาหนึ่งนัด ไม่นานผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากตรอกที่มาจากถนน 5 “มันมาแล้ว...” เธอพูด เนื้อตัวสั่นเทาพลางเอามืออุดรอยเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดตรงคอ
ผู้คนรอบข้างต่างกรีดร้องด้วยความตกใจ บางคนถึงกับพากันวิ่งหนีเมื่อมีซอมบี้สองสามตัวเข้ามาจับและลากเธอกลับเข้าไปในตรอก เสียงร้องโหยหวนเกิดขึ้นเมื่อร่างของเธอถูกเจ้าพวกนั้นกัดกิน ไม่มีแม้แต้คนคิดจะช่วยด้วยซ้ำ ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ไม่คิดจะช่วย แต่ทุกคนก็กำลังเอาตัวรอดอยู่เหมือนกัน ไม่นานพวกเราทั้งสามก็ได้ยินเสียงที่ชัดขึ้นเป็นเสียงเดียวนั่นคือเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวน เสียงผู้คนที่ร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน เสียงกระสุนปืนที่ถูกใครสักคนกระหน่ำยิงอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อที่จะมีชีวิตรอดต่อไป เสียงของผู้คนที่ตะโกนโหวกเหวกไปมาขอความช่วยเหลือ
“เราต้องปิดประตูทางออกทั้งสี่เดี๋ยวนี้” ซิลว่าหันมาพูดกับทั้งสอง
“ตอนนี้มีแต่คนต้องการจะออกทั้งนั้น จะไปปิดได้ยังไงล่ะ” เอิร์นแย้ง
“ถ้าเราไม่รีบไปปิดล่ะก็...ถ้าฝูงซอมบี้พ้นประตูเมืองไปล่ะก็ไม่ใช่แค่เมืองนี้แน่แต่มันจะออกไปยังโลกภายนอกด้วย” ซิลว่าอธิบาย
“งั้นรออะไรล่ะ รีบไปกันเร็วเข้า !” เปาพูดก่อนวิ่งนำไปทางประตูทางทิศใต้ที่พวกตนเพิ่งมา
ทั้งสามวิ่งกลับมายังทางเดิม ผ่านผู้คนที่เริ่มรู้เรื่องราวมากขึ้นต่างก็ตามมาหมายจะออกจากเมืองนี้ให้เร็วที่สุดทั้งสามวิ่งมาจนถึงทางออกของเมืองที่มีป้อมยามรักษาการณ์อยู่
“รีบปิดประตูนี่ซะ เร็วเข้า ! ก่อนที่ซอมบี้จะออกไปจากเมืองนี้ได้” เปาตะโกนบอกเจ้าหน้าที่คุมประตูทันทีที่ไปถึง
“พูดบ้าอะไรเจ้าหนู อย่ามาล้อเล่นแถวนี่น่า” เจ้าหน้าที่พูดสวนกลับ
“ไม่เห็นรึไงว่าอะไรเกิดขึ้นแล้วเนี่ย ! ไม่สังเกตรึไงว่ามีคนแห่ออกไปข้างนอกมากขึ้นถ้ามันแพร่ออกไปโลกภายนอกจะทำไงฮะ !” เปาตะโกน
“เขาพูดถูกแล้ว รีบสั่งปิดประตูเข้าเมืองทุกทางซะฉันหัวหน้านักวิจัยของศูนย์การทดลอง ตอนนี้ตัวอาคารเกิดไฟฟ้าขัดข้องตัวอย่างทดลองเลยออกมาวิ่งพล่านและแพร่เชื้ออยู่ข้างนอก” ซิลว่าที่วิ่งตามมาถึงรีบอธิบายแก่เจ้าหน้าที่คุมประตูทันที
“จะบ้ารึไง เรื่องนี้มันจะเกิดขึ้นได้ไง ในเมื่อระบบความปลอดภัยเราออกจะแน่นหนา” เจ้าหน้าที่ถามขึ้น
“ไม่มีอะไรแข็งแกร่งที่สุดหรอกรีบปิดประตูแล้วก็สั่งการเจ้าหน้าที่คนอื่นให้ปิดด้วยก่อนที่เชื้อพวกนี้มันจะแพร่ออกไปซึ่งพวกนายก็คงรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกมันออกไปได้” ซิลว่าเสริม
“แต่ยังไม่มีคำสั่งจากเบื้องบนเลยนะครับ” เจ้าหน้าที่กล่าว
“ทุกคนบนตึกตายหมดแล้ว นายคิดว่าพวกนั้นที่เป็นด่านแรกจะรอดออกมารึไง”ซิลว่าพูด
“สั่งการไปยังทุกหน่วยให้รีบปิดประตูเมืองและทางเข้าออกทุกทางซะ แล้วเปิดประตูฉุกเฉินไว้สำหรับผู้ที่จะออกแล้วระดมพลเท่าที่ยังเหลือจัดตั้งปราการตรงทางเข้าของเมืองเพื่อกันพวกมันไว้ซะ” เจ้าหน้าที่รีบหันไปตะโกนบอกเจ้าหน้าที่อีกคนทันทีเมื่อเข้าใจสถานการณ์ซึ่งอีกคนก็ปฏิบัติตามทันทีโดยไม่ขัดแย้ง ก่อนที่จะหันมาถามซิลว่าต่อ “แล้วคุณจะทำไงต่อคุณนักวิจัย”
“ฉันจะเข้าไปในตึกเพื่อจัดการเรื่องนี้น่ะสิ” เอิร์นหันมามองซิลว่าทันทีที่ซิลว่าพูดออกไป
