เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Cineflixswiftism
Mortal Kombat (2021) - ศึกสองโลก

  • เมื่อพูดถึงหนังจากวิดีโอเกมแล้ว ส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยสนใจอยู่แล้วล่ะครับ ยิ่งเป็นหนังจากเกมที่ไม่ได้เล่นด้วยเนี่ย แทบจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปเลย อย่างหนังชุด Resident Evil เอง ก็ดูจริงๆ จังๆ แค่ภาค 2, 3 กับ 5 ภาคที่เหลือคือไม่ได้สนใจเลยครับ (อาจจะเพราะหลายๆ เสียงที่บ่นกันหนาหูว่าหนังห่วยด้วยแหละ) เรื่องที่จำได้ว่าตั้งใจไปดูจริงๆ ก็มีแค่ Rampage กับ Prince of Persia: The Sands of Time เท่านั้นเองครับ ซึ่งผมก็ชอบทั้งสองเรื่องนะ

    กับ Mortal Kombat เองเนี่ยก็ไม่ได้เล่นเกมมาก่อน อาจจะเคยมีแตะๆ ที่ตู้เกมตามห้างบ้างตอนเด็ก แต่ก็ไม่ได้เล่นแบบจริงจังอะไรขนาดนั้น หนังภาค 1995 นี่ก็ไม่ได้ดู (เคยทำอะไรบ้างวะเนี่ย) แต่ที่ทำให้ตัดสินใจซื้อตั๋วเข้าโรงไปดูก็คือ เทรลเลอร์ครับ

    โอ้โห มันสะกิดต่อมความกระตือรือร้นในตัวผมมากครับ ขนทั้งฉากแอ็คชั่นสไตล์ martial arts พร้อมด้วย element แบบหนังแฟนตาซี และเหนือสิ่งอื่นใดครับ มันเป็นหนังเรตอาร์!! ผมคิดในใจ ต้องดูแล้วแหละ ไม่รู้จักตัวละครก็ไม่เป็นไร ค่อยไปตามอ่านก็ได้ ตอนนี้ขอแค่ได้ดูเป็นพอ คือส่วนตัวชอบหนังแอ็คชั่นแบบเลือดสาดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต่อให้จะไม่เคยเล่นเกม แต่ถ้าทำฉากเตะต่อยออกมาดี ยังไงก็ไม่เสียดายค่าตั๋วครับ


    หนังฉบับนี้เล่าเรื่องของ โคล ยัง (Lewis Tan) นักมวยหางแถวที่จู่ๆ ก็ต้องเข้าไปพัวพันกับสงครามการต่อสู้ระหว่างโลกมนุษย์ (Earthrealm) และเอาท์เวิลด์ (Outworld) ซึ่งโลกเราแพ้มา 9 ครั้งติดแล้ว ถ้าแพ้อีกครั้งเดียวโลกจะตกเป็นของเหล่าผู้ร้ายทันที โคลและพรรคพวกจึงต้องหาทางเอาชนะเหล่าร้ายให้ได้ อื้อหือ พล็อตแบบเก่ากึ๊กมาก รีไซเคิลกันมาเป็นร้อยๆ รอบแล้ว แต่พี่เค้าอุตส่าห์ทำออกมา กำไรก็เป็นของคนดูน่ะสิครับ คือต่อให้พล็อตมันซ้ำ แต่ถ้านำเสนอดี ยังไงมันก็ดี

    แต่กับ Mortal Kombat แล้ว ว่าตรงๆ คือ presentation ของมันค่อนข้างธรรมดาเลยครับ มันเล่าทื่อๆเหมือนไม่ได้ลับมีดน่ะครับ พูดง่ายๆ คือเนื้อเรื่องและการนำเสนอมันเข้าขั้นน่าผิดหวังเลยแหละ แค่นั้นยังไม่พอ การตัดต่อ หรือ pacing หนัง มันดูรีบๆ ไปหมดเลยอะ ทั้งๆ ที่หนังก็ยาวตั้ง 110 นาทีเลยนะ (ส่วนตัวคิดว่าอาจจะเพราะตัวละครมันเยอะ จนต้องแบ่ง airtime ให้พอดีกัน ไหนจะปูเรื่องอีก อันนี้ก็อาจจะเป็นไปได้นะครับ แต่ก็ได้แค่เดานั่นแหละ)

