..........
ตอนที่ 14 : สิ้นสุดกันทีกับเมืองนี้ #1
ทันทีที่วิ่งทะลุผ่านฝุ่นฟุ้งของซากปูน ก็มาเจอกับถนนอีกเส้นทางซ้ายมือของผมเป็นแยกออกไปอีก ถ้าแยกซ้ายก็จะพาพวกเราไปยังสี่แยกที่พึ่งหนีออกมาส่วนทางขวานี่ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
“อ้าว ! เฮ้ย ก็นึกว่าไอ้พวกนั้น มึงมาโผล่อะไรตอนนี้เล่า หลบก่อนๆ เดี๋ยวก็โดนลูกหลงหรอก !” เปาตะโกนข้ามมาจากในตัวร้านอีกฝั่งของผมทำให้ผมรู้ว่ามันมาแอบอยู่ตรงนี้นี่เอง
“มึงอ่ะหนีเร็วเข้า ไม่งั้นมึงนั่นแหละจะโดนลูกหลง !” ผมตะโกนบอกมัน
ฮว้าก !
“ไอ้สองคนนี้มันจะต้องมากับปัญหาตลอดรึไงวะ !” เปาบ่น เมื่อได้ยินเสียงร้องและเห็นสิ่งที่ตามหลังพวกผมมาก่อนจะเรียกให้เอิร์นรีบตามมันขึ้นไปยังชั้นบนของตึกที่มันอาศัยอยู่โดยผมเห็นมันผ่านหน้าร้านที่เป็นกระจกซึ่งตอนนี้แตกแล้วจากการที่พวกมันสองคนปะทะกับเจ้าพวกนั้น
“มันหนีขึ้นไปแล้วอ่ะ” ผมพูดเมื่อเห็นมันสองคนรีบวิ่งแบบลืมไปเลยว่าพวกเรายืนอยู่ตรงนี้
“มานี่ ! จะอยู่รอให้มันมาฆ่ารึไง !” ริกบอก ดึงให้มันวิ่งตามมาทางซ้ายของตรอกที่ผมเพิ่งออกมา
ทันทีที่วิ่งมาจนถึงมุมตึก ผมก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังไล่หลังมาไม่ขาด คงไม่พ้นเจ้าพวกนั้นที่กำลังพยายามฆ่าไอ้เจ้ายักษ์กลายพันธุ์นั่น
“จะไปไหนจะกลับไปทางนั้นเดี๋ยวก็เจอพวกมันอีกหรอก” ผมพูดเมื่อเห็นว่าไอริกมันนำทางไปยังแยกที่สามารถพาเราวกกลับไปยังสี่แยกเดิมที่เราฝ่าวงล้อมออกมาได้
“แล้วจะเอาไง ขึ้นดาดฟ้าแล้วรุมยิงเจ้านั่นจนตายรึไง” ริกว่า
“ความคิดดีนี่ ถ้ามันยังไม่ตายนะเราไม่สามารถไปเอารถได้สะดวกแน่ๆ” ผมพูด เริ่มมองร้านค้าต่างๆรอบตัวว่าร้านไหนบ้างที่มีดาดฟ้าไม่สูงมากนัก
“ ไม่ต้องเลือกหรอกน่า เอาที่มันใกล้ตัวนี่แหละ” ริกผลักผมเข้าไปในร้านๆ นึง ซึ่งพอเข้ามามันก็เป็นร้านขายอุปกรณ์กีฬา เราเดินผ่านตู้โชว์ต่างๆ ขึ้นบันไดผ่านชั้นสองซึ่งเป็นที่เก็บของสำรองไว้มากมายก่อนจะเดินขึ้นสู่ดาดฟ้าของตัวร้าน
“นั่นไงไอเอิร์น” ริกพูดพร้อมกับชี้ไปยังดาดฟ้าอีกตึกซึ่งทแยงถัดจาดพวกเราไปสองอาคารได้
“เออ ! แล้วเจ้ายักษ์นั่นล่ะ” ผมถามริกพร้อมวางเป้ลง วางปืนกลไว้ข้างๆ เป้ คว้าสไนเปอร์ขึ้นมาเดินตรงไปยังขอบระเบียงตึก
“นั่นไง หรือว่ามันตามกลิ่นได้ด้วยวะ” ริกสงสัย
“ไม่ได้หรอกมั้ง” ผมวางปืนไว้บนขอบระเบียง บอกให้ไอริกส่งสัญญาณอะไรก็ได้ที่ทำให้เปากับเอิร์นเข้าใจให้ได้ว่า‘มาฆ่ามันกันเถอะ’
ผมก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้ริกมันทำยังไงแต่ดูเหมือนฝั่งนู้นจะรู้เรื่องด้วย เมื่อเห็นว่าไอเปามันก็หยิบสไนมันขึ้นมาเหมือนกัน
“เอ้า ! กระสุนสไน เหลือไม่มากแล้วนะ” ริกหยิบกล่องกระสุนมาวางแถวๆ ขา
“สงสัยต้องย้อนกลับไปเอามาใหม่ ฮะฮะ” ผมเอ่ย เพราะยังไงตอนนี้พวกเราก็ไม่ไปไหนไกลเลยผมกับริกย้ายไปตึกโน้นโดดไปตึกนี้ ซึ่งมันก็ละแวกนี้ทั้งนั้นแหละ
“ใครจะเปิดเนี่ยสิ” ริกถามก่อนมองไปยังตึกอีกฝั่งที่เปากับเอิร์นอยู่
ปัง !
