..........
ตอนที่ 10 : อลหม่านบนหลังคาตึก
ปึง !
เมื่อวิ่งจนถึงหน้าประตูยังไม่ทันจะหยุดผมก็ถีบประตูทางหนีไฟเพื่อเปิดทางพร้อมกับไอริกที่วิ่งถลาเข้าไปเป็นคนแรกผมรีบตามเข้าไปและปิดก่อนเอาตัวดันประตูไว้
“เอาไงดีทีนี้ กูว่าไม่ต้องขึ้นแล้วมั้งดาดฟ้าน่ะ ขึ้นไปหาทางลงได้เปล่าก็ไม่รู้แต่ลงข้างล่างน่ะออกได้ชัวร์” ผมเสนอ
“กูว่าขึ้นไปดูเหอะไม่งั้นเราก็ไม่รู้ทางสักที” ริกยังคงยืนยันแผนเดิม
“มึงชัวร์นะ ไปแล้วย้อนกลับไม่ได้นะเว่ย” ผมเตือน
“เออน่า เชื่อกูดิวะ เร็ว ! รีบขึ้นเดี๋ยวมันตามมาทันก” ริกพูดจบก็หันหลังวิ่งขึ้นไปชั้นบนต่อ
“เอาไงก็เอาวะ !”
ริกเปิดประตูดาดฟ้าออกเผยให้เห็นพื้นที่กว้างขวางและมีตู้เครื่องปรับอากาศบ้างประปรายไปตามพื้นมันรีบวิ่งไปยังระเบียงเพื่อจะได้มองออกไปภายนอกว่ายังมีที่อื่นให้ไปต่อหรือไม่ส่วนผมก็คอยเฝ้าประตูว่าซอมบี้มันจะมากันเมื่อไรโดยแง้มประตูไว้เพื่อจะได้มองเห็นการเคลื่อนไหวข้างล่าง
ผมเห็นริกมันพึมพำอะไรอยู่คนเดียว จึงตะโกนถาม
“มึงพูดว่าอะไรนะ ?”
“กูบอกว่ามันก็ไม่ไกลเท่าไหร่ แค่ 2-3ช่วงตึกเอง” ริกตอบ
“มึงหาทางลงด้วย เดี๋ยวกูระวังหลังให้”
“อือๆ” ริกตอบก่อนจะเริ่มเดินหายเข้าไปหลังเครื่องระบายความร้อนของตึกหรืออะไรซักอย่างระหว่างที่เฝ้าดูผมก็จัดแจงเก็บไฟฉายในกระเป๋าเพราะตอนนี้พระอาทิตย์ยามเช้าขึ้นแล้ว
ผมเล็งปืน HK ที่ผมสะพายไว้ตลอดทางขึ้นมาถือก่อนจะเปิดประตูและเข้าไปยืนข้างในเพื่อจะได้เล็งประตูที่พวกเราเข้ามาจากชั้นสองได้สะดวกพร้อมกับวางกระเป๋าที่ค่อนข้างหนักขวางประตูข้างบนเอาไว้จะได้เห็นไอริก อีกทั้งยังวิ่งได้ทันเผื่อเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้นมาอีกด้วยผมหันไปมองริกที่ตอนนี้ไม่รู้ไปหาทางที่ไหน
“อ๋อง ! ไออ๋อง !” เสียงไอริกตะโกนเรียกผมดังขึ้น ผมเดินไปหามันโดยไม่ลืมที่จะหยิบเป้ที่วางอยู่ขึ้นมาสะพาย
“เจอแล้วหรอ ?” ผมถาม
“ทางลงน่ะไม่มีหรอกนอกจากจะลงบันไดที่เราเพิ่งขึ้นมาน่ะ”
“เอ้า ! มันไม่มีบันไดข้างๆ ตึกเหมือนตรงร้านขายปืนหรอ” ผมถาม
“ไม่มีว่ะ หาทั่วแล้ว มีอยู่ทางเดียวก็คือ...” มันพูดพร้อมกับชี้ไปยังตึกข้างๆ
“มึงอย่าบอกนะจะให้กูโดดข้ามตึกน่ะ”
“นั่นแหละที่จะบอก ไม่งั้นก็ไม่รู้จะไปทางไหนและ” ริกตอบหน้าตาเฉย
“มึงบ้าไปแล้วแน่ๆ มึงรู้มั้ยมันห่างกันเท่าไร” ทันทีที่พูดจบพวกเราซึ่งหันหลังให้ประตูเพื่อมองระยะห่างฝั่งตรงข้ามอยู่ก็ได้ยินเสียงเปิดประตูขึ้นข้างหลัง
ปึง !
