เล่ม 1
รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่แห่งต้าหมิง สภาขุนนางเรืองรุ่ง
ใครต่อใครก็อยากเข้าเมืองหลวงเพื่อสอบเป็นขุนนาง
‘ถังฟั่น’ ผู้พิพากษาแห่งศาลซุ่นเทียน ขุนนางขั้นเล็ก ๆ
รับผิดชอบดูแลคดีชาวบ้าน งานในหน้าที่ตรงกันข้ามกับมันสมอง
อันที่จริงถังฟั่นจะไต่เต้าเป็นขุนนางขั้นสูงกว่านี้ใช่ว่าไม่มีหนทาง
แต่ใครใช้ให้เขารักสบาย ง่ายๆ ไว้เป็นดีเล่า
ด้วยเหตุนี้ในศาลซุ่นเทียนจึงมีขุนนางเล็ก ๆ แต่ฉลาดเฉลียวอยู่หนึ่งคน
ทว่าผู้พิพากษาก็มีอันต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าคนตายเสียเอง
เมื่อเขาดันเป็นคนสุดท้ายที่ปะทะกับคุณชายใหญ่แห่งจวนอู่อันโหวก่อนคุณชายผู้นี้จะถูกพบเป็นศพ!
คดีพัวพันผู้มีอำนาจ ไม่ใช่ทางของถังฟั่นเอาเสียเลย
แต่ความยุติธรรมในหัวใจทำให้ผู้พิพากษารูปงามต้องหาคนร้ายตัวจริงออกมา
ล้างมลทินให้สาวใช้ผู้บริสุทธิ์
‘สุยโจว’ นายกองปากหนักประจำสำนักองครักษ์เสื้อแพร หนึ่งในขั้วอำนาจหลักแห่งราชสำนักต้าหมิง
กำลังจับตามองการทำงานของถังฟั่นอย่าง ‘ใกล้ชิด’
ขอดูซิว่าอีกฝ่ายจะเป็นขุนนางน้ำดีมีอุดมการณ์ดังเช่นที่เจ้าตัวเอ่ยอ้างจริงหรือไม่!
เล่ม 2
พระสหายร่วมเรียนขององค์รัชทายาทเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา!!
เหตุการณ์เกิดในวัง... ภายหลังกินของหวานที่ส่งมาโดยวั่นกุ้ยเฟย...
และเป็นที่รู้กันทั่วว่าวั่นกุ้ยเฟยร้ายกาจต่อหน่อเนื้อเชื้อไขของจักรพรรดิเพียงใด
ถังฟั่นถูกวังจื๋อลากตัวมารับเผือกร้อนนี้ด้วยกัน
เงื่อนไขคือต้องคลี่คลายคดีนี้ซึ่งเป็นพระบัญชาโดยตรงจากองค์เหนือหัว
ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ให้พัวพันมาถึงวั่นกุ้ยเฟยด้วย
คนนั้นก็ห้ามทำให้ไม่พอใจ คนนี้ก็ห้ามล่วงเกิน
แล้วผู้พิพากษาตัวเล็กๆ อย่างถังฟั่นจะเอาอย่างไรดีล่ะเนี่ย
ยังมี... ท่านผู้บัญชาการสำนักประจิมวังจื๋อ
ตลอดช่วงเวลานี้ออกจะอยู่ใกล้ชิดและให้ความสนิทชิดเชื้อกันเกินไปหรือไม่
บอกตามตรงว่าเขารู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ และไม่สบายกายสบายใจเอาเสียเลย!!
เล่ม 3
เพราะผลงานไขคดีที่อยู่ใต้พระเนตรพระกรรณองค์จักรพรรดิ
ทำให้ในที่สุดถังฟั่นก็ได้เลื่อนขั้น ย้ายเข้ากรมอาญาไปเป็นหัวหน้ากองพลาธิการ
แต่การมารับตำแหน่งนี้ของเขาออกจะลัดขั้นตอนและกะทันหันไปสักหน่อย
จึงไปขัดหูขัดตาขัดแข้งขัดขาหลายคนในกรมอาญาเข้า
เฮ้อ! ใช่ว่าเขาเลือกอะไรได้เสียที่ไหน ที่เลือกได้คือยืนหยัดในอุดมการณ์ของตนต่อไปนั่นล่ะ!