“เอาจริงเรอะ !” เอิร์นถามด้วยสีหน้าวิตกซึ่งไม่ต่างจากเปาเท่าไหร่นัก
“จะไหวเร้อ แค่สามคนเนี่ยนะ แต่เอาเถอะ ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ”เจ้าหน้าที่พูด
เสียงปืนดังขึ้นห่างไปไม่ไกลจากที่พวกเราคุยกันเท่าไหร่นัก ก่อนจะเริ่มเห็นว่าซอมบี้บางตัวเริ่มมาถึงหน้าประตูได้แล้ว
“มันเร็วไปหน่อยมั้ยเนี่ย” เปาพูดขึ้นหันไปยิงซอมบี้ที่วิ่งดิ่งเข้ามาหาพวกตน
“รีบไปกันซะ เร็วเข้า ก่อนที่จะลำบากกว่านี้ !” เจ้าหน้าที่ตะโกนไล่พวกเราก่อนจะวิ่งกลับไปเร่งเพื่อนที่กำลังสั่งการประตูขนาดใหญ่ของเมืองให้ปิดลงท่ามกลางเสียงก่นด่าโห่ร้องของผู้เล่นที่ต้องการจะออกไปจากเมืองนี้
“นี่ ! แล้วเราจะเอาไงต่อล่ะ” เอิร์นถามขณะที่กำลังฟาดซอมบี้ตนหนึ่งตอนนี้รอบนอกของเมืองเริ่มมีซอมบี้ประปรายแล้ว
“หาทางเข้าไปข้างในให้ได้” ซิลว่าที่ตอนนี้เป็นคนวิ่งนำตะโกนบอกก่อนเอี้ยวตัวหลบซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาก่อนที่เปาจะจัดการยิงให้
“ผมว่าคุณควรจะพกปืนไว้บ้างนะ ไม่งั้นจะแย่เอาได้” เปาถามพลางทำท่าจะหยิบปืนให้
“เก็บไว้เถอะ ฉันใช้มีดถนัดกว่าน่ะ แล้วก็ไม่ต้องยิงซ้ำตัวที่ฉันจัดการหรอกมันจะเปลืองกระสุนซะเปล่าๆ” ซิลว่าพูดขึ้นทั้งสองเห็นมีดทหารเงาวับที่ซิลว่าถือทันที แต่เมื่อกี้กลับไม่ยักจะเห็น
“โหดแสด !” เอิร์นที่อยู่ข้างหลังบอกเปาที่มีสีหน้าตะลึงตามๆกัน เพราะตนแทบไม่เห็นเลยว่าซิลว่าใช้มีดจัดการเจ้าซอมบี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“แล้วเราจะเข้าไปข้างในทั้งๆ ที่ซอมบี้มากมายขนาดนี้ได้ไงล่ะ” เอิร์นถาม
“ทะลุถนนไปเรื่อยๆ เพราะตอนนี้จำนวนซอมบี้กับคนยังสูสีกันอยู่ไม่ใช่ว่าจะเป็นซอมบี้ไปซะหมด” ซิลว่าพูดอธิบายก่อนวิ่งนำพวกตนเข้าไปในซอยที่พามายังถนน 3ซึ่งไม่ว่าเราจะย่ำไปตรงไหนก็จะได้เห็นการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดของผู้คนตลอดทางเสมือนเป็นสงครามย่อมๆ ที่ต้องมีทุกถนนทุกตรอกซอกซอยเลยทีเดียว
“แล้วเราจะจัดการซอมบี้ยังไงล่ะคับ” เอิร์นตะโกนไล่หลังขึ้นถาม ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบและใช้ไม้เบสบอลฟาดซอมบี้ไปกระแทกกับกำแพง
“ใช่ว่านักวิจัยอย่างพวกเราจะไม่รอบคอบซะหน่อยพวกเราคิดไว้แล้วว่าเหตุการณ์นี้มันต้องเกิดขึ้นแน่ๆเลยคิดค้นยาจัดการเจ้าพวกนี้ขึ้นมาน่ะสิ” ซิลว่าอธิบายก่อนจัดการซอมบี้ข้างหน้าตน
“ยารักษาเนี่ยนะ” เอิร์นพูดกับตนเอง
“ก็ไม่เชิงยารักษาหรอก แต่เป็นยาที่เพิ่มความร้ายกาจของซอมบี้ขึ้นต่างหาก”ซิลว่าเสริม
“แล้วจะเพิ่มไปทำไมล่ะนั่น” เปาถามมั่งก่อนจะยิงซอมบี้ข้างๆตน
ตอนนี้ทั้งสามมาถึงถนน6 แล้ว แต่ซิลว่ายังคงวิ่งนำพวกเขาทั้งสองแบบไม่มีทีท่าเหนื่อยจนทั้งสองคิดในใจว่านี่พี่แกเป็นผู้หญิงจริงเปล่าเนี่ย แต่ก็ได้แต่คิดในใจ ทั้งสองได้แต่รีบวิ่งตามต่อพร้อมกับจัดการซอมบี้ที่มุ่งมาทางพวกตน
“ทำไมถึงเพิ่มน่ะเหรอ....” ซิลว่าหยุดกลางถนน 7กระทันหันก่อนจะพบว่าถนนเส้นนี้เริ่มมีแต่ซอมบี้ที่วุ่นวายกับการรุมทึ้งศพที่ตายไปแล้วของผู้คนจึงไม่ได้สนใจทั้งสามเท่าไหร่นัก
“ก็เพิ่มความร้ายกาจจนมันกินทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวยังไงล่ะ แน่นอนว่ารวมทั้งพวกมันเองด้วย” ซิลว่าตอบ
……….
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in