……….
ตอนที่ 15 : สิ้นสุดกันทีกับเมืองนี้ #2
“เราจะเอาไงต่อล่ะทีนี้” ริกถาม
“รอไง” ผมพูด
“กว่ามันจะไปถึง เจ้ายักษ์บ้านี่มันคงเดินไปที่อื่นแล้วมั้ง”
“ก็จริงแฮะ ว่าแต่เราจะสู้กับมันโต้งๆ เลยหรอ” ผมถาม
“ไม่ต้องถึงกับสู้หรอก แค่พยายามวิ่งหนีมันเข้าไปในปั้มมันก็คงตามเข้าไปแล้วล่ะ” ริกว่า
“พูดเหมือนง่าย แต่ทำเนี่ยสิยาก” ผมพูด สะพายสไนเปอร์ไว้ข้างหลังก่อนสำรวจกระสุนปืนกับแมกกาซีนให้พร้อมลุยไว้ก่อน
“เดี๋ยวนะ...” ผมหยิบไอดีการ์ดขึ้นมา เห็นข้อความว่าพวกมันประจำตำแหน่งแล้วก่อนที่ผมจะทำท่าให้ริกหยิบไอดีการ์ดขึ้นมาดูเพราะเจ้าเปามันส่องกล้องไอ้เจ้ายักษ์นั่นทำให้พวกผมสามารถรู้ตำแหน่งได้ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างไรผมคิดว่าก็คงไม่จำเป็นอยู่ดี ในเมื่อเจ้านี่มันจะไล่ล่าพวกเราไม่หยุดหย่อนแน่ๆ
“ถึงเวลาแล้วสินะ” ริกพูดขึ้น
“เฮ้อ....! ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมละวะ !” ผมลุกขึ้น ยืนมองไปที่เจ้ายักษ์ที่กำลังอาละวาดด้วยความไม่พอใจที่มันมองไม่เห็นเจ้าพวกผู้ร้ายที่ซุ่มยิงมันอยู่ในปั้มน้ำมันซึ่งผมคิดว่าจุดอ่อนมันอยู่ที่สายตานี่แหละ อีกทั้งทุกครั้งที่มันโดนยิงมันมักจะร้องครวญอยู่กับที่สักพักนึงซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร แต่นั่นย่อมเป็นข้อดีของพวกเราแน่ๆ
“ลุย !” ริกตะโกนขึ้น ก่อนเปิดฉากยิงใส่เจ้ายักษ์นั่นทำให้มันหันมามองพวกเราแล้ว
ผมรีบวิ่งตัดออกไปข้างหน้าทันทีพร้อมกับคอยยิงไปด้วย จนแน่ใจแล้วว่าตัวเองโดนหมายหัวแล้วแน่นอนซึ่งมันก็แน่อยู่แล้วล่ะ ผมวิ่งผ่านรถคันโน้นคันนี้ไปมา ก่อนพุ่งเข้าหลบข้างตัวรถคันหนึ่งโดยมีริกที่ตามมาหลบอยู่อีกคัน
แต่สิ่งที่ผมพลาดก็คือเจ้ายักษ์นี่มันค่อนข้างเร็วกว่าที่คิดไว้ แปปๆ มันก็มาถึงรถที่ผมหลบอยู่แล้ว ทำเอาผมต้องออกวิ่งสุดตัวอีกครั้ง ผมวิ่งเลยปั้มน้ำมันไปยังถนนสองเลนที่แน่นขนัดไปด้วยรถก่อนจะสังเกตเห็นประตูเหล็กหนามีป้ายใหญ่ติดอยู่ว่าทางออก
