A : สวัสดีครับท่าน
B : ไม่ต้องเรียกท่านก็ได้
A : งั้นเรียกอะไรดี ใต้เท้า มั้ย?
B : เคยเรียกมายังไงก็เรียกไปอย่างเก่าแหละ
A : เฮ่ย ได้ไง เพื่อนอุตส่าห์ได้เป็นผู้พิพากษาทั้งที
B : ผู้ช่วยฯเว่ย ผู้ช่วย ยังไม่ได้เป็นพ. จนกว่าจะโปรดเกล้า อีกปีกว่าโน่น
A : ก็นั่นแหละ เดี๋ยวก็ได้เป็นแล้วไง
B : เฮ่ย มันต้องสอบอีกรอบนะ ไม่ได้เป็นกันได้ง่ายๆ
A : ไม่ต้องกังวลน่าท่าน มาถึงขั้นนี้ ตำแหน่งผู้พิพากษาจะหนีไปไหนเสีย
B : ไหว้ล่ะ คนเรียกท่านมาเยอะแล้ว ไม่ต้องมาเรียกซ้ำชาวบ้านเขา เบื่อหู
A : อะไรวะ ดูไม่ค่อยดีใจ อุตส่าห์สอบได้อาชีพที่หลายคนใฝ่ฝัน
B : ก็ดีใจ...แต่ ไม่ว่ายังไง เราก็ยังเป็นเราคนเดิม ที่เพิ่มเติมคือหน้าที่
A : อะไร เขาว่าอาชีพนี้อภิสิทธิ์เยอะแยะ ทำไมแกพูดเหมือนมันแย่มากมาย
B : มันก็ไม่ได้แย่ แต่มันก็ไม่ใช่ความวิเศษอะไร แกรู้รึเปล่า ว่าอภิสิทธิ์ที่แกเพ้ออยู่เนี่ย มันมาพร้อมอะไรบ้าง
A : เช่น?
B : ปกติแกเลิกงานกี่โมง
A : ตอนทำราชการเลิก 16.30 พอย้ายมาทำเอกชนเลิก 17.00 แต่เอ...แกก็เลิก 16.30 ไม่ใช่เหรอ แกก็เป็นราชการนี่
B : 16.30 เป็นเวลาที่ตั้งไว้ว่าเลิกได้ ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า ถ้าวันนั้นสี่โมงครึ่งแกยังสืบพยานไม่เสร็จ แกก็ต้องอยู่ต่อจนกว่าการพิจารณาวันนั้นจะเสร็จ ไม่ว่ามันจะกี่โมงก็ตาม
.......ยิ่งถ้าศาลไหนมีการพิจารณาตอนกลางคืนหรือ night court นะแกเอ๊ย สองสามทุ่มอ่ะกว่าจะได้กลับบ้าน
A : .................
A : แต่....แต่แกก็แค่ขึ้นไปนั่งเฉยๆบนบัลลังก์ไม่ใช่หรือไงวะ ชั้นสิ ต้องพิมพ์งานแทบตาย ต้องพูดกับลูกค้าจนปากเปียกปากแฉะ
B : ศาลนะเว้ย ไม่ใช่หุ่นไล่กา!!! หน้าที่ของชั้นไม่ใช่แค่นั่งเฉยๆ ชั้นมีหน้าที่ควบคุมการพิจารณาทุกอย่างให้เป็นไปตามที่มันควรจะเป็น ถ้าใครจะตุกติก ถามไม่ซื่อ ชั้นก็ต้องดุ แล้วแกคิดว่าการนั่งฟังคนทะเลาะกันมันสนุกนักรึไง คดีแพ่งไม่เท่าไหร่ แกลองมาดูคดีอาญา เล่นจริง ติดคุกจริง และหลายครั้งก็ร้องไห้กันจริงๆ แกคิดว่าการตัดสินแล้วนั่งดูคนร้องไห้มันสนุกเหรอ
A : ................
B : แล้วจะบอกอะไรให้อีก ชั้นไม่ได้นั่งเฉยๆอย่างที่แกเข้าใจ ศาลอย่างพวกชั้นมีหน้าที่บันทึกคำให้การทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการพิจารณาในแต่ละวัน คำเบิกความพยาน หรืออะไรก็ตามแต่ที่มันสำคัญ จากนั้นก็ต้องอ่านให้คู่ความฟัง หลายหน้าด้วย กว่าจะจบการพิจารณาแต่ละครั้ง เสียงจะแหบตาย
A : ...............
A : แต่..แต่ หน้าที่หลักแกก็มีแค่บนบัลลังก์กับเขียนคำพิพากษาเองไม่ใช่เหรอ...
B : การเขียนคำพิพากษาแต่ละเรื่องไม่ใช่สักแต่ว่าจรดปากกาบนกระดาษ มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ แกต้องเอาหลักฐานทุกอย่างที่มีมาพิจารณา แล้วชั่งน้ำหนักว่า แกจะเชื่อหรือไม่เชื่อใคร แล้วแกต้องให้เหตุผลให้ได้ว่า แกเชื่อและตัดสินแบบนั้นเพราะอะไร คำพิพากษาของแกไม่ใช่แค่ตัดสินอย่างเดียว มันต้องเขียนให้ยอมรับได้ด้วยว่า มันได้ถูกวินิจฉัยขึ้นอย่างเป็นธรรมจริงๆ...
