……….
ตอนที่ 25 : ความจริง
“มันสองคนไปทำอะไรกันวะ” เ ปาพูดขึ้นหลังจากวางสาย
“ไมวะเปา” เอิร์นถามพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“พวกมันบอกให้เราไปเตรียมข้าวของและรถให้พร้อมออกจากเมืองน่ะสิ”
“ทำเหมือนไปก่อเรื่องอะไรไว้งั้นแหละ” เอิร์นพูด
“แต่มันก็แปลกอยู่นะ ตอนที่มันพูดเสียงพวกมันรีบร้อนมาก แถมยังมีเสียงปืนอีก”
“แต่เราอยู่ข้างนอกไม่ยักจะได้ยินเสียงปืนเลยนะ นอกจากมันจะยิงกันในตึกอ่ะไม่ก็อยู่รอบนอกของเมืองนู่นเลย” เอิร์นพูด
“นั่นสิ” เปาเห็นด้วย
ติ๊ด ติ๊ดด ~ .... ติ๊ด ติ๊ดด ~
“ข้อความไรเข้าล่ะเนี่ย” เอิร์นหยิบไอดีการ์ดที่วางบนโต๊ะขึ้นมาดู “โอ๊ะ โอวว” เอิร์นอุทานเมื่อเห็นข้อความที่ถูกส่งมาจากทางเกมส์ก่อนจะมองไปทางเปาที่เหมือนจะเห็นในสิ่งเดียวกันแล้ว
“พวกมันไปทำบ้าอะไรกันเนี่ย !” เปาร้องขึ้นเมื่อเห็นข้อความที่เขียนไว้ว่า
// ประกาศ// ผู้ใดพบเห็นชายหนุ่มวัยรุ่นสองคนในภาพโปรดจับส่งทางการด้วยเนื่องจากทั้งสองได้ฆ่าผู้เล่นบริสุทธิ์ไปแล้วกว่าสิบคนโดยเจตนาผู้ใดสามารถนำตัวมาส่งหรือแจ้งเบาะแสได้ ทางทีมงานจะมีรางวัลตอบแทนอย่างงาม
ข้อความขึ้นพร้อมแนบรูปภาพเพื่อนทั้งสองของตนโผล่ขึ้นมาบนไอดีการ์ดของเปา
“รู้สึกจะไม่ใช่แค่เรานะที่ได้” เอิร์นพูดก่อนจะบอกให้เปามองดูผู้คนรอบข้างที่ต่างก็หยิบไอดีการ์ดขึ้นมาดูข้อความกันทั้งสิ้นพลางได้ยินเสียงข้อความ ติ๊ดๆ ดังไปทั่วบริเวณ
“ไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ” เปาว่า ก่อนจะบอกให้เอิร์นมองไปยังป้ายไฟขนาดใหญ่ที่สามารถทำให้คนทั้งเมืองเห็นได้ในระยะ5 ถนน มันฉายภาพอ๋องกับริกพร้อมกับตัวอักษรประกาศจับและรางวัลหราบนป้ายขนาดใหญ่ที่มีผู้คนนับร้อยนับพันมองอยู่
“ฆ่าคนซะด้วย พวกมันเนี่ยนะ” เปาถาม
“รู้สึกว่าเราต้องไปเก็บข้าวของแล้วล่ะ” เอิร์นบอก
“แล้วพวกมันล่ะ” เปาถามก่อนจะลุกขึ้นจ่ายเงิน
“เดี๋ยวคงติดต่อมาอีกทีล่ะมั้ง”
“งั้นก็รีบไปเถอะ กูล่ะกลัวจริงๆ ถ้าเขาสืบว่าพวกเราเป็นเพื่อนมันแล้วติต่างไปว่าเราสมรู้ร่วมคิดเนี่ยสิงานเข้าแน่” เปาพูดพร้อมกับเดินนำเอิร์นออกมาจากร้าน ทั้งสองรีบมุ่งหน้าเดินไปขึ้นรถรางเพื่อที่จะได้ไปถึงโรงแรมให้ไวที่สุด
……….