ผมกระโดดข้ามกระโปรงรถคันหนึ่งที่จอดขวางเอาไว้ก่อนจะได้ยินเสียงปืนที่ริกยิงไล่หลังมาเนื่องจากมันไม่ได้สนใจริกเท่าไหร่นัก แต่ผมคิดว่าที่ไอริกมันยิงคงเพราะเตือนผมว่า ‘นั่นมึงจะวิ่งไปทางไหนฟะปั้มน้ำมันอยู่นี่ !’ ผมรีบวกตัวกลับทันทีแต่นั่นยิ่งแย่สำหรับผมเข้าไปใหญ่เพราะเหมือนกับว่าต้องหันหลังกลับไปสู้กับเจ้ายักษ์นี่ตัวต่อตัว
ในหัวผมตอนนี้มีแต่คิดหาทางหลบออกไปแต่คิดยังไงก็ไม่น่าจะพ้นก่อนจะได้ยิงเสียงสไนเปอร์ดังลั่นขึ้นมาพร้อมกับมีเลือดกระเซ็นสาดลงบนรถข้างๆ ผม
เปานั่นเองที่ยิงช่วยเพื่อเรียกร้องความสนใจ ระหว่างที่ไอ้ปิศาจข้างหน้าผมกำลังร้องด้วยความเจ็บปวดผมรีบโกยเท้าสุดชีวิตวิ่งฝ่ามันออกไปโดยมีริกที่ยังคงยิงเรียกให้ไอเจ้ายักษ์นั่นมันหันหลังวิ่งมาหาพวกเรา
“วิ่งๆๆ !” ริกตะโกน ก่อนก้มลงไปเปลี่ยนแม็กกระสุน
“รู้แล้วน่า...” ผมพูดพร้อมกับวิ่งผ่านมันมา
ตึง ! ผมได้ยินเสียงฝีเท้าและถนนที่สั่นเล็กน้อยจากการที่เจ้ายักษ์นั่นวิ่ง ผมหันไปมองริกที่มันยังไม่คิดจะลุกแม้แต่น้อยผมละเสียวแทนมันจริงๆถ้าไอ้ยักษ์นั่นมันเห็นเข้า
“เฮ้ย ! ไอริก วิ่งออกมาเร็ว !” ผมหยุดวิ่งแล้วตะโกนบอกมันทันทีที่เห็นว่าเจ้ายักษ์นั่นมันกระแทกรถรอบข้างจนกระเด็นไปชนกับคันอื่นๆซึ่งรถที่ริกหลบอยู่ก็อยู่ในระยะของมันด้วย
ผมกระหน่ำกระสุนไปที่เจ้ายักษ์นั่นเพื่อดึงความสนใจ ก่อนส่งสายตาบอกให้ริกรีบวิ่งออกไปซะ
“ทำอย่างนั้นคงจะไม่ดีมั้ง...!” ผมร้องขึ้นด้วยความตกใจเมื่อมันยกรถขึ้นมาหมายจะขว้างใส่ผม
ผมออกแรงทั้งหมดที่มีรีบกระโดดข้ามประโปรงรถคันข้างๆเพื่อหลบเจ้ารถเก๋งสีน้ำตาลเข้มที่ลอยมาทางผม โครม ! รถเก๋งกระแทกเข้าอย่างจังกับรถกระบะที่ผมพึ่งโดดข้ามมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็ไม่พ้นโดนเจ้ารถกระบะนี่กระแทกเข้าอย่างจังเมื่อมันโดนกระแทกมาก่อนหน้า
โอย ~ ผมนอนอยู่กับพื้นเนื่องจากแรงกระแทกมันใช่น้อยๆซะเมื่อไหร่ แต่สมองก็กระตุ้นตัวเองให้พยายามลุกขึ้นมาเพราะเจ้ายักษ์นั่นมันเดินมาทางนี้แล้ว
“เฮ้ย ! ทางนี้เว่ย” ผมได้ยินเสียงริกตะโกนขึ้นพร้อมกับเสียงปืนที่มันยิง ‘แมนมากเพื่อนกู’ ผมคิดในใจเมื่อเห็นเจ้ายักษ์นั่นหันไปทางต้นเสียงก่อนจะได้ยินเสียงเอิร์นเรียก
“ลุกเร็วๆ !” เอิร์นที่ไม่รู้โผล่มาตอนไหนพยุงผมขึ้น
เปร้ง ๆ ๆ !