ริกพูดไม่ทันขาดคำเปาก็เป็นฝ่ายเปิดก่อนซะแล้วมันยิงเข้าไปกลางลำตัวเจ้ายักษ์นั่นแต่เหมือนกับว่าเจ้านั่นเพียงแค่กระตุกเท่านั้นไม่ถึงกับบาดเจ็บนัก
“ได้เล่นกันยาวๆ แน่แบบนี้” ผมพูด ระดมยิงสไนเปอร์ไปยังเจ้ายักษ์นั่นบ้างโดยริกก็ใช้ปืนกลของมันสาดลงไปเช่นกัน พวกเราสี่คนจัดการซัดห่ากระสุนไปยังเจ้ายักษ์ข้างล่างที่ตอนนี้มีทีท่าเจ็บปวดขึ้นมาบ้างโดยมันเริ่มร้องครวญขึ้นมาแล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าจะตายง่ายๆ
“ถ้าเป็นหยั่งงี้กระสุนจะไม่เหลือนะไออ๋อง” ริกพูดระหว่างเปลี่ยนแม็กกาซีน
“นั่นสิ มันต้องมีจุดอ่อนบ้างสิวะ ! …. งานเข้าแล้วไงมันรู้แล้วว่าพวกไอเปาอยู่บนตึก!” ผมพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้ายักษ์นั่นมันวิ่งเข้าไปในตึกที่เจ้าสองคนนั้นมันอยู่
..........
“เก็บของๆ ! ต้องหนีแล้ว” เปาพูดขึ้นด้วยท่าทีตื่นตระหนก คว้าเป้ขึ้นมาสะพายพร้อมกับถือปืนวิ่งไปยังสุดขอบดาดฟ้าของตึก
“จะตายก็คราวนี้แหละ... เหวอ !” เอิร์นที่วิ่งตามเปาไปอยู่ดีๆ พื้นที่ยืนอยู่ก็สั่นขึ้น
“มันมาแล้ว ! เร็วเข้า !” เปาตะโกน โยนของไปยังอีกดาดฟ้า
“มึงโดดไปก่อนเลย !” เอิร์นที่เพิ่งลุกขึ้นมาจากพื้น รีบวิ่งไปยังขอบดาดฟ้าทันที
กึง !