สิ้นเสียงประตูเปิดพวกซอมบี้ต่างกรูวิ่งตรงมาหาพวกเราผมกับริกสาดกระสุนจัดการพวกซอมบี้อย่างไม่ต้องคิด
“สงสัยต้องโดดว่ะ !” ผมตะโกนบอกมันแข่งกับเสียงปืน
“งั้นต้องรีบโดดแล้ว ถ้าปล่อยให้มันเข้ามามากกว่านี้เดี๋ยวจะไม่มีที่เหลือให้ออกวิ่ง”
“งั้นมึงเริ่มก่อนเลยเดี๋ยวระวังหลังให้” ผมบอกก่อนจะกระแทกสันปืนใส่ซอมบี้ที่เข้ามาใกล้ แล้วรีบเปลี่ยนแม็กทันที
“ฝากด้วยละกัน” ริกตะโกนตอบแข่งกับเสียงปืนก่อนจะขว้างปืนไปยังตึกข้างๆตามด้วยเป้
มันวิ่งย้อนกลับมาเพื่อจะได้มีระยะพอจะวิ่งก่อนออกตัววิ่งสุดฝีเท้า แต่ผมไม่สามารถลุ้นไปกับมันได้เพราะซอมบี้แห่กันมาเรื่อยๆอย่างน้อยก็ยังดีที่ว่าซอมบี้เกมส์นี้มันไม่โหดจนเกินไปเหมือนกับในหนังที่พากันวิ่งเข้าใส่เพราะเป็นแค่บางตัวเท่านั้นที่จะวิ่งเข้ามา ส่วนใหญ่จะเดินเอื่อยๆ ซะมากกว่า หรือว่าเพราะมันเป็นเมืองแรกๆไม่รู้สิ ผมคิด
เหลือบไปมองไอริกที่โดดข้ามไปยังอีกตึกสำเร็จผมรีบวิ่งก่อนจะโยนสไนไม้ที่ห้อยไว้ตั้งนานให้มันเอาไปใช้ก่อนจะโยนปืนและเป้ตามไป
ผมวิ่งย้อนกลับมาพร้อมกับถีบเจ้าซอมบี้ให้มันห่างจากตัวมากที่สุดแต่เนื่องด้วยซอมบี้มันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ระยะวิ่งมันน้อยลงๆผมจึงตัดสินใจออกวิ่งทันทีโดยไม่คิดอะไรมากมายกลัวว่าจะไม่มีที่ให้วิ่ง
เมื่อเท้าผมถีบออกไปจากขอบตึกมันทำให้ผมรู้สึกว่าตนเองนั้นบินได้ ก่อนจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองนั้นโดดไม่ถึง ทำเอาหน้าอกกระแทกเข้ากับตัวตึกเต็มๆรู้สึกได้ถึงความเจ็บแปล๊บที่แล่นขึ้นมาทันทีก่อนจะคว้าขอบตึกไว้ได้ทัน
“ริกกก !” ผมตะโกนขอความช่วยเหลือจากมันซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการยิงซอมบี้อยู่
“มึงจะยิงหาป้ามึงเรอะ ! มันไม่โดดตามกูมาหรอกเว้ยย !” ผมตะคอกใส่มัน ริกเปลี่ยนแม็กปืนM4 ของมันก่อนจะวางลงข้างๆ ตัว แล้วเอื้อมมือมาดึงตัวผมขึ้น
“มึงออกแรงดึงขึ้นบ้างดิวะ กูยกมึงไม่ไหวหรอกนะเว่ย” ริกบอกขณะมันออกแรงสุดตัวในการดึงผมขึ้นมา
“กูว่ามึงไม่ออกแรงมากกว่ามั้ง”
“พูดงี้มึงช่วยตัวเองแล้วกัน...อ้ากก” มันร้องเสียงดังเพื่อเรียกกำลังก่อนจะดึงแขนผมขึ้นมาจนขึ้นมาได้ครึ่งตัว
“มันต้องงี้ดิวะ เพื่อนกู” ผมพูดยอมันก่อนจะขึ้นมานอนแผ่พักเอาแรงโดยเอาขาห้อยอยู่บนขอบกำแพง
“เราต้องไปต่อแล้ว” ริกพูดก่อนหยิบข้าวของขึ้นมาสะพายตามเดิม
ปุ ! เคร้ง ! …
“อั่กกก !”