เพิ่งจะลุกก็ต้องรีบก้มกันให้ไวเลยเพราะเจ้าพวกนั้นมันดันยิงมาทางพวกเราอีก ดีนะที่ยังมีรถเป็นที่กำบังให้
“ต้องรีบแล้ว ไม่งั้นไอริกไม่รอดแน่” ผมว่า
“รู้แล้วน่า เดี๋ยวกูจะไปหาทางช่วยไอริกล่อมันเอง มึงเข้าไปจัดการพวกมันข้างในปั้มซะ” เอิร์นพูดก่อนจะค่อยๆ คลานหลบวิถีกระสุนออกไปเพื่อไปช่วยริก
“ตั้งแต่มาเป็นตัวล่อและ นี่ยังให้เข้าไปเคลียร์พื้นที่อีก ทำไมต้องเป็นกูล่ะเนี่ย” ผมบ่นเบาๆ กับตัวเอง ก่อนมองลอดกระจกไปยังปั้มน้ำมันซึ่งห่างจากผมอยู่หลายเมตร
ผมหยิบไอดีการ์ดขึ้นมาดูตำแหน่งของทุกคนที่อยู่ในละแวก1 กิโลเมตร ผมเห็นจุด4 จุดในปั้มน้ำมัน และ อีก 2 จุดกำลังวิ่งวุ่นวนไปวนมาอยู่แถวๆ ถนนทางออกของเมืองนี้ซึ่งต้องขอบใจเปาจริงๆ ถ้าไม่มีมันผมคงไม่รู้ตำแหน่งแน่ๆ
เมื่อรู้สึกว่าดีขึ้นแล้วผมจึงจัดการเปลี่ยนแม็กปืนทันทีก่อนจะย่องไปตามรถเพื่อพยายามเข้าใกล้ปั้มน้ำมันให้มากที่สุด ยังดีที่มีเปาคอยยิงคุ้มกันให้ผมบ้างเป็นครั้งคราวเวลาผ่านจุดซึ่งไม่มีที่กำบัง จนตอนนี้ผมอยู่ห่างจากหน้าประตูเข้าปั้มแค่สองช่วงรถเท่านั้น ผมชำเลืองไปเห็นเอิร์นที่กำลังวิ่งเอาเป็นเอาตายในการหนีเจ้ายักษ์นั่น
ตูม ! โครม !
เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่ว เมื่อผมมองไปก็เห็นว่าเจ้ายักษ์นั่นเริ่มหมดความอดทนแล้วตอนนี้มันเริ่มยกทุกอย่างที่ขวางหน้ามาเขวี้ยงใส่ทุกอย่างที่กำลังทำให้มันหงุดหงิด ซึ่งตอนนี้ก็คือเอิร์นกับริกนั่นเอง
‘ต้องรีบแล้ว’ ผมกำปืนในมือแน่น เหลือบไปยังหน้าทางเข้าข้างหน้าเห็นเจ้าผู้ร้ายนั่นอยู่สองคนท่าทางเหมือนกำลังทะเลาะกันอยู่แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากรีบจบๆ เรื่องนี้ซะก่อนที่เพื่อนของผมจะพากันตายซะก่อน
