เมื่อพุธ-พฤหัสฯ-ศุกร์ ที่ผ่านมา ที่ทำงาน(ใหม่)เราพาเราและคณะไปต่างจังหวัดเพื่อจัดกิจกรรมละลายพฤติกรรมให้ทุกคนได้รู้จักกัน
และตามปกติของการละลายพฤติกรรมจะมีการจับกลุ่มเล่นเกม ทำโน่นทำนี่ มีการแข่งขัน มีรางวัล และมีการลงโทษ และหนึ่งในการลงโทษที่นิยมกันนั้นคือ...
การให้ลุกขึ้นเต้น!
และเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องเต้น..ให้คนอื่นดู..ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกจริตเราเท่าใดนัก
ใช่...เราโดนทำโทษให้เต้นตั้งแต่วันแรกๆเลยล่ะ ซึ่งการทำอะไรบ้าๆบอๆต่อหน้าหมู่ชนเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบเอาเสียเลย
แล้วจะทำอย่างไร ลุกขึ้นร้องไห้แล้วบอกว่าไม่เต้น...อย่างนั้นหรือ?
ไม่ใช่แล้วล่ะ!!
ขี้อายนั้นส่วนขี้อาย แต่เมื่ออยู่ในกิจกรรม อย่างไรก็ต้องร่วม และเราก็ผ่านมันมาได้ด้วยคำว่า...
"ช่างแม่ง"
เมื่อใดก็ตามที่เราต้องทำกิจกรรมใดใดที่ขัดต่อตัวตนของเรา แทนที่จะมานั่งนอยด์ว่ามันจะทำให้ตัวตนเราเสียหายสักเพียงใด สิ่งที่เราทำคือสูดหายใจลึกๆ คิดในใจว่า ช่างแม่ง แล้วลุกขึ้นจัดการตามสิ่งที่ได้รับมอบหมาย
ไม่ว่าจะเป็นการโดนลงโทษให้เต้นต่อหน้ากลุ่มหรือคู่(เวลาจับคู่เล่นเกม)
หรือการออกไปเป็นหางเครื่องให้เพื่อนหน้าเวทีตอนที่เพื่อนร้องเพลง
หรือการเดินเอ๋อๆออกไปเล่นเกมกลางเวที แล้วแพ้การแข่งขันลงมาแบบงงๆ(เฮ้ออ กู)
หรือ...แม้กระทั่ง ตอนที่หนึ่งในกิจกรรมนั้นให้เราต้องจับมือกับเพื่อนร่วมรุ่นทุกคน...ทั้งชายและหญิง จนเรารู้สึกว่า ถ้าเรามีแฟน.....
....แฟนเราคงจะหึง....
เราก็ผ่านมันมาแล้วโดยสวัสดิภาพ ในที่สุด
เราว่า...ส่วนหนึ่งของการทำใจได้เร็วนั้น คงมาจากการรู้ตัวเองว่า เราไม่สวย ไม่น่ารัก และไม่มีแรงดึงดูดเพศตรงข้ามเท่าใดนัก ทำให้เรามั่นใจได้ว่า นอกจากเพื่อนในกลุ่มเดียวกันในขณะนั้นหรือคนที่คุ้นเคยกับเราแล้ว คงไม่มีใครสนใจเราเท่าใดนักหรอก
...เออ รวมไปถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเราไม่มีแฟนด้วย เลยสบายใจว่าคงไม่มีใครมาหึง 5555
ถามว่า "ช่างแม่ง" ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นรึเปล่า?
เปล่าเลย เรายังคงต้องทำทุกสิ่งอย่างตามสถานการณ์ขณะนั้นว่าเราจะโดนอะไร
แต่อย่างน้อย "ช่างแม่ง" ก็เปลี่ยนแปลงความรู้สึกนึกคิดในจิตใจเราได้ มันทำให้เรารู้สึกว่า มันก็แค่เหตุการณ์ๆนึงที่เราต้องผ่านไปให้ได้(ป่ะวะ?)
