สวัสดี เราชื่อปูน จบนิติ มธ. รุ่น 54 (จบปีที่แล้ว) นี่คือการเขียนลง minimore ครั้งแรก แฮ่ ^^
จากสถานการณ์นี้ หลายคนคงมองว่า “เปลี่ยนงานบ่อยจัง”
หรือถ้าในมุมของประชากรรุ่นพี่ที่เป็นคนรุ่น Gen X
หรือรุ่นพ่อแบบ Baby Boomer ก็คงส่ายหัวให้กับการกระทำเช่นนี้
และคงกล่าวได้ว่า “ไม่มีความอดทนเอาเสียเลย”
แต่ทำไมในฐานะคน Gen Y ด้วยกัน กลับมองว่า
“ก็เป็นสิทธิของเรา”
“ชีวิตเราเราเลือกได้ว่าจะทนต่อหรือออกมา”
“ทำงานที่ทำแล้วมีความสุขเถอะ”
ตอนนี้สิ่งหนึ่งที่คิดว่าพบในตลาดแรงงานปัจจุบัน ไม่แน่ใจว่าเป็นแค่ในไทยไหมหรือทุกประเทศ
(เพราะยังไม่เคยไปนั่ง research จริงจัง 55)
เราคิดว่าช่องว่างระหว่าง generation และการไม่ปรับตัว หรือ compromise เข้าหากัน
ไม่จูนกัน และฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายมีสิ่งเล็กๆที่เรียกว่า Ego นำ
ทำให้ปัญหาที่เกิดกลายเป็นว่าต้องมีคนใดคนหนึ่งลาออกไป เพราะไม่มีใครคิดจะแก้อะไร
หรือคิดหาวิธีแก้ฝ่ายเดียวก็คงไม่ช่วยอะไร #ตบมือข้างเดียวกี่ครั้งมันก็ดังไม่ได้ 555
Q: แล้วทำไมไม่ทนอยู่ต่อไปก่อน เผื่อจะแก้ไขปัญหาได้ในอนาคต?
หรือ ทำไมไม่ปล่อยวาง แล้วฟังผู้ใหญ่ เขาอาบน้ำร้อนมาก่อนนะ ฯลฯ
A: อันนี้ส่วนตัวนะ เราคิดว่าเราเป็นคนที่ประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า
เรา analyze คนที่เราทำงานและมี effect กับเราโดยตรง ว่าเขาเป็นคนยังไง จะดีลด้วยยังไง
ถ้าจะไฝว้เขาจะฟังไหม หรือฟังแล้วจะ take action อะไรไหม?
โดยส่วนตัวเราประเมินแบบนี้ แล้วถ้าเรามองว่าใครฟัง เราก็จะเสนอทุกอย่างที่เรามองเห็นและคิดว่าควรแก้ แก้ยังไง บลาๆ
แต่ทว่า ถ้าเจอคนอีกกลุ่มที่เขาไม่ open-minded เราก็จะหยุด เพราะเรารู้สึกว่าเราเปลี่ยนความคิดหรือ mindset เขาไม่ได้ เราก็จะไม่ทำอะไร แต่ก็ไม่ได้ปล่อยตัวเองเป็น deadwood หรอกนะ
Q: Deadwood คือไรอะ?
Deadwood คือคนที่เป็นลูกน้องที่มีผลงานและศักยภาพต่ำ เป็นบุคคลที่องค์การเรียกว่า Low Performance and Low Potential พบว่าลูกน้องประเภทนี้ไม่สามารถผลิตผลงานที่มอบหมายในปัจจุบันได้ตามเกณฑ์ที่หัวหน้างานต้องการ เป็นพวกที่ทำงานล่าช้ามาก ทำงานผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงเป็นบุคคลที่ไม่มีแววของการเป็นหัวหน้างานหรือผู้นำ ไม่ชอบคิดหรือตัดสินปัญหาที่เกิดขึ้น ปล่อยให้ปัญหาเป็น หน้าที่ของหัวหน้างานเท่านั้น เป็นบุคคลที่มีทัศนคติไม่ดี มองโลกในแง่ร้าย ชอบพูดถึงองค์การและบุคคลอื่นในทางลบเสมอ
สำหรับเราตอนนี้ เราก็ไม่แน่ใจว่าเราเป็นอะไร และคงไม่สามารถตัดสินด้วยตนเองได้ ต้องให้หัวหน้าตัดสิน 55555
ทีนี้ตัดภาพมาปัจจุบัน น้องรุ่น 55 เพิ่งจบ และตระเวนหางานทำ
สิ่งที่เราคิดว่าเด็กๆหรือคนที่ยังไม่เคยทำงานควรรู้และนำไปปรับกับความคิดตัวเองก็คือ
1. อย่าตั้งคำถามถ้ายังไม่ได้ลองทำ - บางครั้งกังวลกับนู่นนี่นั่นมาก จนแบบ เยอะ ดูจุกจิก