ผมยิงกระสุนเป็นชุดๆไปยังเจ้าพวกนั้นจนล้มลงไปคนนึง แต่ไม่รู้เหมือนกันว่ายิงโดนตรงไหนส่วนอีกคนก็รีบหลบเข้าที่กำบังทันที ‘รักเพื่อนซะจริง’ ผมคิด เมื่อเห็นว่ามันปล่อยให้เพื่อนร้องโอดโอยอยู่ที่พื้นโดยตัวมันเอาแต่หลบ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดสงสารใครแล้ว ผมรีบพุ่งไปตามรถหรือทุกอย่างที่สามารถเป็นที่กำบังให้ผมสามารถเข้าไปใกล้ๆเจ้านั่นได้ผมต้องระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้นอีกเพราะไอเปาไม่ได้ยิงคุ้มกันให้ผมแล้วมันต้องคอยคุ้มกันไอ้สองคนนั้นที่ตอนนี้ดูท่าจะเจองานหินกว่าผมมาก
“อยากตายก็เข้ามาเซ่ !” ผมได้ยินไอ้หมอนั่นมันตะโกน
‘เข้าน่ะเข้าแน่ แต่คนที่ตายนี่มึงนะ’ ผมคิดก่อนบุกเข้าไปพร้อมกระหน่ำยิงไปยังที่กำบังของเจ้านั่นทันที เพื่อไม่ให้มันลุกขึ้นมามองว่าตอนนี้ผมอยู่ตรงไหนแล้วจนผมสามารถมายืนอยู่หน้าประตูได้ในที่สุด ผมรีบก้มลงมองลอดใต้รถเพื่อมองเจ้าหมอนั้นซึ่งผมสามารถเห็นได้ชัดแจ๋วเลยทีเดียวแต่ไอ้หมอนั่นกลับไม่รู้ว่าผมอยู่ข้างในปั้มแล้ว ผมค่อยๆ เปลี่ยนแม็กสำรองที่เตรียมไว้ ท่ามกลางเสียงโครมของรถที่ถูกเจ้ายักษ์นั่นทุ่ม
อย่างหนึ่งที่ผมอุ่นใจได้ก็คือถ้ายังมีเสียงโครมๆอยู่นั่นหมายความว่าเพื่อนของผมยังไม่ตายอย่างแน่นอน ผมเดินอ้อมมาทางหน้ารถซึ่งเป็นทางที่ทำให้มาโผล่ข้างหลังมันที่กำลังหาผมอยู่อย่างร้อนลน ผมแอบมองไปยังเจ้าคนที่อยู่ที่พื้นที่ตอนนี้แน่นิ่งไปแล้วโดยนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น ผมรู้ทันทีว่าตนได้ยิงเข้าไปที่คอของเจ้านี่ไม่อย่างนั้นสภาพศพคงไม่เอามือกุมคอแน่ๆ ผมมองรอบๆ ด้วยความสงสัยว่าอีก 2คนมันหายไปไหน ในเมื่อดูในไอดีการ์ดมันมี 4 คนแต่ผมไม่อยากเสียโอกาสข้างหน้าให้หลุดลอยไปง่ายๆ
ผมค่อยๆ เดินออกมาจากตัวรถพร้อมกับค่อยๆเดินเข้าไปหามัน กลัวว่าตนจะยิงไม่แม่นพอแล้วอาจเกิดการปะทะจนเรียกอีกสองคนที่หายมาช่วยได้ตอนนั้นมันจะลำบากกว่าเดิม
“เฮ้ ! ไหนว่าใครตายนะ” พอเข้าไปได้ระยะจนเจ้านั่นได้ยินและหันหน้ามาผมก็ยิงทันทีจนมันนอนกองอยู่กับพื้นหลังตู้ยามหน้าประตู ผมมองขึ้นไปยังดาดฟ้าตึกที่เปากำลังยิงคุ้มกันเจ้าพวกนั้นอยู่ซึ่งผมคิดว่าเจ้าสองคนนั้นมันอึดใช้ได้จริงๆ ผมรีบวางเป้ลงกับพื้นก่อนควานหาเจ้าพลุสัญญาณที่เปาบอก
ปัง !