มันก็แค่ออกไปทำ ทำจบแล้วก็ผ่านไป ไม่มีใครมานั่งฟื้นฝอยหาตะเข็บกับเราหรอกว่าเราทำดีไม่ดีอะไรแค่ไหน(มีแต่เราเนี่ยแหละนั่งว่าตัวเองอยู่ได้ อุ๊บส์)
เพราะฉะนั้น....ลุยเลย!!!
เราเข้าใจนะว่าแต่ละคนย่อมมี "พื้นที่ปลอดภัย" หรือ "Comfort Zone" ของตัวเอง และเมื่อใดก็ตามเราต้องเจอสิ่งที่กระทบพื้นที่ตรงนี้ เรามักลังเลที่จะลองสิ่งเหล่านั้น
....และทำให้เราติดแหงกอยู่ในที่ของตัวเองต่อไป
แต่เราจะไม่มีวันรู้เลยว่าโลกภายนอกมันเป็นอย่างไร ถ้าเราไม่ลองก้าวออกมานอกขีดจำกัดของตัวเอง ไม่ลองให้โอกาสตัวเองในการสัมผัสโลกกว้างให้มากขึ้น
เราอาจค้นพบอะไรใหม่ๆที่เราชอบก็ได้ ใครจะรู้ หรืออย่างน้อย มันคงได้ประสบการณ์อะไรเพิ่มบ้างล่ะน่า
ถอนใจ ท่องว่า "ช่างแม่ง" แล้วลองดู...
ถึงการลองสิ่งใหม่ๆบ้างจะเป็นสีสันให้ชีวิต แต่คำว่า "ช่างแม่ง" ก็ควรมีลิมิตของตัวเอง
อะไรก็ตามที่สร้างสรรค์ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น และไม่ทำลายตัวตนของเราเกินไป
....ก็ลองดู
แต่กับสิ่งที่ขัดต่อความผิดชอบชั่วดี ขัดต่อหลักทั่วไปในจิตใจ หรือทำให้ใครเดือดร้อน
อย่าทำ!!!
เช่นเรานี้ ให้ทำกิจกรรมเราทำ แต่อย่ามา กินเหล้าๆๆ
ไม่กินโว้ยยยย!
เราไม่ว่าอะไรนะถ้าเพื่อนเราสักคน สองคน หรือหมดทุกคนจะดื่ม แต่เราไม่ดื่ม คือเราเห็นโมเม้นที่คนรอบข้างเมาแล้วเรารู้สึกว่าถ้าเลือกได้เราขอเป็นคนนั่งมองและประคองคนอื่นเสียยังดีกว่า
แม้ว่ามันจะทำให้เราไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่ค่อยสนิทกับใครก็ตาม
ประเทศทุกประเทศมีกฎหมายทั่วไปที่ต้องเคารพฉันใด จิตใจทุกดวงย่อมมีหลักปฏิบัติส่วนตัวที่ต้องเคารพฉันนั้น และนี่คือหลักของเรา เราไม่ว่าหรอกหากใครจะไม่เข้าใจ
....อย่าก้าวล่วงหลักของเราก็พอ
นั่นคือข้อยกเว้นของหลัก "ช่างแม่ง" แต่ตามหลักทั่วไป เราว่าคำนี้มีประโยชน์ต่อเรา เพราะมันทำให้เรากล้าที่จะทำอะไรใหม่ๆที่เราไม่เคยทำ ที่เราไม่คิดว่าตัวเองจะทำ และทำให้เราออกมานอกพื้นที่ของตัวเองเพื่อจะค้นพบว่า โลกนี้ยังมีเรื่องมากมายรอให้เราประหลาดใจ
และหนึ่งในนั้นคือความประหลาดใจในตัวเองว่า "นี่ตรูทำอย่างนั้นไปได้ยังไงวะเนี่ย???"
แต่ก็ทำไปเสียแล้วนี่นา....หึหึ
ช่างแม่งเห้ออ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in