“ให้ตายสิวะ” เอิร์นตะโกน เมื่อเห็นไอ้ยักษ์นั่นมันพังประตูเหล็กพร้อมกับผนังปูนบริเวณนั้นจนพังเละ ขึ้นมายังดาดฟ้าได้สำเร็จ
ปัง ! เสียงปืนดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยห่ากระสุนล็อตใหญ่
“แต้งกิ้วเว่ย !” เอิร์นตะโกนขอบคุณผมกับริกที่ยิงสกัดเจ้ายักษ์นั่นที่ตอนนี้กำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ซึ่งตอนนี้มันก็รู้แล้วว่าอีกฟากของตึกก็มีคนอยู่เหมือนกัน ก่อนที่เอิร์นจะเพิ่มความเร็วในการวิ่งและกระโดดตกลงไปยังบันไดข้างอาคารของอีกตึกหนึ่ง
“ไปเจอกันข้างล่าง !” เปาที่อยู่ข้างบนชะโงกลงมาบอกให้เอิร์นลงไปเจอกันข้างล่าง
ปึง ! เปาใช้ลำตัวกระแทกประตูเพื่อลงไปยังชั้นล่างในมือกำปืนพกไว้แน่นก่อนสอดส่องความปลอดภัยของตัวตึกและหาทางลงไปยังชั้นล่างเพื่อเจอกับไอเอิร์น
“บันไดมันจะพากูลงไปข้างล่างได้มั้ยวะเนี่ย !” เอิร์นพูด คิดจะเปลี่ยนเส้นทางเข้าไปในตึกแทนเนื่องจากเกิดเสียงโคลงเครงทุกครั้งเวลามันเหยียบขั้นบันได เขาตัดสินใจถีบหน้าต่างชั้นสองอย่างแรงก่อนจะพาตัวเองลอดเข้าไปในตัวอาคาร
“โอเค ทางสะดวก .... เฮ้ย ! กูเองๆ” เอิร์นรีบพูดทันทีเมื่อเห็นว่าเปามันเล็งปืนใส่
“รีบลงเร็วเข้า ไอ้สองคนนั้นมันถ่วงให้ได้ไม่นานหรอก” เปาวิ่งนำหน้าลงไปข้างล่าง
..........
“ทีนี้จะทำไงละครับท่าน มันจ้องจะฆ่าเราแทนแล้วล่ะ” ริกพูด เมื่อเห็นเจ้ายักษ์นั่นไม่ตามพวกเอิร์นไปแล้วแต่กลับกรีดร้องมาทางพวกตนแทน
“ไม่รู้เว่ย ! รู้อย่างเดียวกระสุนสไนกูหมดแล้ว” ผมพูดพลางสะพายสไนเปอร์ไว้ที่ตัว
“แล้วนั่นมันจะทำอะไรของมันวะนั่น” ผมพูดเมื่อเห็นเจ้ายักษ์นั่นมันวิ่งมาทางเรา
“มันคงไม่คิดจะโดดหรอกใช่มั้ย” ริกถาม
“กูว่านั่นล่ะที่มันจะทำ ลงๆๆๆ !” ผมตะโกนขึ้นพร้อมกับวิ่งลงข้างล่างโดยมีไอริกวิ่งตามมาข้างหลังติดๆ
“เอาไงดีๆ” ผมพึมพำกับตัวเองขณะวิ่งลงบันได
“ปั้มน้ำมันไง ล่อมันไปทางนั้นแล้วระเบิดปั้มทิ้งเลย” ริกพูดขึ้นด้วยเสียงที่เริ่มเหนื่อยจากการวิ่งไปวิ่งมา
พวกเราวิ่งออกมานอกตัวร้าน ทันเห็นภาพเจ้ายักษ์นั่นมันกระโดดพอดิบพอดี แต่แทนที่มันจะโดดข้ามมาอีกตึกมันดันโดดลงมาหาพวกเราซะนี่
“มันรู้ได้ไงวะ” ริกพูดก่อนเริ่มวิ่งต่อทันที
ผมวิ่งตามมันที่หักเลี้ยวไปทางซ้ายของฟุตบาตรซึ่งนำเรากลับไปยังสี่แยก มุ่งหน้าสู่ปั้มน้ำมันโดยมีเจ้ายักษ์กระหายเลือดนี่วิ่งตามหลังติดๆทุกย่างก้าวที่ขามันสัมผัสพื้นสามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของพื้นถนน
“เฮ้ย ! ก้มๆ” อยู่ดีๆ ริกก็ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับหยุดวิ่ง
