เสียงดังเปาะแปะจากนอกหน้าต่างชวนให้ผมเหม่อลอย ผมมองท้องฟ้าวันนี้ที่มืดเร็วกว่าทุกวันจากพายุฝน เคยมีคนบางคนบอกผมว่า เวลาฝนตกไม่ว่าเราจะเป็นใคร จะสูงใหญ่ หรือสถานะไหน เราทุกคนต่างล้วนมีความรู้สึกต่อสภาพอากาศอันเปียกชื้นชุ่มฉ่ำนี่ไม่มากก็น้อย
สำหรับผมเมื่อได้นั่งมองฝนตกเปาะแปะเงียบ ๆ เพียงลำพังในห้องนอนแอร์เย็นเฉียบไม่แพ้อุณหภูมิข้างนอก ผมมักชอบคิดมากถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ทั้งที่รู้ดีว่ามันเรียกหวนคืนมาไม่ได้ กระนั้นผมยังคงนึกถึงมันราวกับเป็นม้วนเทปตลับถูกกรอกลับมาเล่นเพลงใหม่อยู่ร่ำไป
ผมเคยสาบานกับตนเอง ว่าผมจะทิ้งทุกอย่างไว้ที่นั่น ไม่เอามันกลับมานึกถึงอีก ทว่าทุกครั้งที่ต้องแวะไปเยี่ยมเยียนอย่างจำยอมเสียมิได้ ม้วนเทปของผมจะถูกเล่นซ้ำอีกรอบตลอด
มีทั้งความสุขเป็นเพลงจังหวะป๊อปฟังสบาย มีทั้งเพลงร็อคหรือเมทัลยามเมื่อเกรี้ยวกราดประหนึ่งใครมาจุดไฟเผาไก่กินต่อหน้า หรือกระทั่งเพลงบลูกับเพลงคลาสิค ที่บางเวลาก็ให้ความสงบ และบางเวลาก็อาจมอบความเศร้าอย่างที่ตัวเองคาดไม่ถึงเช่นกัน
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ความรู้สึกของผมเป็นจังหวะเพลงประเภทไหนกันแน่ ผมเศร้าที่ผมคิดถึงอดีตด้วยความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าถ้ามันย้อนคืนมาได้คงดี แต่อีกใจหนึ่ง ผมกลับรู้สึกว่าก็ดีแล้วที่มันเป็นแบบนี้ ชีวิตไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนไปตลอดหรอก
เพราะฉะนั้นเพลงของผมตอนนี้คือ "เพลง" ของผม ไม่มีประเภทไหน ไม่มีการจำกัดอะไร ผมรู้เพียงว่าผมจะฟังมันวนไปอยู่อย่างนี้
ตราบจนกว่าชีวิตของผมจะหมดลมหายใจ เช่นเดียวกับวันที่ม้วนเทปตลับเก่า ๆ นี้ชำรุดเสียจนมิอาจนำมาฟังได้อีกต่อไป
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in