เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
(Short Story) The Sun's In My Heartรั่วชิงบ้านสกุลหาน
The Sun's In My Heart: Chapter 2
  • ผมอยากจับไหล่ผู้หญิงคนนี้แล้วเขย่าแรงๆคราหนึ่ง จากนั้นก็ตะโกนใส่หน้าเธอว่า “เธอมันผู้หญิงบ้า! ต้องการท้าทายจริงๆ ใช่มั้ย! เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!” จากนั้นก็โยนเธอเข้าห้องดำของหน่วยงานผมจะยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะจัดการฝังชิปเข้าไปในสมองจากนั้นก็ค่อยๆ บ่มเพาะความคิดที่ถูกต้อง ถูกหลัก และถูกกฎลงไปในสมองเธอ

    แต่น่าแปลกที่ผมกลับไม่ได้ทำแบบนั้นที่ผมทำมีแค่การเข้าเกียร์หลังสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ผมขับรถต่อไปเรื่อยๆกระจกฝ้ามาก แต่นัยน์ตาผมฝ้ากว่า ต่อจากนั้นก็ได้ยินเสียงเธอดังอีกครั้งที่ข้างหู

    “มันเป็นเรื่องปกติที่เราต้องทำตามกฎทุกคนเกิดมาก็เจอกับคำๆ นี้แล้วฉันเดาว่าคุณเกิดในช่วงของเดือนกันยาหรือไม่ก็ตุลาสินะ แล้วคุณก็คงจะชื่อ...อืม ลูคัส?”

    ผมไม่มีปฏิกิริยาใดกับเธอ

    “อีธาน? โนอา?”

    ผมกะพริบตา

    “โนอา” เธอกล่าวซ้ำอย่างมั่นใจแล้วขยับหลังพิงเบาะในท่าที่สบายขึ้น “ฉันต้องรู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้วนั่นเพราะมันเป็นเรื่องปกติมากที่ว่าหากผู้หญิงอายุ 30 ปีคนไหนยังไม่แต่งงาน กองกำลังแห่งความผาสุกจะจัดหาคู่แต่งงานให้ครอบครัวไหนต้องการมีลูกก็ต้องไปลงทะเบียนล่วงหน้าจากนั้นพวกเขาจะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมในฤดูกาลศักดิ์สิทธิ์ช่วงเดือนมกราคมซึ่งต่อมาในเดือนกันยาหรือตุลา เด็กๆ โขยงหนึ่งจะลืมตามองโลกใบนี้พวกเขาจะถูกเรียกด้วยชื่อที่คล้ายกัน แต่ทำไงได้ เรามีให้เลือกแค่เจ็ดชื่อเท่านั้นจริงมั้ยโนอา”

    ผมรู้สึกได้ว่าเธอเอียงคอมองผมแต่ผมไม่สบตาเธอ กระจกฝ้าอีกแล้ว ผมสั่งงานให้ที่ปัดน้ำฝนทำงาน แต่ดวงตาก็ยังพร่าอยู่ดี

    “ฉันยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ว่าเด็กๆพวกนั้นจะมีเวลาอยู่กับพ่อแม่ของพวกเขาแค่ 90 เลยนะ คุณเองก็เป็นหนึ่งในนั้นแหงล่ะ หลังจากถูกเห่กล่อมในเปลเล็กๆ พบครบ 90 วัน คนแบบ “พวกคุณ”ก็จะมากระชากเด็กๆ ออกไปจากเปลเพื่อเข้าโรงเรียน เด็กส่วนหนึ่งที่มีแววก็จะถูกแยกออกไปเป็นพิเศษเพื่อรับหน้าที่เป็น“เครื่องแบบแห่งความผาสุก” เหมือนอย่างคุณไง”

    “แต่นั่นคือสิ่งที่เราปฏิบัติมานานแล้ว”ผมแย้งขึ้น แปลกใจที่น้ำเสียงค่อนข้างแหบแห้ง

    “เพราะมันคือกฎไงล่ะ”หญิงสาวที่ผมไม่รู้จักชื่อคนนี้ขยับนิ้วเช็ดกระจกเบาๆ “คุณอยากรู้มั้ยว่าฉันชื่ออะไร”

    ผมไม่สนใจจะตอบคำถามของเธอแม้สิ่งที่เธอพูดมาจะเป็นเรื่องไร้สาระที่สุดในโลกนี้แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอพูดถูกคือเราชายหญิงล้วนมีชื่อให้เลือกใช้กันเพียงเพศละเจ็ดชื่อ

    “ฉันชื่อสตาร์ดัส”

    ผมมึนงงไปแวบหนึ่ง “อะไรนะ?”