ขณะควานหาของอยู่ดีๆ ผมก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา ผมก้มลงมองที่หน้าท้องของตนเองก่อนจะพบว่าเลือดค่อยๆซึมออกมาจากผิวหนังช้าๆ
‘โธ่ เว้ย ! ยังเหลืออีกสองคนนี่หว่า’ ผมคิดขณะกุมท้องตัวเอง ผมหันไปข้างหลังก่อนจะพบชายคนนึงยืนถือปืนจ่อมาที่ผมและเห็นเงารางๆวิ่งออกมาจากร้านขายของในปั้ม ก่อนที่หนังตาเริ่มหนักขึ้นๆ จนผมไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีก
“ไออ๋องมันจัดการเสร็จหมดยังเนี่ย !รู้สึกเสียงปืนจะซาลงไปสักพักแล้วนะ” ริกพูดพลางกระโจนข้ามกระโปรงรถไปหลบหลังซากรถอีกคันนึงพลางยิงตอบโต้เจ้ายักษ์นั่น ตอนนี้ริกกับเอิร์นใกล้จะลากไอ้เจ้ายักษ์บ้านี่มาถึงปั้มน้ำมันแล้วโดยห่างอยู่แค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น
“ห่าเอ้ย ! ไออ๋องมันมัวไปทำอะไรอยู่วะ !” ริกตะโกนขึ้นก่อนกระหน่ำยิงไปยังแหล่งที่มา
“สงสัยต้องเข้าไปช่วยมันซะแล้วมั้ง” เอิร์นตะโกนตอบจากอีกฟากของถนน
“อะไรของมันวะ ไอ้ไอดีการ์ดนี่ สั่นอยู่นั่นแหละ !” ริกพูดขึ้น ก่อนจะสไลด์ไปหลบอยู่ข้างหลังรถระหว่างที่เอิร์นรับช่วงต่อในการลากเจ้ายักษ์ไปยังปั้มน้ำมัน
“ข้อความนี่เอง เห็นสั่นตั้งนานและ” ริกรีบกดไปยังหน้าต่างข้อความทันทีก่อนจะพบว่าถูกส่งมาโดยไอเปา
“ไออ๋องโดนยิงนอนอยู่หน้าประตูทางเข้าปั้ม” ริกอ่านข้อความที่เปาส่งมา
“ชิบหายแล้วไง !” ริกอุทานขึ้นก่อนจะรีบพิมพ์ลงไปว่า “นานเท่าไหร่แล้ว”
“น่าจะสักพักแล้วแหละเพิ่งจะไปมองมันเมื่อเห็นไอ้พวกนั้นอยู่ดีๆ มันยิงมาที่มึงเนี่ยแหละ”
“หางานให้กูตลอดไง ไอเอิร์น !” ริกตะโกนเรียก
“เออ ! กูรูแล้วไปช่วยมันเหอะ !” เอิร์นตะโกนกลับมา
“มันเอาเวลาไหนไปดูไอดีการ์ดวะ” ริกพูดกับตัวเองก่อนเริ่มหาทางเข้าไปยังประตูทางออกของปั้มซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด
“ไอเอิร์นมันไม่ไหวแล้วแน่ๆ” เปาพูดกับตัวเองเมื่อเห็นสภาพเพื่อนของมันที่วิ่งไปวิ่งมาอยู่ร่วมชั่วโมงแล้ว เปาพูดจบก็สะพายสไนเปอร์ไว้กับตัวสะพายเป้ก่อนรีบวิ่งลงไปข้างล่าง
“จะเข้าไปยังไงดีล่ะทีนี้” ริกบ่นเมื่อไม่สามรถเข้าไปได้ง่ายๆเมื่อเจ้าพวกนั้นคอยต้อนรับทันทีที่จะวิ่งออกจากตัวรถ ‘กระสุนก็แทบจะไม่เหลือซะแล้วสิ’ ริกคิดในใจก่อนพยายามมองรอบตัวเพื่อหาทางไปต่อ
ปัง !
