หวัดดีค่ะ ปกติเราจะเขียนรีวิวเที่ยวของตัวเองลง pantip.com ในนาม "ปูนบอท" 555

รอบนี้มันประหลาดเพราะรู้สึกขี้เกียจอัพรูปมากนัก เอากล้องไปถ่ายก็จริง แต่ก็ไม่ค่อยรู้สึกอยากแชร์เท่าที่ควร -0- สงสัยอาจอยู่ในภาวะเนือย เบื่อหน่ายกับหลายสิ่งมั้ง ว่าแล้วก็ขอเขียนกลางที่ทำงานเนี่ยละ

จุดเริ่มต้นของทริปนี้ ก็เป็น goal ในทุกปีของเราต่อจากนี้ว่าจะต้องมา "ทริปเที่ยวคนเดียว" อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ที่ไหนก็ได้ในโลกใบนี้ ตามแต่เวลาและงบประมาณที่มี ปีที่แล้วไปเกาะพยาม จ.ระนองมาค่ะ 

เราเลยรู้สึกว่าต้องเป็นจังหวัดที่ไม่คึกคักมากนัก 

หลังจากทำการ research ประมาณนึง ในเดือนพ.ย. 59 ก็เลยตัดสินใจเลือกนครศรีธรรมราช ซื้อตั๋วนกแอร์ในช่วงโปร บินไป-กลับ ประมาณ 1,800 บาท ซึ่งเราโอเคกับเรทนี้ ก็เอ้า กดจองค่ะ 555

จองตั๋วบิน 3 ก.พ. 60 กลับ 5 ก.พ. 60 ละก็ไม่จองที่พักเพราะมีข่าวน้ำท่วม ก็เออ ไว้ค่อยชัวร์ว่าไม่ท่วมค่อยจอง ละก็จองผ่าน booking.com เหมือนเดิม ก็เลือก "บ้านต้นน้ำโฮมสเตย์ คีรีวง" สองคืน 1,840 บาท ก็โอเค จอง + คุยรายละเอียดกับทางโฮมสเตย์ก่อนไปว่ามีอะไรเตรียมให้บ้าง จะได้ไม่แบกไปเก้อ

3 ก.พ. 60

วันเดินทาง บินไปค่ะจากดอนเมือง ลงสนามบินนครศรีธรรมราชประมาณ 10.30 น. มีผู้ชายที่ลงเครื่องด้วยกันขอให้เราถ่ายรูปเขากับเครื่องบินให้หน่อย ก็โอเคถ่ายเสร็จ พอหยิบกล้องตัวเองออกมา "no card in your camera" ตึงง ทำไมเฟอะฟะระดับไม่ใส่เมมโมรี่การ์ดมา กรี๊ด ละก็ได้แต่คิดว่าในเมืองจะมีร้านขายเมมกล้องมั้ยวะ และเฟิร์นก็บอกในไลน์ว่า "เมืองนครไม่ได้แร้นแค้นขนาดนั้น" 555 แล้วก็โบกแท็กซี่จากสนามบินไปวัดพระธาตุ 200 บาทถ้วน ปลิวไป 4,000 บาทได้ละทริปนี้ 555 

พอถึงวัดพระธาตุ เห้ย ไม่ถ่ายรูปไม่ได้อะ กว่าจะมาใต้ขนาดนี้ เลยแว้นวินไปหาร้านถ่ายรูป ซื้อเมมใหม่ 190 บาท แว้นวินกลับมา เข้าวัด ไหว้พระ เก็บรูปวนไปค่ะ 

จบมิชชั่นสายบุญ ภารกิจต่อไปคือหามื้อเที่ยงกิน ละก็จำได้ว่าร้านดังในแถบนี้มีชื่อว่า "ร้านโกปิ๊" และสอบถามจากแท็กซี่มาว่า ล่าสุดมีหลายสาขา ในสนามบินก็มีจ้า แต่ออริจินัล ร้านดั้งเดิมคืออยู่ข้างศาลากลางจังหวัด ก็โอเค โบกสองแถวจากหน้าวัดพระธาตุไปจอดซอยข้างศาลากลาง ละเดินไปร้านค่ะ 

