เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ไดอารี่ความคิดihtayaf
20.6.17 เมื่อฉันเท้าแพลง
  •      อุบัติเหตุเกิดได้ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ


         เมื่อวานนี้  ระหว่างทางที่เดินไปดูงานอีกตึกหนึ่ง  จู่ๆขาเราก็เกิดพลิกขึ้นมา

         ถามว่าพลิกยังไง  ลองยกมือขึ้นขนานกับพื้นแล้วคว่ำมือลง  จากนั้นให้พลิกมือขึ้นโดยกดนิ้วก้อยลงด้านล่าง
         ...นั่นแหละค่ะ  เท้าดิฉัน  -_-

         จากนั้น  ช่วงเวลาที่เหมือนโดนเจ้ากรรมนายเวรตามล้างผลาญก็เริ่มขึ้น



         อันที่จริง  เราไม่เคยกังวลเลยเวลาตัวเองล้ม  ด้วยความที่ซุ่มซ่ามอยู่แล้วเป็นทุนเดิม  ทำให้เราสะดุดนั่นสะดุดนี่บ่อยมาก  แต่ไม่คิดเลยว่า  การล้มครั้งนี้มันจะมีพลังทำลายล้างได้สูงยิ่ง

         สิ่งที่เห็นชัดคือรอยบวมค่อนข้างใหญ่ด้านขวาของเท้า  และสิ่งที่รู้สึกได้คือ...มันเจ็บมาก  เจ็บตลอดเวลา
         ....นอกจากนี้ก็มีพวกสีม่วงๆอยู่บ้างบนเท้า

         เราพยายามประคองมันไปเรื่อยขณะที่ดูงาน  และคิดไปว่า  เลิกเมื่อใดจะลองไปหาซื้อพวกยาหม่องมาทาสักหน่อย  ส่วนเรื่องประคบของเย็น  คิดว่าคงซื้ออะไรเย็นๆมาใช้แทนไปก่อน  ท้ายที่สุด  เราเริ่มคิดว่าคงต้องเอาผ้าพันคอมาใช้ต่างผ้าพันแผลไปสักระยะนึง

         แต่แล้ว  ด้วยความบังเอิญ  เราได้พบว่าชั้นถัดลงมาชั้นหนึ่งจากห้องที่ดูงาน  มีห้องพยาบาลอยู่  เมื่อภารกิจของงานเสร็จสิ้นลง  เราจึงหันไปบอกเพื่อนว่า  เดี๋ยวเราจะลองไปห้องพยาบาลนะ
         ....และเพื่อนเราก็มาเป็นเพื่อนด้วย  ขอบคุณมากๆเลย

         เมื่อไปถึงปรากฏว่าหมอกลับไปแล้ว  เจ้าหน้าที่จึงให้พยาบาลดูอาการไปก่อน  พยาบาลได้แนะนำให้ซื้อยาไปทาและผ้าพันแผลไปพัน  และเราได้ขอให้เขาช่วยพันให้ด้วย
         ....เจ็บชะมัดเลย....พับผ่าสิ

         แล้วจึงเดินกะเผลกๆกลับที่พัก  สังเวชตัวเองชะมัด  ให้ตายเถอะ

         และช่วงเวลานับแต่นี้เป็นต้นไป  เป็นช่วงเวลาที่เราเบื่อตัวเองมาก



         คือ  เราเป็นพวกรักอิสระเสรี  อยากไปไหนก็ไป  อยากทำอะไรก็ทำ  ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ  ไม่ชอบให้ใครมาสงสาร
         ...และไม่ชอบรบกวนใครโดยไม่จำเป็น


         แต่...การที่ขาเจ็บอยู่แบบนี้

         มันทำให้เราไปไหนมาไหนลำบาก  แถมยังดูน่าเวทนาในสายตาคนทั่วไปด้วย

         แถมเวลาไปไหนที  ก็จะมีเพื่อนมาถามว่า  เป็นยังไงบ้าง  ดีขึ้นมั้ย
         ....ก็ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ  แต่ไม่ชินกับการเป็นจุดสนใจเลยเนี่ย  และที่สำคัญ
     