.........ถ้าคิดว่าง่ายก็ลองเขียนดูซักเรื่องมั้ยล่ะ?
A : ไม่เอาาา
A : แต่แกก็เงินเดือนสูงและมีตำแหน่งสูงกว่าสายงานอื่นๆเยอะนา
B : ถามอะไรอย่าง แกมีสิทธิ์ออกไปรับจ๊อบข้างนอกมะ
A : มีดิ มันสิทธิ์ของชั้นนะเว่ย
B : ผู้พิพากษาไม่มีสิทธิ์ประกอบอาชีพอื่นใดอันอาจกระทบกระเทือนต่อวิชาชีพตนเองได้ และหากจะมีอาชีพที่ทำได้ ก่อนทำต้องขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการตุลาการก่อนทุกครั้ง
A : ..........
A : แต่แลกกับการได้เงินเดือนดีและมีคนมาเคารพยกย่องก็คุ้มอยู่นา
B : ถามอะไรหน่อย
A : ว่า
B : แกสามารถใช้ชีวิตได้ตามที่ต้องการ ไปไหนก็ได้ที่อยากไป คบใครก็ได้ที่อยากคบ และแต่งตัวยังไงก็ได้ที่อยากแต่งใช่มั้ย
A : ใช่ ทำไมเหรอ
B : ไม่ใช่สำหรับอาชีพชั้น ตั้งแต่เข้ามา ทุกคนจะได้รับการปลูกฝังว่า จะทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี ไม่จำเป็นห้ามพาตัวเองไปอยู่ในที่ๆไม่ควรอยู่ เช่น ที่อโคจร และไม่ควรจะสังสรรค์หรือสนิทกับคนไปทั่ว เพราะอาจกระทบต่อการตัดสินคดีได้ การแต่งตัวก็เช่นกัน พวกเราจะต้องแต่งให้ดูเรียบร้อยอยู่เสมอ ห้ามใส่เสื้อผ้าที่คนมองมาแล้วเสียความนับถือ แม้แต่ออกนอกศาลแล้วก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอยู่ต่างจังหวัด
..........เรียกได้ว่าต้องระวังตัวเองทุกกระเบียดนิ้ว เพราะทุกสิ่งอย่างในชีวิตสามารถกระทบหน้าที่การงานได้ทั้งสิ้น
A : อาชีพนี้ต้องระวังตัวขนาดนี้้เลยเหรอเนี่ย???
A : แล้วแกโอเคมั้ยกับสิ่งที่เป็นอยู่
B : รับไม่ได้จะมาสอบทำไมเล่า
A : มันดูหนักหน่วงอยู่นะเนี่ย
B : เคยได้ยินคำพูดจากหนัง Spider Man มั้ยล่ะ "พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง" ใช่ อาชีพนี้อาจจะดูมีอะไรๆเหนืออาชีพอื่น แต่สิ่งที่ตามมาคือ แกต้องมีความรับผิดชอบมากมาย ทั้งต่อความประพฤติตนเอง ต่องาน และต่อชีวิตของคู่ความที่มาให้แกตัดสินคดีด้วย
A : ดูยิ่งใหญ่มาก ถามอะไรหน่อยสิ ทำไมแกถึงอยากเป็นผู้พิพากษาเหรอ
B : เอาคำตอบจริงจังหรือเล่นๆ
A : เอาจริงจังก่อนก็ได้
B : ชั้น........อยากใช้ความรู้ที่มีในการช่วยเหลือคนมั้ง ไม่รู้สิ ที่แน่ๆคือชั้นอยากเป็นข้าราชการ ทำงานเพื่อประเทศชาติ เฉกเช่นเดียวกับที่พระมหากษัตริย์ของเราได้ทรงงานเพื่อปวงประชาตลอดมา
A : โห แบบ อนุโมทนานะกับความคิดนี้ ชั้นเชื่อว่าคนแบบแกต้องทำประโยชน์แก่ประเทศชาติได้แน่ๆ
B : แต๊งกิ้ว ^-^
A : เอ้อ แล้วเหตุผลเล่นๆล่ะ อะไร?
B : เอ้อออ (เกาหัว) คือ.....
...ชั้นเห็นบางคนมีแฟนเป็นผู้พิพากษาแล้วรู้สึกว่า ชั้นคงไม่มีปัญญาหาแฟนเป็นผู้พิพากษาอ่ะ เลยเป็นมันซะเองเลยดีกว่า...
.........และชั้นก็เพิ่งรู้นี่แหละว่าสำหรับชั้นน่ะ เป็นผู้พิพากษาง่ายกว่าหาแฟน เยอะเลย.............
A : ....เออ กูเชื่อละ มึงยังเป็นคนเดิมจริงๆ 5555555555555555555555555
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in