และไม่เกิดประโยชน์อะไรในความกังวลเหล่านั้น แนะนำว่าถ้าอยากรู้ว่างานไหน หรือที่ไหนเป็นยังไง
ก็ต้องสร้างโอกาสให้ตัวเองและพาตัวเองไปทดลองอยู่ในจุดนั้นให้ได้ก่อน ชอบหรือไม่ชอบค่อยว่ากันนะ :)
2. อยากได้งานไม่หนักแต่เงินเยอะ – อันนี้เป็นปัญหาทั่วไปนะ พบเจอในทุกเพศทุกวัย เราก็เคยเป็นแต่ตอนนี้ไม่แน่ใจว่ายังไง 555 อยากให้มองว่ายิ่งเขากล้าให้เงินเราเยอะ = ปริมาณงานหรือความกดดัน ความเครียด ก็จะพุ่งเข้ามาเหมือนกัน เตรียมใจไว้ แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราได้เห็นสกิลหรือการพัฒนาของตัวเองมากขึ้นไม่มากก็น้อย ;)
3. พาตัวเองออกจาก comfort zone ซะบ้าง - ใช่ อะไรที่ผู้ใหญ่ว่าดีมันก็ดี
แต่บางทีมันก็ไม่เหมาะกับทุกคนนะ อย่างเรารู้ตัวว่าชอบพาตัวเองไป try new things ทดลองทุกสิ่งตลอดเวลา (เอาตัวเองเป็นหมูทดลอง 55) ก็พบว่ามีบางครั้งที่อารมณ์เศร้าหรือขุ่นมัว ว่าออกมาทำไมวะ ? 555 แต่พอมองอีกแง่ก็สนุกดี
เช่น ทำงาน law firm เดือนมิถุนา 1 เดือน ลาออก นั่งรอผลสอบราชการ
(แป้กซะด้วยไง ละออกมาทำไม?) ระหว่างนั้นได้มีโอกาสเป็นฟรีแลนซ์แป๊บๆ รับงานแปลเอกสาร รับงานแปล subtitle และคีย์ข้อมูลวันละ 300 บาท ชีวิตไฝว้มากตอนนั้น แต่ก็มันส์ดี เลือกช่วงเวลาได้ว่าวันไหนไปไหน ทำให้รู้ว่าชอบงานแบบหลากหลาย ยุ่งๆ ทำแบบนี้อยู่เดือนนิดๆ ก็เออ เปิดโลกใหม่ 5555
4. คว้าทุกโอกาสที่เข้ามา(ถ้าทำได้) - อย่ามองว่ามันเสี่ยงมั้ย มันคุ้มมั้ย
แต่ให้มองว่ามันคือพื้นที่ที่จะสอนอะไรบางอย่างให้เรา
อย่างเช่นที่ที่เรากำลังจะลาออก เรามองว่าอย่างน้อยเราได้รู้ว่าเราทำงานคนเดียวไหวว่ะ handle งานกฎหมายและเอกสารของทั้งโรงแรมไหว ดีลงานกับธนาคารและคนนอกไหว
#แต่เหนื่อยและไม่คุ้มเงินและทำงานหกวันไง
ก็เลยรู้สึกพอละ ได้สกิลเลขาฯ จดรายงานการประชุม ได้สกิลติดต่อเจ้าหน้าที่ ได้สกิลทำเอกสารทุกอย่างกลั่นจากสมองเราเอง แต่งานไม่มีระบบมันก็ทำให้เรา overload นั่นแหละ พอมาเจอที่ใหม่ที่เงินดีกว่า ทำงาน 5 วัน และดูมีระบบ ก็เลยต้องลองดู เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า
สรุปนะ เรียนจบมาบอกเลยว่าชีวิตไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น
ไม่ใช่ว่าตอนนี้เราไม่เคว้งนะ เราก็เคว้ง เรามองไม่เห็นตัวเองในรอบ 5 ปีนี้หรอก แต่แค่ต้องลองคลำหาเส้นทางที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเองดู อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไป ให้ passion นำเราไป
อย่าปล่อยตัวเองอยู่เป็น deadwood เกะกะที่ทำงานเปล่าๆ
ชีวิตตัวเราเองก็ไม่มีอะไรดีขึ้น หมั่นพัฒนาตัวเอง หาสิ่งที่สนใจและอยากเป็น specialist ให้เจอ
เพราะชีวิตไม่ได้จำกัดให้คุณอยู่ในเส้นทางเดียว หรือทำงานตรงสาย หรือต้องตายคาที่ทำงาน
สู้ต่อไปนะทุกคน by #นักกฎหมายสายแอดมิน :3 #ความในใจ 55555555 -/|-
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in