(ที่แบกคือกระเป๋าไนกี้สีฟ้าใบโปรดน้ำหนัก 6.1 กก. ตามที่โหลดขึ้นเครื่องบินและกระเป๋ากล้องที่หนักประมาณ 2 กก.) รู้สึกหนัก แต่เที่ยวคนเดียวแบบแบคแพคก็ต้องทำใจในเรื่องนี้เด้อ 555

และนี่ก็คือร้านโกปิ๊สาขาดั้งเดิมค่า ชอบบรรยากาศร้าน เมนูด้านบนนี้คือ "บะกุ๊ดเต๋" ให้อารมณ์หมูตุ๋นยาจีน อร่อยอยู่และมีขนาดสำหรับ 1 ท่านด้วย เหมาะกับมนุษย์เที่ยวคนเดียวแบบเรามากๆ 

(ลืมถ่ายโอวัลตินเย็นที่อยู่บนโต๊ะนั้นด้วย - ของโปรดเราเอง ไปไหนต้องมีโอวัลตินที่นั่น *-*)

แล้วก็มาถึงขั้นตอนต่อรถจากอ.เมือง ไปยังอ.ลานสกา ซึ่งหมู่บ้านคีรีวงที่เราจะไปอยู่ ณ ที่นั้น นครศรีธรรมราชดูมีไม่กี่อำเภอ แต่ว่าแต่ละอำเภอค่อนข้างไกลจากกันมากก ยอมใจ 

เราโบกสองแถวจากซอยข้างศาลากลางไปยังหน้าอาชีวะ เพราะถามคนขับสองแถวว่าสองแถวที่จะไปคีรีวงขึ้นที่ไหน และถามคนที่ขึ้นสองแถวด้วยกัน ถามคนข้างทาง ถามแหลกมาก 555 และก็เจอป้ายในที่สุด มีคนขึ้นประมาณ 2-3 คน รถก็ออกละ ดี๊ดี ;) 

บรรยากาศขมุกขมัวมาตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินละ กลัวฝนตกก่อนถึงที่พักมาก แต่ดีนะไม่ตก แฮ่

ในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้านคีรีวงค่ะ แอบกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เพราะลุงที่ขับสองแถวขับซึ่งขึ้นเขางี้ 

พอถึงคิวรถที่สะพานของหมู่บ้านคีรีวง ก็เลยตะโกนบอกลุงคนขับว่าไปส่งบ้านป้าดา น้ำตกวังไม้ปัก 

ก็นั่งมาอีกสักพัก ละก็จ่ายค่ารถ 50 บาท 

พอเช็คอิน ทักทายคุณลุงคุณป้าเจ้าของโฮมสเตย์ ก็หายตัวไปในห้อง สลบค่ะ 55555555 นอนทั้งบ่าย

ตื่นอีกที 5 โมงเย็น ป้าบอกว่าวันนี้ยังไม่ต้องปั่นจักรยานหรอก ซ้อนมอไซค์ป้าไปสำรวจเส้นทางในหมู่บ้านก่อน + หามื้อเย็นด้วย ก็โอเค ไปค่ะ ! 5555555 

ได้ "เหนียวไก่" มาเป็นมื้อเย็น พร้อมนมกล่อง ขนมแบบโลซาน ฟันโอ ไรงี้ ตุนเหมือนว่าจะไม่ได้ออกไปข้างนอกอีก 555 แล้วก็นอนอ่านหนังสือในห้อง ลุงป้าชวนดูทีวีแต่เราก็อยากอยู่คนเดียวมากกว่า ก็เลยไม่ได้ไปแจม แต่ลุงป้าบอกว่าพรุ่งนี้ 6 โมงเช้าตื่นไปปั่นจักรยานกัน ก็โอเค รีบนอน เย้ 