“ไอริก !” ผมตกใจเมื่อเห็นมันโดนยิงเข้าอย่างจังที่ลำตัวโดยปืนเก็บเสียงก่อนจะมีเสียงนัดที่สอง ตามมา แต่พลาดไปโดนห้องเก็บของข้างหลังมัน ผมรีบพลิกตัวลงมาจากขอบกำแพงแล้วคลานเข้าไปหามันทันที
“ห่าเอ้ย ! กูล่ะเกลียดจริงๆ พวกซุ่มยิงเนี่ย !” ริกตะโกนลั่นขณะเอามือกดแผลห้ามเลือดไว้
“เราไม่มีผ้าพันแผลหรือยาด้วยไงปัญหา” ผมพูดขณะคุกเข่าเพื่อหลบเจ้าสไนเปอร์นั่นเนื่องจากขอบกำแพงของตัวตึกนี้สูงแค่ครึ่งตัว
“บางทีตึกที่เราอยู่นี่อาจจะมีก็ได้นะ” ผมพูดก่อนจะคลานไปหยิบเป้มาสะพายพร้อมกับคว้าปืนของริกมาให้มันผมหยิบสไนเปอร์ขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้นเพื่อส่องหาเจ้าคนที่ยิงริกแต่ผมกวาดหาไปทั่วแล้วก็ยังไม่เจอซักที ก่อนสะพายสไนไม้ไว้กับตัวและปืนกลห้อยคอไว้ขณะเข้าไปเพื่อจะหามไอริกเพื่อไปต่อ
“เราต้องไปแล้วพวก” ผมบอกมันก่อนจะยกตัวมันขึ้น
“หวังว่ากูจะไม่ตายซะก่อนนะ” ริกพูดเสียงค่อนข้างอ่อย
“จะบ้ารึไงไม่ได้โดนยิงจริงสักหน่อย” ผมบอก เมื่อเห็นมันทำท่าจะยอมแพ้
“กูอยากให้มึงลองโดนบ้างเหลือเกินไออ๋อง” ริกตอกผมกลับ
“โอเคๆ เราจะไปหาทางช่วยมึงก่อน แล้วค่อยออกไปจากที่นี่” ผมพามันไปในสภาพที่ต้องย่อตัวเดินแทบจะคลานอยู่แล้วเนื่องจากพวกเราไม่อยากเสี่ยงกับกระสุนปืนรอบที่สอง ผมกระแทกประตูทางลงข้างหน้าเปิดออกก่อนจะพยุงไอริกเข้าไปข้างใน
พวกเราลงบันไดมายังชั้นสองพบว่าที่นี่เป็นเพียงสำนักงานธรรมดาๆ แห่งหนึ่งโดยสังเกตจากทั้งชั้นเต็มไปด้วยโต๊ะพนักงานที่มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะอยู่เกือบทั่วห้องผมพาริกเข้าไปยังห้องที่มีป้ายแปะไว้หน้าประตูว่าผู้บริหารซึ่งอยู่ห่างจากแถวพนักงานมาหน่อยผมปล่อยมันนั่งอยู่บนโต๊ะพร้อมกับพูดว่า “มึงรอที่นี่แหละกูจะไปเอายาในห้างมาให้มึงเอง มันต้องมีร้านขายยาแน่ๆ” ผมพูดพร้อมกับหันหลังจะเดินออกไป
“แล้วมึงก็จะปล่อยกูไว้ที่นี่คนเดียวเนี่ยนะ” ริกพูด
“แล้วมึงจะให้กูทำไงล่ะ สภาพมึงไม่ไหวแล้ว รออยู่นี่แหละ ที่นี่ก็ดูท่าจะปลอดภัยด้วย”
“ก็คงจริงเหมือนที่มึงพูดล่ะนะ” ริกวางกระเป๋าไว้ข้างๆ ตัวบนโต๊ะทำงานก่อนจะหยิบกล่องกระสุนปืนออกมาวางไว้พวกเรามีแม็กเปลี่ยนอยู่สองสามแม็กที่เราหยิบเอามาด้วย
“กูไม่ทิ้งมึงหรอกน่า เดี๋ยวกูมา” ผมหันหลังเดินกลับออกมาพร้อมกับปิดประตูห้องก่อนจะหยิบตู้ข้างๆมาขวางหน้าประตูเพื่อกันไว้ได้ระดับนึงเพราะคิดว่าริกมันคงไม่คิดจะออกมาแน่ๆในสภาพนั้น ผมส่งสัญญาณมือบอกให้มันดึงทีกันแดดลงจะได้ทำให้ข้างนอกมองไม่เห็นข้างในก่อนจะคิดว่า มันก็ไม่เห็นข้างนอกเหมือนกันนี่หว่า แต่ช่างเถอะ