“อะไรของมึงอีกล่ะ มันมาแล้วเนี่ย” ผมพยายามฉุดมันให้ลุกขึ้นวิ่งต่อเพราะไอ้เจ้ายักษ์นั่นมันใกล้พวกเราขึ้นเรื่อยๆแล้ว
แต่ไม่ทันจะเริ่มวิ่ง ผมก็รู้สาเหตุที่มันบอกให้หยุดแล้วนั่นคือข้างหน้าเรามีเจ้าพวกนั้นอีกสองสามคนกำลังดักยิงพวกเราอยู่
“มานี่ๆ !” ผมบอกริกก่อนคลานไปยังช่องระหว่างตัวรถเพื่อหาที่กำบังกระสุนและแอบเจ้ายักษ์
“มึงคิดบ้าอะไรของมึงเนี่ย” ริกถามเมื่อผมบอกให้มันแอบอยู่นิ่งๆ
“เราไปไหนไม่ได้แล้ว ตอนนี้เราอยู่ตรงกลางระหว่างเจ้ายักษ์นั่นกับเจ้าพวกนั้นขืนเราออกไปตอนนี้ได้ตายแน่ๆ” ผมกระซิบบอกมัน
ตึง ! เสียงฝีเท้าของเจ้ายักษ์นั่นเดินใกล้เราเข้ามาเรื่อยๆจนตอนนี้ผมคิดว่าเจ้าพวกที่ยิงเรามันเริ่มรู้สึกว่าควรจะหนีแล้วล่ะ เมื่อเห็นท่าทางเจ้าพวกนั้นเริ่มกระสับกระส่ายแต่ผมก็คิดผิดจนได้เมื่อเจ้าพวกนั้นมันคิดที่จะฆ่าตัวตายโดยการยิงสู้กับเจ้ายักษ์ที่ยืนตระหง่านอยู่ข้างพวกผมสองคน ที่มีแค่รถกั้นระยะห่างพวกเรากับไอ้ยักษ์นี่เท่านั้น เจ้ายักษ์พอโดนยิงก็ร้องด้วยความโกรธก่อนวิ่งไปหาเจ้าพวกนั้น
ตลอดทางที่เจ้ายักษ์ผ่าน รถทุกคันที่ขวางทางมันจะถูกยกลอยขึ้นไปบนอากาศจนไปทับรถคันอื่น บางคันก็โดนผลักจนไถลไปกระแทกกับตัวอาคารข้างๆ
“เหวอ !” ริกพุ่งออกไปจากที่ๆเรายืนอยู่ทันทีเมื่ออยู่ดีๆ รถที่เราสองคนใช้ซ่อนตัวก็ลอยขึ้นจากพื้นก่อนเห็นว่าเป็นฝีมือเจ้ายักษ์นั่นยก มันถือรถนั่นค้างไว้กลางอากาศสายตาจับจ้องไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นซึ่งตอนนี้คงคิดได้แล้วว่าพวกตนนั้นคิดผิดมหันต์ที่ต่อกรด้วย
“ไปๆๆ ! จะอยู่ให้มันเห็นรึไง” ผมบอกริกให้รีบคลานออกจากจุดเดิมก่อนที่มันจะเห็นซะก่อน
ผมคลานตามริกไปอย่างรวดเร็ว เสียววาบที่หลังตลอดเวลา ว่าเจ้ายักษ์มันจะเห็นพวกเรา แต่จนท้ายมันก็ไม่เห็น มันโยนรถที่ถือไว้ไปยังกลุ่มคนพวกนั้นที่ยิงมันจนผมเห็นว่าคนนึงในกลุ่มโดนรถคันนั้นอย่างจัง จนลอยลิ่วติดกับตัวรถไปกระแทกเข้ากับรถอีกคันซึ่งอยู่ข้างหลังทำเอาคนที่เหลือแตกตื่นกันยกใหญ่ ซึ่งมีอยู่สองหรือสามคนพากันหันหลังวิ่งหนีไปกันหมดแต่แน่นอนว่าเจ้ายักษ์นั้นย่อมวิ่งไล่แน่นอน
ผมใช้โอกาสที่มันวิ่งเข้าไปหาพวกผู้ร้ายนั่นลุกขึ้นมาพาตัวเองมาหลบอยู่ตรงมุมตึกและคอยสังเกตการณ์เจ้ายักษ์นั่นอยู่ห่างๆ
“มันไปทางปั้มน้ำมันแล้วไง นั่นมันโอกาสจัดการมันเลยนะ !” ริกบอกผมขณะสายตาก็จับจ้องไปยังความวุ่นวายน่าสยดสยองข้างหน้า ถึงแม้ภาพที่เห็นจะไม่ค่อยชัดเพราะอยู่ไกลแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมกับริกรู้สึกได้ก็คือเสียงร้องโหยหวนของผู้ที่โดนเจ้ายักษ์นั่นฉีกร่างของตน