ผมกับริกค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ พลางเงยหน้าขึ้นมองข้างบนไปยังเจ้าหน้าที่สองคนที่ทุกชั้นจะต้องมีเฝ้าตรงบันไดไม่ต่ำกว่าสองคนเป็นอย่างน้อย ผมสบตากับริกเป็นสัญญาณว่าตอนนี้แหละ ก่อนที่ริกจะเปิดฉากยิงขึ้นไป เปร้ง ! เสียงกระสุนกระทบกับราวกั้นข้างบนทำให้ชายสองคนที่ตอนแรกคุยกันสนุกสนานรีบหันขวับมาทางต้นเสียงทันที
“มึงจะยิงให้มันแม่นกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง” ผมพูดขึ้นก่อนรีบยิงขึ้นไปพลางก้มตัวลงต่ำไว้เพื่อหลบรัศมีการมองเห็นจากข้างบน ซึ่งตอนนี้เจ้าพวกนั้นมันก็หลบเข้าไปข้างในแล้วเหมือนกัน “รีบขึ้นไปเร็วเข้า เราไม่มีที่กำบังนะอย่าลืม” ผมเตือนริกก่อนจะก้าวเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อเดินขึ้นไป แต่ก็ได้แค่สองสามก้าว ริกก็ต้องรีบก้มหลบกระสุนที่แล่นไปกระทบกับกำแพงข้างหลังจนแตกเป็นรูกระสุนทันที
ปัง ! ริกจัดการ รปภ. คนแรกสำเร็จก่อนที่ผมจะรีบวิ่งเข้ากระแทกใส่ลำตัวของอีกคนที่กำลังทำท่าจะเปลี่ยนแม็กอยู่ เนื่องจากไอ้หมอนี่ยิงหมดไปกับการยิงแบบสะเปะสะปะมาก ผมกระแทกจนล้มลงไปนอนกองกับพื้นทั้งคู่ อาศัยตอนที่ยังอยู่บนตัวเจ้านี่ปล่อยหมัดใส่เข้าที่หน้าอย่างจังแต่ได้แค่หมัดเดียวก็โดนเหวี่ยงมานอนแผ่อยู่ข้างๆก่อนจะสลับเป็นเจ้า รปภ. ขึ้นค่อมประเคนหมัดชุดเข้าใส่สองสามฉาดจนผมทั้งเจ็บทั้งมึนไปหมด
ปัง ! เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดผมมองผ่านหลัง รปภ.ที่กำลังงัดแรงสู้กันอยู่ไปเห็นริกล้มลงตึงไปนอนอยู่กับพื้น ก่อนเห็นว่ามี รปภ.อีกสองคนยืนอยู่ “ไอริก!” ผมตะโกนเรียกก่อนจะโดนเข้าอย่างจังอีกหมัดแต่ก็ไร้สัญญาณเสียงตอบกลับจากมัน ความรู้สึกที่เหมือนจะเสียเพื่อนไปต่อหน้าต่อตาทำให้ความเจ็บปวดเหมือนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
ผมออกแรงถีบ รปภ.ที่ค่อมผมอยู่กระเด็นถอยหลังไป ผมยิงไปที่รปภ.ทันที ก่อนยิงไปยังไอ้สองคนข้างหลังแต่ก็ไม่โดน ผมกระโดดข้ามริกเพื่อลงบันไดและใช้มุมทางขึ้นเป็นที่หลบขณะกระโดดก็ดึงมือมันตามมาด้วยให้ใกล้ที่สุดแต่มันก็ยังนอนอยู่ข้างบนโดยผมยืนหลบอยู่บนขั้นบันได