ผมรีบเดินลงมายังชั้นล่างที่เป็นห้องต่างๆแยกย่อยไปอีกมากมาย ทั้งห้องรักษาความปลอดภัย เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ผมมุ่งหน้าไปยังห้องรปภ. ทันที คิดว่ามันน่าจะมีอุปกรณ์รักษาเบื้องต้นอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ผมพบตู้ยาติดผนังใกล้ๆกับตู้เก็บของพนักงานข้างในมีเพียงแค่ยารักษาบาดแผลขวดนึงแค่ขวดเดียวจริงๆ ผมรีบวิ่งออกมาจากห้องรปภ. ด้วยความดีใจที่ได้ของที่ต้องการ ก่อนต้องตกใจทันทีเมื่อเจอฝูงซอมบี้อยู่หน้าออฟฟิศเต็มไปหมดแล้วมันก็เห็นผมซะด้วย
ผมคว้าปืนออกมายิงไปที่หน้าประตูสองสามนัดเพื่อจัดการตัวที่พยายามจะเปิดประตูเข้ามาก่อนพบว่าได้ทำสิ่งที่โง่เง่าไปซะแล้วเพราะพวกมันหันมาหาผมกันหมด
“พลาดแล้วกู” ผมหันหลังวิ่งขึ้นชั้นสองทันทีโดยไม่หันไปมองข้างหลัง ผมถีบเจ้าตู้นั่นออกไปก่อนจะรีบกระแทกประตูเข้าไปหาไอริกที่ยังยืนเอามือห้ามเลือดตัวเองอยู่
“ให้เดานะ มึงพาเพื่อนมาด้วยสินะ” ริกก่อนเอื้อมตัวไปเก็บข้าวของใส่เป้
“ฮะฮะ ทำไงได้ แต่อย่างน้อยกูก็เจอยาล่ะวะ รีบๆ กินไปเลย จะได้ไปซักที” ผมรีบยื่นยาให้ก่อนพยุงมันขึ้นมา
“ให้กูกินเสร็จก่อนเด้ !”
“เร็วดิวะ มันมากันแล้ว” ผมยิงซอมบี้ที่เข้ามาในห้องก่อนจะเห็นว่าเลือดมันหยุดไหลแล้ว
“นี่ถ้าไม่ใช่เกมคงไม่หายเร็วหยั่งงี้หรอกว่ะ” ผมสังเกตว่าไอริกมันกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
“งั้นก็ไปลุยกันเหอะว่ะ แต่คงต้องกลับทางเดิมแล้วแหละ ข้างล่างคงไม่ไหว”
ผมยิงไปอีกนัดเข้ากลางหัวลุงแก่ๆคนนึงก่อนใช้สันปืนฟาดซอมบี้อีกตัวลงไปนอนบนพื้น ไอริกยิงปืนใส่ซอมบี้ที่ขวางทางพร้อมกับวิ่งฝ่าขึ้นไปยังดาดฟ้า
ผมวิ่งตามมันขึ้นไปพร้อมกับปิดประตูเหล็กโดยเร็วก่อนหลบให้ไอริกที่ไม่รู้ไปลากตู้วางหนังสือมาจากไหนไม่รู้มาขวางประตูไว้ ซึ่งผมคิดว่าไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไร
“ต้องโดดกลับไปตึกเดิมหรอวะเนี่ย !” ริกพูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะทำ
“นั่นสินะ อย่างน้อยก็ยังดีที่ว่า เราโดดจากตึกที่สูงกว่าลงตึกต่ำกว่านะ”
“ไอนั่นน่ะ ไม่ใช่ประเด็นหรอก เจ้าสไนเปอร์นั่นต่างหากที่กูกลัว” ริกตอบ
ขณะที่พวกเรากำลังหมอบพูดกันอยู่เพราะต่างก็กลัวด้วยกันทั้งคู่ อยู่ๆ ก็เกิดเสียงระเบิดหรือเสียงอะไรก็แล้วแต่ที่คล้ายกับว่าตึกถล่มลงมาอย่างไงอย่างงั้นทำเอาเราทั้งคู่ต้องลุกขึ้นดูทันที เพราะตึกที่เราอยู่นี่มันก็สั่นด้วย
..........
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in