         มันทำเราต้องพึ่งพาเพื่อนๆมากขึ้น  ตั้งแต่แรกเลยที่ทำให้เพื่อนต้องมาเป็นเพื่อนเรา  หลังจากนั้น  ไม่ว่าจะทำอะไร  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  เวลาอาหารแต่ละมื้อ  จะมีคนอาสาช่วยเราเสมอ  ไม่ว่าจะเป็น
         -  ช่วยตักอาหาร
         -  ช่วยไปเอาน้ำให้
         -  ช่วยถือกระเป๋าหรือช่วยเอาไปวาง
         -  ช่วยเก็บจาน
         และอีกสารพัดสารพันด้วยเหตุผลว่า  'จะได้ไม่ต้องเดินเยอะ'

         คือ  ซึ้งใจมั้ยกับสิ่งที่เกิดขึ้น  ซึ้งใจนะ  ที่มีคนเป็นห่วงเป็นใยและพร้อมช่วยเหลือเราขนาดนี้

         แต่ในอีกมุมหนึ่งก็รู้สึกโมโหตัวเอง  ในฐานะที่เคยอยู่คนเดียวแบบไม่ต้องกวนใครมาโดยตลอด  แล้วจู่ๆก็เหมือนกลายเป็นอะไรสักอย่างที่เป็นภาระคนรอบข้างได้เรื่อยๆ
         นี่ยังเคยเปรยๆว่าแบบ  รู้สึกว่าทำให้เพื่อนเดือดร้อนมากเลย  แต่ก็มีคนช่วยบอกว่า 'ไม่เป็นไร'  กันใหญ่

         ขอบคุณสวรรค์ที่ประทานเพื่อนดีดีให้ผู้หญิงตาดำดำ  และขอบคุณเพื่อนทุกคนที่ให้การเอื้อเฟื้อเป็นอย่างดี...จากใจจริง


     
         อันที่จริงก็นึกโกรธตัวเองอยู่เหมือนกัน  น่าจะใส่ส้นเตี้ยไปตั้งแต่แรกที่รู้ว่าต้องไปตึกอื่น  ดันทุรังใส่ส้นสูงทำไมไม่รู้
         แต่อย่างที่บอก  ใครจะไปรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้  เพราะร้อยวันพันปีล้มกี่ทีก็ไม่เคยเป็นอะไร  แล้วทำไมวันนี้มันถึงเป็น??

         นั่งมองเส้นบนลายมือ  เส้นอุบัติเหตุก็ไม่ยักกะเจอ

         ตรวจดาวในดวง  นอกจากดาวอายุจรเป็นประตอนนี้  ก็ไม่เห็นจะมีอะไร

         แก้บน...แก้แล้วนี่...

         หรือเพราะพยายามหาทางทักให้คนที่มาดูลายมือระวังตัว?

         เอ....หรือจะเป็นคราวเคราะห์?  ได้ยินแม่บอกอยู่แหมบๆว่า  เบญจเพสจีนน่ะเริ่มที่  29  แต่..เอ.....ปกติดวงจีนมันไม่ค่อยจะแม่นกะเราไม่ใช่เหรอ????


         ช่างมันเถอะ  คิดมากปวดหัว  คิดซะว่ามันคงเป็นช่วงเวลาที่กรรมเก่าแต่ปางก่อนเผล็ดผลพอดีก็เป็นได้

         ตอนไปห้องพยาบาล  คุณพยาบาลแนะนำว่าถ้าไม่ดีขึ้นควรไปหาหมอเพื่อเอ็กซ์เรย์  แถมยังขู่อีกว่าเนี่ยมีเพื่อนเรากระดูกหักไปแล้วคนนึงเพราะอุบัติเหตุเทือกๆนี้แล
          ....ผู้ใหญ่ที่ทำงานก็มาขู่ซ้ำ(ด้วยความเมตตา)อีกว่า  ดูแลตัวเองนะ  ไม่ไหวอย่าทน  บอกมาจะพาไปโรงพยาบาล  เพื่อนเธอเอ็นฉีกไปแล้วนะ
         ...ขอบพระคุณมากค่ะ...  - -'

         บอกตรงๆเลยว่ากลัวกระดูกหักอยู่เหมือนกัน  นี่ก็เฝ้าดูอาการอยู่ตลอดเวลา  กะว่าถ้าเจ็บยาวแบบไม่หยุดคงจะไปหาหมอ
         ...แต่มันเจ็บๆหยุดๆง่ะ  กระดูกไม่ได้สับขาหลอกเจ้าของใช่มั้ย???