4 ก.พ. 60

05.30 น. ตื่นมา ฝนตกหนักมาก แอบกลัวน้ำท่วม ฝนตกหนักในระดับที่คิดว่าแพลนปั่นจักรยานล่มแล้ว และล่มจริง 5555 แต่ก็อาบน้ำสระผมแล้วอะ ก็เลยเออออกมานั่งดูบรรยากาศตอนเช้าก็ได้ เมื่อฝนซา

08.00 น. ฝนเริ่มเบาลง แต่เราก็รู้สึกว่ามันแทบไม่รู้สึกแล้ว ก็เลยใส่หมวก, เสื้อแขนยาว ปั่นจักรยานยามเช้ากันหน่อย

ฟินมาก ชอบหมอกตอนเช้า และหน้าก็สดมาก 55555555 ปั่นต่อไปค่ะ !!!! #เอาจักรยานแม่บ้านมาวิบาก

ทรัพย์สมบัติบนจักรยานก็ประมาณนี้ กระเป๋ากล้อง ที่ข้างในมีเพาเวอร์แบงค์, สายชาร์จกล้องและมือถือ, กระเป๋าตัง, หูฟัง ส่วนในถุงพลาสติกนั้นมีน้ำเปล่า 1 ขวดกับร่ม #เที่ยวคนเดียวต้องเตรียมพร้อมตลอดเว

ไม่รู้ทำไม แต่เราชอบรูปนี้ที่สุดในทุกรูปที่ถ่ายมาเลย อาจเพราะมีคุณลุงเดินอยู่ในช็อตที่เหมาะพอดี :)

บรรยากาศตลาดในตอนเช้า ร้านค้ามักจะขายกันตามกระท่อมแบบนี้ 

ปั่นมาถึงวัดคีรีวงแล้ว ก็เลยเข้าไปจุดธูปเทียนไหว้พระ แล้วก็เข้าร้าน OTOP ได้ทุเรียนกวนมา 2 แพ็ค 

อ้อ ที่หมู่บ้านมีกิจกรรมของชาวบ้านหลายกลุ่มนะ แต่เราไม่ได้แวะเข้าไปดูงานสักกลุ่มเลย 

#ทั้งที่ตอนเป็นมนุษย์ค่ายอยู่ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์แท้ๆ 555 

ที่นี่มี "กลุ่มลายเทียน", "กลุ่มผ้าบาติก", "กลุ่มลูกไม้" และ "กลุ่มใบไม้" จำได้ประมาณนี้นะ

และเราแวะซื้อชาเขียวเย็นจากร้านชาพะยอม #เพราะชีวิตขาดหวานไม่ได้ #จะเบาหวานละ 555

ละก็กลับมานั่งอ่านหนังสือ ฝึกเขียนคำฟ้อง คำร้อง ฯลฯ ไว้สอบใบอนุญาตทนายความที่ที่พักกันต่อ ฮึ้บ

 

12.00 น. เริ่มหิวมื้อเที่ยง ลุงป้าบอกให้โทรหาร้านข้าวปั้น ร้านอาหารเจ้าประจำที่โฮมสเตย์จะแนะนำให้ลูกค้าสั่งอาหาร ปรากฎโทรไป ร้านปิดจ้า ที่นี้ป้าเลยเสนอว่าเดี๋ยวพาแว้นไปหาอะไรกิน ก็เลยบอกป้าว่าอยากกินส้มตำค่ะ 555 ป้าก็พาไปกินร้านยุ้ยอยู่เส้นทางไปกลุ่มใบไม้ อร่อยยู้ ละก็แว้นกลับที่พัก 