“ยอมมอบตัวซะเถอะ เจ้าหนู” ผมได้ยิน รปภ. พูดขึ้น ผมปลดแม็กมาดูกระสุนที่เหลืออยู่แค่ไม่กี่นัดก่อนจะเหลือบไปมองริกที่นอนโชกเลือดอยู่ เพล้ง ! ผมยิงกระจกห้องทดลองทิ้งทันทีเพราะมันทำให้เจ้าพวกนั้นเห็นผมก่อนที่จะได้ยินเสียงเจ้าพวกนั้นร้องตกใจกับเศษกระจกที่เหมือนจะกระเด็นใส่ “แสบนักนะ !” รปภ. พูดด้วยน้ำเสียงโมโหกว่าตอนแรก
เสียงปืนสองนัดกับเสียงร่างคนสองคนล้มลงกระแทกพื้นทำเอาผมต้องแปลกใจที่คนยิงคือริกนั่นเอง “โธ่ ! ไอห่ารากไม่ตายทำไมไม่ลุก !” ผมตะโกนก่อนจะดึงมันให้ลุกขึ้น “โอ๊ยๆๆ ! เบาๆ ดิ กูโดนยิงนะเว่ยแฉลบเอวไปเนี่ย ไม่เห็นเลือดรึไง” ผมเบาแรงลงเมื่อมันพูด
“ไปต่อไหวป่ะเนี่ย” ผมถามเมื่อมันยืนขึ้นมาสภาพค่อนข้างแย่
“ไม่ไหวก็ต้องไหวแหละ เรามียานี่หว่า” ริกพูด
“ใช้ตอนอาการหนักกว่านี้เด้ ! นี่มันแค่แฉลบผิวเอง” ผมบอก
“โถ ! กูไม่ได้ใช้ของที่พวกเราเลือกหรอก ใช้พวกนั้นก็ไม่คุ้มหรอกกูเลยซื้อแบบใหม่มาลอง”
“แบบไหนอีกวะ ไม่เห็นมึงจะซื้อนี่” ผมถามก่อนเดินเก็บแม็กกระสุนของ รปภ.ทั้งสี่มาแบ่งกับริกคนละสองแม็ก
“มึงมัวแต่มองนอกร้านไง กูเลยซื้อมาเพิ่ม เห็นราคามันไม่แพงมากใช้สำหรับอาการเบาๆ พวกถลอก หรือโดนบาดนิดๆ หน่อยๆ อ่ะ” ริกอธิบาย
“งั้นก็รีบใช้สักที มันจ้างมึงมาโฆษณารึไง เดี๋ยวพวกรปภ. ก็แห่มากันอีกหรอก” ผมเร่ง
“จะโหดไปไหน” ริกย้อนก่อนจะหันเป้มาข้างหน้าเพื่อจะหยิบยาที่เป็นขวดสเปรย์
“เอ้า ! ฉีดให้กูที เดี๋ยวกูถกเสื้อขึ้นมาก่อน” ริกยื่นขวดมาให้ผมก่อนค่อยๆดึงเสื้อขึ้น
“โหย นี่มันแฉลบจริงๆ นะเนี่ย เหมือนมันเอากระสุนมาขูดเอวให้เลือดออกเฉยๆ อ่ะ”ผมพูด
“มันก็เจ็บเหมือนกันแหละน่า” ริกพูด “เออๆ ฉีดแล้วนะ” ผมพูดก่อนจะเล็งสเปรย์ไปยังบาดแผลแล้วกดหัวฉีดพ่นไปทั่วบริเวณบาดแผลที่โดนยิง ไม่นานบาดแผลก็ค่อยๆสมานตัวทีละน้อยจนหายกลับไปเป็นปกติ
“เป็นไง” ผมถาม “แสบๆ เย็นๆ” ริกตอบ
“เอ้า ! รีบเก็บได้แล้ว จะได้ไปสักที” ผมพูด
ผมกับริกเลือกเดินไปทางซ้ายของบันไดที่เพิ่งขึ้นมา ยิ่งพวกเราขึ้นข้างบนก็รู้สึกว่าเครื่องมือในห้องทดลองและอุปกรณ์ต่างๆในห้องทดลองจะเริ่มมีมากขึ้นและวุ่นวายกว่าเดิม
“ตรงนั้นมีนักวิจัย” ผมมองไปยังทางที่ริกหันหน้าไป พบนักวิจัยสองสามคนกำลังเดินไปมาตามเตียงในห้องทดลองซึ่งยังอยู่ห่างจากเราอีกเยอะแต่ก็มองเห็นผ่านกระจกได้อยู่ดี