“เอ้า ! มึงมาทำไมเนี่ยแล้วใครจะยิงระเบิดถังแก๊สเล่า” ริกพูดขึ้นเมื่อเห็นเปาวิ่งมาหา
“กูมาช่วยให้มึงเข้าไปง่ายขึ้นไงล่ะ เสร็จไป 1 แล้ว เหลือแค่ตัวเดียว มึงอ้อมไปประตูทางเข้าซะ” เปาพูดขึ้นก่อนจะหยิบสไนเปอร์ขึ้นมาเล็งไปที่เจ้าคนที่เหลือก่อนจะจัดการยิงดับชีพมัน
“มึงแม่นไปนะบางที” ริกพูดขึ้น ก่อนจะวิ่งดิ่งเข้าไปทันทีเพราะตอนนี้ไม่มีศัตรูเหลือแล้วนอกจากเจ้ายักษ์นั่น
“พร้อมแล้วส่งสัญญาณด้วย กูขึ้นข้างบนก่อน” เปาตะโกนขึ้นเพื่อบอกริกและเอิร์นที่กำลังลากเจ้ายักษ์มาทางนี้
“รู้แล้ว มึงรีบหลบขึ้นไปเลยนะเดี๋ยวมันเห็นมึงแล้วตามขึ้นไปอีก” เอิร์นตะโกนก่อนใช้ปืนสั้นที่พกไว้ยิงไปยังยักษ์ที่กำลังเดินอย่างเอือยๆตามตนมา
“ทำไมมันวิ่งช้าลงวะ ! สงสัยก็เหนื่อยเป็นสินะ” เอิร์นพูดขึ้นก่อนต้องตกใจทันทีเมื่ออยู่ดีๆมันก็ฮึดวิ่งขึ้นมา
“ไอ้ห่านี่ กล้าหลอกกูหรอวะ !” เอิร์นรีบวิ่งต่อทันทีเมื่อเจ้ายักษ์นั่นมันคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง
“โอย... ” ผมลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนบนพื้นถนนแข็งๆแต่กลับรู้สึกว่าตัวเองนอนในแอ่งที่ชุ่มไปด้วยน้ำก่อนจะเริ่มจำเค้าลางได้ว่าตัวเองโดนยิงและตอนนี้ก็กำลังนอนแช่อยู่ในเลือดของตัวเอง
“นี่มันนึกว่าเราตายแล้วสินะ” ผมเหลือบมองรอบด้านก่อนจะพบว่าไอ้พวกนั้นมันกลายเป็นศพไปแล้ว ‘นี่เรานอนไปนานแค่ไหนล่ะเนี่ย’ ผมคิด ออกแรงทั้งหมดที่มีเพื่อลุกขึ้นมานั่งก่อนจะพบว่าปืนที่สะพายไว้กับตัวตอนนี้ไม่อยู่แล้วทั้งปืนกล สไน ปืนสั้นที่ขาก็ไม่มีแล้ว เหลือบไปมองกระเป๋าก็ไม่รู้แล้วด้วยว่าอยู่ไหน
“อะไรกันวะเนี่ย !” ผมพูดขึ้นก่อนลากสังขารเท่าที่มีเพื่อลุกขึ้นเดินไปยังซากศพของไอ้สองคนที่ผมเห็นล่าสุดก่อนที่จะสลบไป
“อยู่นี่นี่เอง อึ่ก” ผมเดินมาหยุดที่หน้ากระเป๋าก่อนจะทรุดลงไปนอนกองกับพื้นอีกครั้งรู้สึกว่าร่างกายไม่มีแรงเหลือแล้ว ผมเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าเข้ามาใกล้ตัว ‘ยังดีที่ของยังครบ’ ผมเอื้อมมือไปหยิบเจ้าพลุสัญญาณออกมาเพื่อจะจุดแต่ดันลืมไปว่าไม่มีไฟแช็ก
โครม ! ครืนน ~
รถทั้งคันลอยมาชนเข้ากับกำแพงเหล็กของปั้มอย่างจังจนล้มครืนลงมาทั้งกำแพง ทำเอาข้าวของเสียหายไปหลายส่วน ก่อนจะเห็นเค้าลางเจ้ายักษ์นั่นมาไกลๆแต่ตอนนี้ผมไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นหนีหรือเดินหาไฟแล้ว
“เฮ้ย ! มานอนแกล้งตายอยู่นี่นี่เอง ลุกเร็ว ลุก !” ริกพยุงผมขึ้นทันทีที่เจอ