         เพื่อนก็แสนจะดี  บอกว่า  จะไปหาหมอก็บอก  จะไปเป็นเพื่อน/ขับรถไปให้

         ด้วยความอยากหายและไม่อยากรบกวนใคร  นี่ก็พยายามหาทางเดิน  ยืน  นั่ง  แบบที่กระทบกระเทือนเท้าให้น้อยที่สุด
         ...ได้ผลอยู่ปานกลางถึงเกือบมาก  ลดความเจ็บไปได้ไม่น้อย  เว้นแต่เวลาต้องลงน้ำหนัก...
          นี่อยากกระโดดด้วยขาข้างเดียวให้ถึงที่หมายให้รู้แล้วรู้รอดไป  แต่เกรงว่าล้มมาจะเจ็บกว่าเดิม...

         ตั้งแต่เกิดมา  ไม่เคยเจออุบัติเหตุครั้งไหนรุนแรงเท่านี้มาก่อนเลย  ให้ตายสิพับผ่า...



         แต่นึกๆไปก็ตลกอยู่อย่างหนึ่ง  คือ  มีใครเคยคิดอยากเป็นนางเอกละครเวลาเจ็บ  แล้วหวังว่าจะทำให้ตัวเองเจอรักตอนกำลังทุกข์ยากมั่งมั้ย?
         ลืมไปได้เลยสำหรับเรา

         วิบากกรรมในครั้งนี้  แม้มันจะรุนแรงขนาดที่ว่า  แม้แต่เบื้องบนของเรา(ผู้อยู่สูงกว่าที่คอยดูแลเราเสมอ)  ยังช่วยอะไรไม่ได้....(เราไม่โทษท่านหรอก  เราไม่ดีเองแหละ)
         ...แต่อย่างน้อย  เราก็รู้สึกว่าท่านยังคงช่วยเหลืออยู่ห่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นการพัดพาเรามาอยู่ในหมู่กัลยาณมิตร  การที่ช่วยชักพาเราให้เจอห้องพยาบาล  การดลใจให้เรารู้จักวิธีเดินที่ถูกต้อง  หรืออะไรก็ตาม
         ...แต่รู้มั้ยว่า  อะไรที่ขาดไป?

         เราโชคดีที่รายล้อมไปด้วยเพื่อนดีดีที่คอยห่วงใยและให้ความช่วยเหลือ  และเพื่อนเหล่านั้น...
         ...ล้วนเป็นสตรีเพศ

         ใช่ค่ะ  โชคชะตาของเรายังยึดคอนเซปเดิมอย่างเหนียวแน่น  นั่นคือ  เธออยากจะเป็นอะไรก็ได้  อยากจะมีอะไรก็ได้  เอาเลยตามสบาย  เว้นแต่อย่างเดียวที่ห้ามหวัง...

         "แฟน"
         
         ไม่เอาก็ได้ค่ะ  5555



         สุดท้ายและท้ายสุด  สำหรับใครก็ตามที่หลงเข้ามาอ่านบทความนี้  อยากจะเตือนว่า

         "อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา"

         ดังนั้น  ไม่ว่าจะไปไหนหรือทำอะไร  ระมัดระวังตัวกันด้วยนะคะ  ความซวยมันไม่เข้าใครออกใครหรอก  หุหุ


         คนเขียนขอตัวไปดูแลเท้าตัวเองก่อน  เผื่อโชคดีจะได้ไม่ต้องเข้าเฝือก...

         ส่วนถ้าโชคไม่ดี......ก็....นะ  
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in