“เหมือนจะยังไม่รู้ว่าตรงนี้มีเรื่อง” ผมบอก
“คงจะยังงั้น ไม่งั้นคงแห่กันมาและ” ริกตอบขณะเดินผ่านห้องทดลองอีกห้องหนึ่งที่เขียนข้างบนไว้ว่า ระดับ 2
“นี่มันระดับสองแล้วนี่หว่าริก”
“ดูจากสภาพแล้วยิ่งระดับเยอะยิ่งเหมือนซอมบี้ขึ้นแฮะ” ริกกล่าวตามที่เห็น
“ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ !” ผมกับริกได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนขึ้น คล้ายๆ กระซิบก่อนพยายามหาที่มาของเสียง
“ตรงนี้ๆ ! ในห้องนี้ไง” เสียงผู้หญิงคนเดิมดังขึ้นมาอีกก่อนที่เราสองคนจะรู้ว่าที่มาของเสียงมาจากทางเข้ามืดๆ ตรงข้ามกับห้องทดลอง ที่ยังไม่ไกลจากร่างพวกรปภ. เท่าไหร่นัก
“ใช่คนนั้นใช่มะ” ริกถาม “น่าจะใช่แหละ” ผมตอบก่อนเดินนำริกเข้าไปยังทางแคบๆที่ไม่มีแสงไฟ ก่อนจะเห็นลางๆ ว่าข้างในมีห้องเล็กๆที่มีประตูเหล็กปิดไว้คล้ายกันกับห้องที่เก็บศพใต้ดินไม่มีผิด เพียงแค่เล็กกว่าเท่านั้น
“อ้า ! พวกเธอสองคนจริงๆ ด้วย” นักวิจัยพูดขึ้นเมื่อเพ่งมองเราผ่านช่องเล็กๆ บนประตูเหล็ก
“ทำไมคุณถึงโดนจับล่ะ” ริกถาม
“นั่นแหละคือสิ่งที่ชั้นจะบอกพวกเธอ และทุกคนในเมืองนี้ก็ควรจะรู้แต่ก่อนอื่นเอาชั้นออกไปจากห้องบ้าๆ นี่ก่อนเถอะ” นักวิจัยพูด
“แล้วเราจะเอาคุณออกมาได้ยังไงล่ะ ไม่มีกุญแจซะหน่อย” ผมถามเมื่อไม่เห็นวิธีที่จะเปิดประตู
“พวก รปภ. ตรงนั้นอาจจะมีก็ได้นะ” ริกแนะนำ
“เจ้าพวกนั้นไม่มีหรอก อยู่ที่หัวหน้านักวิจัยน่ะ” เธอตอบ
“แล้วจะไปเอามายังไงล่ะ” ริกถามสายตาจับจ้องไปยังทางมืดๆ ที่ยังคงเข้าไปได้อีก “บางทีอาจไม่ต้องใช้ก็ได้นะ ทำไมเราไม่ยิงแม่กุญแจทิ้งซะเลยล่ะ ถึงแม้ประตูมันจะเหล็กหนาแต่ตัวล็อคมันก็ไม่หนามากนี่” ผมอธิบายจากที่เห็น
“แล้วเสียงล่ะ มันดังนา” ริกถาม “ ให้ทำไงล่ะจะไปหากุญแจได้จากไหนล่ะ” ผมพูด
“คงยากเจ้าหมอนั่นตอนนี้อยู่ชั้นบนซึ่งการรักษาความปลอดภัยจะมากกว่าพวกชั้นล่างๆ มาก”
“งั้นก็มีทางเดียว” ผมพูดก่อนชักปืนออกมา “ถอยไปหน่อยก็ดีนะ” ผมบอกทั้งสองก่อนจะเริ่มยิงนัดแรกเข้าไปยังแม่กุญแจ “ไม่หลุด” ริกพูด ผมยิงต่ออีกทันทีแต่ก็ยังไม่หลุดผมจึงรัวไปอีกสองสามนัดที่จุดๆเดิม จนมันพังและร่วงตกกระแทกพื้นดัง เกร้ง !