“เดี๋ยว ยังไม่ได้จุดพลุเลย” ผมพูดด้วยเสียงอันเบาราวกระซิบ
“รู้แล้วๆ เอาไปด้วยนี่ไง” ริกก้มลงหยิบพลุสัญญาณที่วางอยู่ที่พื้น
“ปืนด้วยๆ”
“จะตายอยู่แล้วยังเรื่องมากอีกนะมึงนี่” ริกพูดก่อนไปหยิบปืนของผมที่ถูกวางทิ้งไว้ข้างกระเป๋า
มันกึ่งพยุงกึ่งลากผมพร้อมกับแบกสัมภาระต่างๆพาผมออกมานอนอยู่ที่ชั้นล่างของตึกที่เปาอยู่ ซึ่งเปาก็ลงมาอยู่ข้างล่างด้วย ก่อนที่ริกจะวิ่งไปช่วยเอิร์นซึ่งตอนนี้ลากเจ้ายักษ์นั่นเข้าไปในปั้มเรียบร้อย
“แล้วมึงจะยิงได้ไงในเมื่อพวกมันอยู่ในปั้ม” ผมถามขึ้น
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ” เปาตอบ
“ไอเอิร์น ! มึงมีไฟแช็กมั้ย” ริกตะโกนถามเอิร์นที่กำลังมึนหลังจากโดนสิ่งก่อสร้างที่พังทลายกระเด็นโดน
“เอ้า !” เอิร์นโยนไฟแช็กมาให้
ริกรีบวิ่งไปหยิบทันทีก่อนจะจุดพลุสัญญาณทำให้ควันสีแดงฉานพุ่งออกมาจากท่อนกระบอกแผ่เต็มไปทั่วอากาศภายในปั้มน้ำมัน
“มาทางนี้ !” ริกตะโกนเรียกเอิร์นให้วิ่งมายังทางออกที่ได้นัดแนะไว้กับเปา
“เร็วสิวะเฮ่ย !” ริกเร่ง
“นี่กูเดินอยู่มั้ง แหม่ !”เอิร์นตะคอกกลับ
ตูม !
ทันทีที่พ้นประตูปั้มออกมาตู้ที่เอาไว้เติมน้ำมันให้รถก็พลันระเบิดขึ้น แรงระเบิดส่งให้ทุกอย่างรอบข้างกระเด็นและพังทลาย เจ้ายักษ์กลายพันธุ์นั่นก็ถูกเพลิงไหม้ของระเบิดกลืนลับหายไป
“นี่มันกะจะฆ่าเราสองคนด้วยสินะ !” ริกตะโกน ลุกขึ้นมาจากพื้นถนนที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังที่ติดไฟเกลื่อนพื้นไปหมด
“มา ! รีบลุกเร็ว” เอิร์นฉุดไอริกขึ้นมาจากพื้นถนนพร้อมกับเดินพากันไปยังตึกที่เปาอยู่
“เป็นไงมั่งล่ะมึง” ริกถามผม เมื่อมาถึง
“ก็ดีขึ้นหน่อย ดีนะที่ไอเปามันยังเหลือยาอยู่” ผมตอบ
“ไม่มีให้แล้วนะเว่ย บอกไว้ก่อนเลย มึงใช้หมดแล้วเนี่ยนี่มันของดีต้องซื้อเอานะเว้ย ถ้ามึงใช้ของดร็อปอีกนานเลยล่ะกว่าจะลุกขึ้นมาได้”
“ยังไงก็ขอบคุณละกัน ในที่สุดปัญหามันก็จบๆสักที จะได้ออกไปจากเมืองบ้าๆ นี่” ผมพูด
“นั่นสินะ แต่เราคงไม่มีรถแล้วล่ะว่ะ เล่นระเบิดไปซะขนาดนั้น” ริกพูด
“ใครบอกล่ะว่าไม่มี มึงดูโน่นซะก่อนว่ากูเจออะไร” เปาพูดพร้อมกับชี้ไปยังซอยของตึกฝั่งตรงข้ามที่เป็นร้านขายอาหารเล็กๆมันเป็นรถบรรทุกขนาดเล็กที่เอาไว้ขนผักขนเครื่องครัวต่างๆ ที่เอาไว้ใช้ทำครัว
“งั้นก็รีบไปกันเถอะ” เอิร์นว่า
“อือ ป่ะ ไหนๆ เราก็รวมกลุ่มกันแล้ว” เปาหยิบเป้ขึ้นมาสะพายก่อนจะเดินตามเอิร์นออกไป
