เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Cineflixswiftism
Peninsula (2020) - เมืองซอมบี้


  • ไม่ได้เขียนนานแล้วเหมือนกันนะครับเนี่ย จริงๆตั้งใจว่าจะรีไทร์ไปเลย ไม่เอาแล้ว ต้องทุ่มพลังกับหลายๆ อย่างมาก ณ ตอนนั้น แล้วช่วงที่หยุด (ต้นมีนา) นี่ไวรัสระลอกแรกเพิ่งมาถึงพอดี โรงหนังก็ปิด หลายๆ อย่างก็ชะงักตาม เลยคิดว่าทำไมหยุดเขียนได้เหมาะเจาะกับเวลาแท้ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะกลับมาเขียนครับ เพราะว่าคิดถึงมากจริงๆ 5555555

    เข้าเรื่องเลยนะครับ Peninsula นี่ก็คือภาคต่อ (?) ของ Train to Busan หนังซอมบี้สัญชาติเกาหลีที่ฮิตโลกแตกมากเมื่อปี 2016 (เป็นหนังที่ผมรักมากเช่นกัน) แต่ว่ากันตรงๆ นะครับ มันไม่ใช่ภาคต่อหรอก มันเหมือนเอาชื่อ Train to Busan มาแปะ แล้วสานต่อเรื่องราวใหม่ในจักรวาลเดียวกันมากกว่า เพราะทั้งสองเรื่องนั้นแทบไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย

    หนังว่าด้วยทหารรับจ้างกลุ่มนึงที่ต้องเดินทางกลับเข้าไปยังเกาหลี ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว เพื่อที่จะนำรถบรรทุกที่ขนเงินหลายล้านดอลลาร์ไว้ออกมาให้ได้อย่างปลอดภัย แต่เมื่อเกิดการผิดแผนขึ้น พวกเขาจึงต้องหาทางเอาตัวรอดออกมาจากแดนนรกแห่งนี้ให้ได้ไม่ว่าแผนจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม

    (source: IMDb)
    หนังเปิดเรื่องมาเจ๋งมากครับ 10 นาทีแรกนี่คือตราตรึงมาก แต่เมื่อหนังพาเราเดินทางกลับสู่เมืองร้างเกาหลี มันก็กลายร่างเป็นแค่หนังแอ็คชั่นซอมบี้ดาดๆ ไปซะอย่างนั้น ซึ่งจริงๆ มันก็สนุกแหละ มันยังเป็นหนังที่ตอบโจทย์ในแง่ของความบันเทิงเต็มเปี่ยมไม่แพ้ภาคแรก (อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำเพราะมันเปลี่ยนโทนมาเป็นแอ็คชั่นเต็มสูบ) แต่ในแง่ของความทะเยอทะยาน ผมว่ามันท่าดีทีเหลวอะ

    ตัวละคร การเดินเรื่อง หรือฉากเรียกน้ำตา มันไปไม่ถึงจุดที่ภาคแรกเคยทำไว้เลยสักนิด ตัวละครในเรื่องนี่ไม่ได้แย่เลยนะครับ แต่มันแทบไม่มีตัวละครไหนที่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย มัน bland ไปหมดเลย หรือจะซีนดราม่าชวนน้ำตาไหลเองก็... เอาจริงๆ ชื่นชมคนทำหนังเกาหลีมากนะครับ เค้าตีดราม่าแตกมาก ทุกเรื่อง ทุกแนว ต่อให้จะบู๊ระห่ำแตกหรือฮาน้ำตาเล็ดแค่ไหน พี่เค้าหาวิธีก็ใส่ดราม่าเข้ามาได้เหมาะมาก แต่กับ Peninsula นี้ มันอยู่ในระดับที่เรียกว่า overdramatic ไปหน่อย ถ้าใครดูภาคแรกมาก่อน เรื่องนี้มันก็อีหรอบนั้นเลยครับ แต่คูณสาม... คูณจนเครื่องคิดเลขระเบิดไปเลย

    (source: IMDb)
    แต่ก็พอกล้อมแกล้มได้เพราะหนังยังดูสนุกมากๆ อยู่ และที่เค้าบอกว่าจะขายแอ็คชั่น พี่เค้าก็จัดให้ตามสัญญา หนังเลยอุดมไปด้วยฉากไล่ล่ายิงกันแบบ non-stop โดยเฉพาะการไล่ล่าด้วยรถยนต์นี่ชวนให้นึกถึง Fast & Furious อย่างที่ลือกันจริงๆ ด้วย ท้าทายกฎฟิสิกส์กันตู้มต้ามขนาดที่ว่าไอแซ็ก นิวตันมาเห็นต้องมีน้ำตาออกหูกันไปข้าง

    ส่วนตัวผมมองว่า ถ้าไม่เอาชื่อ Train to Busan มาแปะ ผมอาจจะรู้สึกโอเคกับมันมากกว่านี้ก็ได้ แต่ด้วยความที่มันออกตัวเองเลยว่ากูเป็นภาคสองนะ แล้วผลลัพธ์มันต่างจากภาคแรกลิบลับ มันก็อดผิดหวังไม่ได้จริงๆ นะครับ แต่ถ้ามองในแง่ของหนัง standalone เรื่องนึง มันก็โอเคเลยแหละ

    จริงๆ โปรแกรมหนังเข้าโรงช่วงนี้ซบเซามากนะครับ สงสารคนทำหนังมากๆ เลย ส่วนใหญ่ที่ฉายๆ อยู่นี้ก็ฟอร์มเล็กๆ ทั้งนั้น Peninsula นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีเลยล่ะครับถ้าใครอยากดูหนังฟอร์มโตสนุกๆ สักเรื่อง เอาใจช่วยคนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์นะครับ หวังมากๆ ว่าปัญหาในตอนนี้จะผ่านไปเร็วๆ ขอให้ทุกคนดูแลตัวเองมากๆ และสนุกกับการดูหนังนะครับ :D

    ปล. : จริงๆ เริ่มไม่อยากให้คะแนนแล้วครับ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นการตีค่าของหนังเรื่องนั้นๆ แบบออกหน้าออกตาไปหน่อย แต่ก็มาคิดๆ ดูแล้วว่าทุกอย่างมันก็เป็นความเห็นส่วนตัวนี่นา ต่อให้เราจะให้ 1/10 หรือ 10/10 มันก็เป็นเกณฑ์ส่วนตัวของเราเอง เจตนาเราก็ไม่ได้จะตีค่าสิ่งๆ นึงด้วยตัวเลขอยู่แล้ว ใครคิดเห็นยังไงร่วมแสดงความคิดเห็นมาได้นะครับ :-)

    ปล. 2 : ผมดูแบบเสียงเกาหลีต้นฉบับเลยครับ ไม่ทราบว่าเสียงไทยเป็นยังไง แต่เท่าที่ถามจากเพื่อนหลายๆคนที่ไปดูมา บอกว่าใช้ได้เลยครับ ทีมพันธมิตรเจ้าเก่านี่แหละ

    Score: 7/10

    Directed by: Yeon Sang-ho
    Written by: Park Joo-suk & Yeon Sang-ho
    Genre: Action, Drama, Horror
    Runtime: 114 mins
     
    ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านครับ ^^

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in