ผมกับริกช่วยกันออกแรงดึงประตูเหล็กออกเพื่อช่วยเธอให้ออกจากห้องก่อนที่เราทั้ง3 คนจะยืนกันอยู่ในทางแคบๆ และมืด
“เอาล่ะ คราวนี้คุณบอกความจริงเรามาได้และ ว่ามันเกิดไรขึ้นกันแน่กับเกมส์นี้”ริกถาม
“แนะนำตัวก่อนเลยละกัน ฉันชื่อ ซิลว่า เป็นรองหัวหน้านักวิจัยของที่นี่” ซิลว่ากล่าว
“ผมอ๋อง แล้วนี่ริก สองคนที่ดวงซวยสุดๆ” ผมพูด ริกทำท่าเหมือนจะเห็นด้วยในเรื่องดวง
“งั้นจะสรุปให้ฟังเลยละกัน พวกเธอคงเห็นศพที่กองอยู่ชั้นใต้ดินแล้วสินะ” ซิลว่าถาม
“ใช่ แล้วนั่นมันของจริงหรือเปล่า” ผมถามกลับ
“ก่อนอื่นเธอต้องรู้ก่อนอันดับแรกว่าพวกเธอ ไม่ใช่สิ คนทุกคนที่เล่นอันที่จริงไม่ได้อยู่ในเกมส์แต่แค่ถูกย้ายสถานที่มายังอีกแห่งนึงซึ่งไกลมากจากนครเคลโอ” ซิลว่าอธิบาย
“เป็นไปไม่ได้น่า จะบอกว่าเราโดนอุ้มมายังเกมส์ที่ถูกจัดขึ้นหลอกๆ เงี้ยหรอ” ริกถาม
“ตอนนี้ไม่มีเวลาอธิบายเรื่องพวกนี้แล้ว เอาเป็นว่าถ้าตายก็ตายจริง ไม่มีออกจากเกมส์แน่นอน”ซิลว่ากล่าว “อะไรนะ !” ผมกับริกอุทานขึ้นพร้อมกันทันทีที่ซิลว่าพูดจบ
“เบาๆ สิ เดี๋ยวก็มีคนอื่นได้ยินหรอก” ซิลว่าปราม “แล้วยังงี้ก็...” ผมกับริกพูดขึ้นพร้อมกัน พลางนึกถึงบรรดาเจ้าหน้าที่ที่ผมกับมันผจญกันมา
“เรื่องอื่นเอาไว้ก่อน จะพูดให้เข้าใจง่ายๆ เลยก็คือเบื้องหลังเกมส์นี้มีพวกนักธุรกิจมากมายคอยสนับสนุนการสร้างอาวุธชีวภาพที่พวกเธอเห็นก็คือพวกซอมบี้…”
“ในห้องทดลองข้างหลังเรานี่ใช่ป่ะ” ริกพูดแทรกขึ้น
“นั่นแหละ แต่ประเด็นคือไม่มีหนูทดลองเลยเปิดเป็นเกมส์ขึ้นมา ให้ผู้เล่นเอาชีวิตรอดจากซอมบี้โดยซอมบี้ก็คือผู้เล่นด้วยกันเองนี่แหละ”
“พวกที่พลาดโดนกัดหรอ” ผมถาม
“นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งมาจากการปล้นข้าวของกันมากกว่าทางพวกทีมงานก็จะมานำศพมารวมกันไว้และเอาไปใช้ทดลองอีกที” ซิลว่าอธิบาย
“อย่างหลังนี่เยอะเลยแหละ” ริกพูด
“แล้วจะเอามาทดลองทำไมในเมื่อก็แค่จับฉีดยาก็ได้ ไม่ก็ปล่อยให้กัดไปเรื่อยๆ” ผมพูด