อ่านหนังสือ เล่นมือถือตามเดิม 

16.00 น. ลุงป้าเริ่มไซโคให้ออกไปปั่นจักรยานอีกสิ หรือขี้เกียจแล้ว? เจอคำว่าขี้เกียจเลยแบบ อ่ะ ไปก็ได้ 5555 ก็เลยวางชีทกฎหมายทั้งหลายและออกไปปั่นอีกรอบค่ะ รอบนี้เหลือเส้นทางของกลุ่มใบไม้กับกลุ่มลูกไม้ที่ยังไม่ได้ผ่าน ก็เลยโอเคไปหน่อย นานๆมาที

เอาอีกแล้ว เสียเหงื่อทีก็แวะกินน้ำหวานอีกแล้ว รอบนี้ชาเย็นค่ะ 5555555

ที่พักเราจะอยู่ทางซ้ายมือของคลองในรูปนี้แหละ ตรงไปเรื่อยๆเลย ส่วนทางขวาของคลองเหมือนจะเข้าป่านะ คิดว่า 

และนั่นก็คือสะพานคีรีวงที่เราแวะถ่ายเซลฟี่ตัวเองเต็มจอแล้วในช่วงเช้า เป็นสถานที่ที่มีคนแวะเซลฟี่ตลอดเวลา ป้อมทางขวามือคือท่ารถสองแถวนครศรี-คีรีวง นั่นเองจ้า 

อันนี้เป็นวิวจากการปั่นข้ามสะพานคีรีวง เลียบแม่น้ำไปเช่นกัน ไปทางกลุ่มลูกไม้ค่ะ

แล้วก็ปั่นข้ามสะพานกลับมา เข้าโซนของกิน ช้อปปิ้ง ตุนเสบียงและกลับที่พัก :)

5 ก.พ. 60 

เช้าวันกลับ รู้สึกใจหายเล็กน้อย อยู่ที่นี่เหมือนอยู่บ้านเลย ต้องกลับไปเผชิญความจริง ความวุ่นวายในกรุงเทพ และชีวิตการทำงานอีกแล้วเหรอ? 

ปลาที่อยู่ในน้ำตกวังไม้ปักนี้คือปลาพวง ตัวใหญ่มาก และดูพยายามว่ายทวนกระแสน้ำ นึกถึงปลาแซลมอนเวลาดู National Geographic จริงๆนะ 

โมเมนท์การโยนอาหารปลา ตีน้ำกันแรงมาก แย่งอาหาร จนกลัวว่าเลนส์กล้องจะเป็นอะไรมั้ย 555

ต้องไปแล้วเนอะ กลับกรุงเทพเมืองฟ้าอมรของเรา หื้มม *ถอนหายใจยาว*

รูปนี้ก็ให้คนข้างทางที่มาเที่ยวน้ำตกถ่ายให้เหมือนเดิม 

ทริปนี้อาจไม่ได้มีผจญภัยโลดโผนอะไรมากนัก เหมือนเปลี่ยนที่นอนและที่อ่านหนังสือมากกว่า แต่ว่าเราก็ชอบที่นี่นะ เราชอบความธรรมชาติของที่นี่ และเราจะกลับมาอีก เราจะกลับมาขึ้นเขาหลวงด้วย 

ปล.งบประมาณหมดไปทั้งสิ้น

ค่าเครื่องบินไป-กลับ 1,800 บาท 

ค่าที่พัก 2 คืน 1,800 บาท 

ค่าแท็กซี่จากสนามบินมาวัดพระธาตุ 200 บาท

ค่าแว้นวินมอไซค์ไปซื้อเมม 100 บาท

ค่าเมม 190 บาท

ค่าดอกไม้ไหว้พระ + ทำบุญ ที่วัดพระธาตุ 50 บาท

ค่าอาหารร้านโกปิ๊ 120 บาท

ค่ารถสองแถว (ในเมือง) 20 บาท

ค่ารถสองแถวไปคีรีวง 50 บาท

ค่าอาหารมื้อเย็นและเสบียงวันแรก 100 บาท

ค่าอาหารวันที่สอง ประมาณ 150 บาท

ค่าเหมารถสองแถวไปส่งสนามบิน 400 บาท 

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ แล้วเจอกันทริปหน้า :)))