    แต่เชื่อว่าหลายๆ คน (รวมทั้งผม) ไม่ได้ซื้อตั๋วมาดูการนำเสนอนี่ครับ ดูเพราะฉากแอ็คชั่นล้วนๆ ว่ากันที่ส่วนนี้ บอกตามตรงว่าไม่ผิดหวังครับ ไม่ได้มาแบบน้อยๆ แต่แน่น มาแบบเยอะๆ แล้วแน่นทุกฉากด้วย เชื่อว่าแฟนเกมคงคาดหวังกับฉาก Fatality มากทีเดียว แต่ในหนังยังละเลงความบ้าคลั่งได้ไม่เท่าในเกมนะครับ คงเพราะมีเรตติ้งมาจำกัดแหละ แต่ก็มีอยู่บางฉากที่สร้างสรรค์และโหดพอสมควรเลยครับ


    เมื่อให้รวมทั้งการนำเสนอกับฉากแอ็คชั่นแล้ว รวมๆ คือมันยังไม่ได้ดีขนาดนั้นน่ะครับ จริงแหละที่ฉากเตะต่อยมันสนุกใช้ได้เลย แต่เมื่อบวกกับ execution ที่ธรรมดาแล้ว มันเลยรู้สึกว่าทั้งเรื่องมันจืดๆ ไปเลย ส่วนตัวคิดว่าหนังไม่มีฉาก climax ด้วยซ้ำ เพราะการถ่ายทอดอารมณ์มันไม่ผ่านอะครับ มันไม่มีจังหวะไหนที่เรารู้สึกว่ามันพีค หรือตอนไหนที่รู้สึกว่ามันดร็อป เพราะทั้งเรื่องมันมีโทนเดียวเลย (คิดว่าดร็อปซะส่วนใหญ่) ไม่รู้สึกว่ามีตัวละครคนไหนที่น่าสนใจหรือคอยเอาใจช่วยให้รอดไปจนจบเรื่อง ซึ่งก็ต้องย้อนไปตอนที่เกริ่นไว้ก่อนหน้าว่า คงเพราะมันมีอะไรจะเล่าเยอะ แต่ด้วยเวลาที่จำกัด มันเลยได้แค่นี้จริงๆ (หรืออาจจะอีกเหตุผลนึงคือ ผู้กำกับ Simon McQuoid (ซึ่งกำกับเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก) ยังมือไม่ถึง รสชาติจึงออกมาไม่ค่อยลงตัวนัก)

    ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมก็ยังรู้สึกว่า MK (ไม่ได้หมายถึงร้านอาหารเจ้านั้นนะครับ แหะๆ) เป็นหนังที่แม้จะยังหนีคำสาปหนังจากเกมไม่พ้น แต่มันก็ยังสนุกและตอบโจทย์คอหนังแอ็คชั่นแบบผมได้ในระดับนึง ไม่รู้เหมือนกันว่าแฟนเกมจะชอบมากน้อยแค่ไหน แต่เท่าที่สังเกตก็เห็นว่ามี easter eggs และแฟนเซอร์วิสเยอะพอสมควรเลยครับ ก็ลองไปตัดสินด้วยตาตัวเองกันได้ครับ แต่สำหรับผม ตอนนี้ขอไปหาอ่าน lore ของเกมนี้ก่อนละกันนะครับ เพราะดูจากในหนังแล้ว ผมคิดว่าจักรวาลนี้ยังมีอะไรให้เล่าอีกเยอะเลย

    Score: 6.5/10

    Directed by: Simon McQuoid
    Story by: Oren Uziel, Greg Russo
    Screenplay by: Greg Russo, Dave Callaham
    Genre: Action, Adventure, Fantasy
    Runtime: 110 mins

    ขอบคุณทุกๆ คนที่เข้ามาอ่านครับ ^^

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in