“ไอ้พวกนี้มันเล่นซะกระเป๋าพวกเราเบาหวิวเลยแฮะ” เปาพูดพร้อมกับทำท่าสะบัดกระเป๋าเพื่อให้เอิร์นเห็นว่ามันเบาจริงๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เอาน่าๆเดี๋ยวเราหาใหม่ก็ได้” เอิร์นหัวเราะ
“ไปกันเถอะอ๋อง” ริกพูดขึ้น
“อือ ขอบใจมากเว่ยที่ช่วยกู”ผมพูด
“มันก็ต้องช่วยอยู่แล้วล่ะน่า เข้ามาด้วยกันก็ต้องออกด้วยกันสิวะ” ริกตบบ่าผมก่อนจะเดินนำออกไป
“เฮ้ย ! แวะไปเอากระสุนปืนกับอุปกรณ์สำคัญก่อนนะเว้ย! แล้วค่อยไป” ผมตะโกนบอกให้ทุกคนได้ยิน
“เอ้อ !” เปาตอบรับก่อนสตาร์ทเครื่องรถบรรทุกคันเล็กที่มันเจอ ทั้งตัวรถเต็มไปด้วยโคลน ถึงจะพอดูออกว่าสีเดิมของมันคือสีขาวอมเทาก็ตาม
พวกเรากลับไปเอาลูกระสุนและอาวุธต่างๆที่เป็นประโยชน์ ก่อนที่จะมุ่งหน้าออกจากเมืองแห่งนี้ โดยเปาขับและเอิร์นนั่งอยู่ข้างหน้า ส่วนผมกับริกนั่งอยู่ท้ายรถบรรทุกพวกเราเห็นซากของปั้มน้ำมันที่พังทลายด้วยน้ำมือของพวกเราทั้งสี่ อีกทั้งตึกรามต่างๆ มากมายที่พวกเราได้กระโดดกันไปมาซึ่งผมไม่คาดคิดว่าในชีวิตจะได้ทำอะไรเหมือนในหนังอย่างนี้มาก่อนมันเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่เกมส์ก็ตามที
เปาขับรถแล่นออกมาตามถนนใหญ่ มุ่งหน้าไปยังถนนอันยาวไกลสองข้างทางเต็มไปด้วยรถรามากมายที่ต้องขับเลี้ยวไปมาเพื่อหลบสองข้างทางก็มีแต่เกาะกลางถนนกับทางด่วนริกคิดว่าพวกเราคงกำลังมุ่งหน้าเข้าเมืองอยู่แน่ๆซึ่งผมก็ได้แต่หวังว่าสิ่งที่รอผมกับเพื่อนอยู่มันคงไม่ย่ำแย่จนเกินไปนัก
// ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ ตอนนี้พวกคุณทั้ง 4 คนได้ผ่านการฝึกขึ้นพื้นฐานในการดำรงชีวิตเบื้องต้นในเกมส์ALIVE โดยสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆในเมืองเริ่มต้นได้สำเร็จลุล่วงแล้วค่ะ ขอให้สนุกกับการใช้ชีวิตในAlive อย่างสนุกนะคะ ^ ^ //
“บอกกูทีซิ ว่ากูไม่ได้หูฝาด” ริกหันมาถามผมหลังจากเสียงของระบบสิ้นสุดลง
“ฮะฮะ ไม่ได้หูฝาดหรอกว่ะ” ผมพูดก่อนมองไปยังเมืองที่ยังคงมีควันคุกรุ่นอยู่
“ไม่จริงน่า...”
“ฮ่าๆ อย่าคิดมากน่า ยังไงเราก็ผ่านมันมาได้แล้ว” เปาพูด
‘จะบอกว่าทั้งหมดที่เจอนี่มันยังแค่เริ่มต้นรึไง พวกซอมบี้ ยักษ์กลายพันธุ์ ทั้งหมดมันเป็นแค่ระดับเบื้องต้นรึ’ ผมคิดในใจก่อนหันไปหัวเราะกับริกและเพื่อนของผม ที่ตอนนี้ในรถอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะที่ไม่รู้ว่าดีใจหรือเศร้าใจกันแน่
……….
���T�={3}
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in