    “สตาร์ดัส” เธอพูดซ้ำ “ชื่อของฉันน่ะแปลกใจใช่มั้ยที่ไม่ใช่ชื่อจำพวกเอ็มม่า โซเฟีย ไมอา...”

    “ใครเป็นคนตั้งชื่อนั้นให้เธอ”ผมพูดขัด จากนั้นก็ส่ายหน้า “ไม่ใช่สิ เธอเกิดเดือนอะไร”

    คิ้วคู่นั้นของเธอเลิกขึ้นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แสนกลกลับมาอีกครั้ง “มีนา”

    “ความผาสุก...” ผมครางออกมาเบาๆ

    “ความผาสุก ใช่แล้ว ความผาสุก”เธอ...สตาร์ดัสต์โคลงศีรษะ “คุณปู่เล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนพวกเขาจะอุทานด้วยคำว่า“พระเจ้า” แต่กองกำลังแห่งความผาสุกออกมาพูดว่าพระเจ้าไม่มีจริงพร้อมกับทำลายหนังสือหรือสื่อต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ทิ้งจากนั้นก็ทำหนังสือของตัวเองขึ้นมาเพื่อบอกให้ทุกคนรู้ว่าพระเจ้าเป็นเรื่องจอมปลอมความผาสุกต่างหากที่เป็นของจริง”

    ชั่วขณะหนึ่งผมรู้สึกกลัวนี่ไม่ใช่หัวข้อที่ดีที่จะหยิบยกมาเป็นบทสนทนา เราไม่ควรตั้งคำถามกับสังคมของเราและหน้าที่ของผมคือการหยุดยั้งไม่ให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้น มันคือหน้าที่มันคือสิ่งที่ผมต้องกระทำ มันคือกฎ

    ร่างกายผมสั่นสะท้านอย่างไร้เสียงอีกหนรอยรั่วแห่งความสงสัยใคร่รู้ขยายใหญ่มากกว่าเดิม ดำมืดและลึกล้ำสั่นคลอนเข้าไปในแก่นกลางของความคิด ที่ที่มีเศษเสี้ยวหนึ่งของความไม่เห็นด้วยนอนนิ่งอยู่ตรงนั้นก่อนที่มันจะค่อยๆ โงหัวขึ้นมาราวกับสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง

    จมูกของมันสูดดมกลิ่นแห่งความสงสัยน้ำลายมันไหลยืดให้กับความแปลกแยก กรงเล็บคล้ายจะค่อยๆขยับราวกับเตรียมพร้อมที่จะฉีกกระชากทุกกฎเกณฑ์ที่คุมขังมันเอาไว้ไม่ให้มีอิสระ

    “และพวกเขาก็มีหลายร้อยวิธีที่จะควบคุมคุณ”เสียงของสตาร์ดัสต์ยังคงดังต่อไป “คุณจะฟังเพลงพวกนี้ไม่ได้ ดูละครเหล่านี้ไม่ได้อ่านหนังสือชวนหัวเล่มนั้นก็ไม่ได้ นี่สิ เราแต่งเพลงพวกนี้ให้คุณ ร้องเลย เอ้าเรามีละครของเราแล้วนะ ดูเข้าไป แล้วก็ตรงนี้ นี่คือหนังสือที่หัวหน้ากองกำลังแห่งความผาสุกเขียนขึ้นมาเองท่านแจกให้ทุกคนฟรีๆ รับกันไปคนละหลายๆ เล่ม นั่นแหละ ทำดีมาก”

    เธอหยุดกลืนน้ำลาย น้ำเสียงเปลี่ยนมาอยู่ในระดับปกติ

    “และนั่นจึงเป็นที่มาของอารยธรรมที่ทุกคนมองว่ามันคือของจริงและน่าเชิดชูไงล่ะเรื่องพวกนี้ล้วนต้องใช้เวลาทั้งนั้น แต่ก็อย่างที่เห็น...ความคิดร้ายกาจของมนุษย์ย่อมเอาชนะกาลเวลาได้เสมอ”

     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in