“อย่างนั้นมันก็จะมีแต่พวกซอมบี้ธรรมดาที่เราทดลองนี่ก็คือการพัฒนาให้มันสามารถกลายพันธุ์ได้อีกซึ่งความตั้งใจก็คือสามารถที่จะควบคุมเจ้าพวกนี้ได้ด้วย” ซิลว่ากล่าว
“หม่าย ก็อด” ริกอุทานเมื่อได้ยิน
“งั้นเราก็ต้องออกไปเตือนพวกข้างนอกน่ะสิ” ผมพูด
“ไม่ เราต้องทำลายแผนการพวกนี้ต่างหาก พอชั้นเริ่มต่อต้านการใช้อาวุธก็ถูกพวกมันจับมาขังไว้ที่นี่พวกมันจะปิดปากทุกคนที่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกภายนอก”
“เหมือนที่พยายามทำกับเราตอนนี้สินะ” ริกว่า “แล้วเราต้องทำไงบ้างล่ะ”ผมถาม
“พวกเธอมีกันแค่สองคนรึ” ซิลว่าถาม “อันที่จริงมีอีกสองคนน่ะแหละแต่เจ้าพวกนั้นมันยังไม่รู้เรื่องเลย” ผมบอก
“มีอยู่ทางเดียวที่จะหยุดยั้งได้ ก็คือปิดระบบไฟทั้งหมดของตึกซะเพื่อหยุดกระบวนการทำงานของโครงการทั้งหมดในห้องทดลองทั้งตึกเพื่อหยุดการกลายพันธุ์” ซิลว่าอธิบาย
“ดูไม่ใช่แค่คนสองคนจะทำได้เลยแฮะ แล้วไอ้ห้องควบคุมปฏิบัติการทั้งหมดมันอยู่ไหนล่ะ”ผมถาม
“ชั้นบนสุดน่ะ” ซิลว่าตอบ
“เหอะๆ ชั้นบนสุดซะด้วย นี่แค่ชั้น 6 ยังอ่วมเกือบไม่รอด” ริกหันมาพูดกับผม
“ถ้าพวกเราไม่ทำจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ” ผมถามต่อ
“พวกมันจะใช้อาวุธชีวภาพเหล่านี้ในการก่อการกบฏและปฏิวัติการปกครองของประเทศนี้ใหม่และที่พวกเธอต้องช่วยหยุดยั้งก็เพราะมันจะไม่ลามแค่ในประเทศน่ะสิ”
“หมายความว่าไง” ริกถามด้วยความสงสัยก่อนมองออกไปยังแสงจากห้องทดลองข้างนอก
“คิดว่าซอมบี้ทุกตัวเราจะสามารถควบคุมได้หมดหรอ ต้องมีสักส่วนที่เล็ดลอดและอาจแพร่เชื้อไปทั่วโลกก็ได้และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราต้องหยุดมัน” ซิลว่าบอกเหตุผล
“ยิ่งหยุดเร็วเท่าไหร่ยิ่งดีสินะ” ผมพูด
“จะบ้ารึไง เราสองคนจะขึ้นไปข้างบนไหวได้ไง ต้องตายก่อนแน่ๆ” ริกพูด
“งั้นผมวานคุณซิลว่าไปบอกเพื่อนผมที่ตอนนี้คงรอผมอยู่ที่โรงแรมให้เตรียมอาวุธมาช่วยพวกเราหน่อยได้มั้ยครับ”ผมถาม พร้อมกับเปิดรูปเปากับเอิร์นให้เธอดูพร้อมกับบอกพิกัดโรงแรมที่พวกเราอยู่