“แล้วจะให้ทำไงล่ะ ตามไปรึไง” ผมถาม เห็นเอิร์นกับเปาวิ่งข้ามถนนมาทางเราสองคน
“ใช่ดิ ! ไม่งั้นเราไม่มีทางฆ่ามันได้แน่” ริกพูด มือกุมอยู่ที่ปืน M4ของมัน
“มึงคิดจะระเบิดปั้มฆ่าไอ้ยักษ์นั่นใช่มะ กูก็คิดอย่างนั้นแหละ” เอิร์นที่มาถึงพูดขึ้น
“มึงรู้ได้ไงว่าพวกกูจะทำวะ” ผมถาม
“เดาไม่เห็นจะยากเลย ก็มันเหลืออยู่ทางเดียวแล้วนี่” เปาว่า
“รีบไปเหอะ ! ยิงจากระยะไกลระเบิดเครื่องเติมน้ำมันก็ได้ไม่จำเป็นต้องเข้าไปใกล้มากหรอก” ริกพูดเสริม
“กระสุนสไนกูหมดแล้วไง” ผมตอบ
“กูยังพอมีกระสุนสไนเปออยู่ เดี๋ยวกูยิงเอง” เปาพูด
“งั้นรออะไรล่ะ รีบไปกันดิ ตอนนี้ยังมีเจ้าพวกนั้นล่อให้อยู่” เอิร์นพูดก่อนวิ่งนำออกไป
พวกเราทั้งสี่คนค่อยๆวิ่งซิกแซกไปมาตามตัวรถเพื่อใช้เป็นที่กำบัง อีกทั้งบางทีเจ้ายักษ์นั่นมันก็ดันหันหน้ามาทางนี้อีก ตอนนี้พวกเราห่างจากเจ้ายักษ์แค่ประมาณสองสามช่วงรถได้ มันยืนเด่นอาละวาดอยู่กลางสี่แยกที่ตอนแรกพวกเราเริ่มวิ่งหนีออกมา โดยในปั้มน้ำมันยังมีเจ้าพวกนั้นยิงต้านออกมาอยู่แต่ดูจากการยิงแล้วไม่น่าจะเกินสามคน
“ทำไมมันไม่เข้าปั้มไปวะ” เอิร์นถามพลางมองผ่านกระจกรถไปยังเจ้ายักษ์นั่นที่ไม่ยอมขยับไปไหน
“มันคงไม่เห็นคงที่ยิงมันล่ะมั้ง” เปาพูด
“งั้นก็ต้องออกไปล่อมันน่ะสิ” ผมว่า
“จะเอางั้นจริงหรอวะ ถึงตายเลยนะเว่ย” ริกถาม
“แล้วจะทำไงล่ะ ถ้ามันเกิดหมดอารมณ์เดินออกมาดื้อๆ บางทีเราอาจจะหมดโอกาสแล้วก็ได้นะมึงบอกเองนี่”ผมพูด
“นั่นสินะ” ริกพูดพร้อมกับทำท่าคิด
“งั้นเอาหยั่งงี้ ข้างๆ เราเป็นตึกสูงมีดาดฟ้า เดี๋ยวกูจะขึ้นไปซุ่มยิงให้จากข้างบนส่วนพวกมึงกับไอริกก็ไปหาทางล่อเจ้ายักษ์นั่นเข้าไปในปั้ม อยู่กันเป็นคู่มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันทัน” เปาพูดพร้อมกับยื่นบางสิ่งที่มันหยิบออกมาจากเป้ของมันแก่ผม
“พร้อมเมื่อไหร่ก็ใช้ซะ กูจะได้รู้” เปาพูดพลางรูดซิบปิดเป้
“อือ หวังว่าคงจะได้ใช้มันนะ” ผมรับพลุสัญญาณที่มันให้มาเก็บใส่เป้ของตน
“งั้นก็ไปกันเลยเถอะ” ริกพูดพลางกระชับเป้ที่สะพายอยู่
“กูกับไอเอิร์นจะวิ่งย้อนกลับไปทางตรอกที่มึงระเบิดไว้เพื่อขึ้นไปยังตึกข้างหน้าเพราะคงเดินไปโต้งๆไม่ได้” เปาสะกิดเอิร์นให้ลุกขึ้น
“งั้นมึงส่งข้อความมาทางไอดีการ์ดด้วยเมื่อมึงอยู่บนดาดฟ้าแล้วน่ะ” ผมบอกเปา
“โอเค” เปาตอบ ก่อนทั้งเปาและเอิร์นจะวิ่งหายลับไปทางข้างหลังแล้วหายลับไปในมุมตึก
……….
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in