“ได้สิ แล้วทำไมเธอไม่ออกไปกับชั้นล่ะ” ซิลว่าถาม
“คือ... พวกเราโดนประกาศจับแล้วน่ะสิคับ” ริกพูดพร้อมกับยื่นไอดีการ์ดที่มีข้อความประกาศจับทั้งสองให้ซิลว่าดู
“งั้นเดี๋ยวชั้นไปเอง พวกพนักงานชั้นล่างๆ ยังไม่รู้ว่าชั้นโดนไล่ออก แล้วอาจจะพาสองคนนั้นเข้ามาได้ง่ายหน่อย” ซิลว่าพูดก่อนเดินนำออกมาจากทางมืดๆ
“ให้พวกผมไปส่งข้างล่างมั้ยคับ” ริกถาม
“ไม่เป็นไร อ้อ ! บอกไว้หน่อยมันจะมีทั้งหมด ระดับละสองชั้น และเมื่อพ้นระดับ 2 ขึ้นไปการป้องกันจะแน่นหนาและมีกล้องวงจรปิด บันไดขึ้นชั้นจะมีประตูเหล็กปิดไว้อย่างดีหน้าลิฟต์มียามอยู่สองคนคอยคุม ไม่นับ รปภ. ส่วนอื่นๆ ในชั้นนะ” ซิลว่าหยุดอธิบายตรงขั้นบันไดที่พวกเราเพิ่งขึ้นมา
“เห็นอนาคตลางๆ รอเราซะแล้วสิอ๋อง” สีหน้าริกเจื่อนลงเมื่อซิลว่าอธิบายจบ
“โชคดีละกัน เดี๋ยวฉันจะไปชั้นล่างเพื่อเช็คอะไรนิดหน่อยก่อนจะไปบอกเพื่อนเธอสองคนให้มาช่วยนะ” ซิลว่าพูดก่อนก้าวลงขั้นบันไดไปยังชั้นล่าง
ผมสองคนได้แต่มองตามหลังชุดกราวน์สีขาวของนักวิจัยที่เธอสวมทับอยู่กับชุดที่เหมือนพนักงานออฟฟิศข้างในและผมประบ่าสีดำของเธอที่ไหวไปมาทุกครั้งที่เธอลงขั้นบันไดจนหายลับไป
“เฮ้ออ !”
“เป็นไรอีกล่ะ” ผมถาม “เป็นจริงดังที่ทางการว่าซะด้วยสิเกมส์นี้” ริกพูด
“เอาน่า ไงมันก็เป็นหน้าที่ของพวกเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมพูดก่อนหันไปมองยังนักวิจัยที่ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าจะเห็นพวกผมสองคน
เราสองคนยืนส่งซิลว่าอยู่ตรงร่างไร้วิญญาณของ รปภ.ที่เราทั้งคู่จัดการไปตอนขึ้นมา
“นั่นสินะ…. แต่ก่อนจะขึ้นชั้นต่อไปเราไปหาที่เตรียมกระสุนใส่แม็กไว้ก่อนเถอะไหนๆก็ซื้อมาแล้ว อีกอย่างดูท่าจะไม่ได้ไปใช้ข้างนอกแล้วล่ะ” ริกพูดก่อนจะหันหน้าเดินไปยังทางเดินมืดๆที่เราเข้าไปช่วยซิลว่าเมื่อกี้
“โอเค มาเตรียมลุยกันเลย” ผมพูดให้เกิดความฮึกเหิมก่อนจะเดินตามมันไป
..........
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in