แต่แล้วจุดเปลี่ยนในชีวิตการเป็นขุนนางของเขาก็มาถึง…
เกิดคดีแปลกประหลาดและแสนจะสะเทือนขวัญขึ้นในพื้นที่การดูแลของถังฟั่น
ณ ที่ตั้งสุสานอดีตจักรพรรดิมีชาวบ้านสูญหายปริศนาสิบกว่าชีวิต ยังมีเสียงร้องไห้โหยหวนที่ไม่รู้ต้นตอ
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นฝีมือโจรขุดสุสาน หรือเป็นอาถรรพ์ของ ‘เทพแม่น้ำ’ตามความเชื่อของชาวบ้านกันแน่
ถังฟั่นพร้อมด้วยสุยโจวสหายสนิท กำลังจะเดินทางไปไขปริศนาสุสานอดีตจักรพรรดิแล้ว!
เล่ม 4
อันที่จริงการไม่ต้องเป็นขุนนางแล้วก็มีข้อดีมากมาย
หนึ่งในนั้นคือมีอิสรเสรี อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป
ด้วยเหตุนี้ถังฟั่นจึงถือโอกาสว่างเว้นจากหน้าที่อย่างไม่มีกำหนด
เดินทางไปเยี่ยมพี่สาวกับหลานชายที่ออกเรือนไปอยู่ต่างเมือง
เพียงเพื่อที่จะพบว่าพวกนางแม่ลูกหาได้มีชีวิตที่อบอุ่นอภิรมย์
ที่แท้หลังถังอวี๋แต่งเข้าสกุลเฮ่อต้องเจอกับเรื่องอะไรบ้างกัน
ถังฟั่นซึ่งบัดนี้ไม่มียศศักดิ์อำนาจแล้วจะช่วยเหลือนางได้กี่มากน้อย
ทว่า... เรื่องในบ้านสกุลเฮ่อยังหาทางออกที่เหมาะสมไม่ได้
พวกเขาก็ต้องเข้าไปพัวพันกับคดีฆ่าคนตายในคฤหาสน์คหบดีประจำอำเภอ
เมื่อผู้ต้องสงสัยว่าสังหารบุตรีคนเล็กของคหบดีผู้นั้น
คือหลานชายวัยเพียงเจ็ดขวบของถังฟั่น!
เล่ม 5
ชายแดนต้าถงเป็นพื้นที่อ่อนไหวมาตลอด แต่นับจากวังจื๋อไปเป็นเสนาธิการ
ทัพต้าหมิงก็แทบไม่เคยปราชัยในศึกกับชนเผ่านอกด่านเลย
ทว่าไม่นานมานี้สภาพการณ์กลับผกผันตรงกันข้าม
เมื่อทุกครั้งที่ทัพต้าหมิงไล่กวดข้าศึกไปถึงบริเวณทะเลสาบ
ก็มีอันต้องเผชิญกับปรากฏการณ์วิปริตผิดแผก จนสาบสูญทั้งกองทัพ!
ลือว่านี่เป็นเวทมนตร์ของ ‘หลี่จื่อหลง’ หัวหน้าลัทธิบัวขาว
ผู้ซึ่งบัดนี้มีศักดิ์เป็นถึงราชครูของพวกต๋าต๋า
กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เหล่าทหารหาญไปแล้วไปลับ ขวัญกำลังใจกองทัพดิ่งต่ำถึงขีดสุด
ศัตรูควบคุมได้กระทั่งเมฆหมอกพายุฝนลมทราย
ยังได้ยินว่านักพรตมารผู้นั้นสามารถสั่งการภูตทหารจากเมืองผีให้ล้อมโจมตีได้อีก!
ด้วยเหตุนี้ ถังฟั่นซึ่งชื่อเสียงขจรขจายว่าเป็น ‘เทพผู้ไขคดี’ จึงได้เดินทางมาถึงยังเมืองต้าถงแล้ว...!!
เล่ม 6
เดิมทีถังฟั่นมาซูโจวด้วยต้องมาแก้ไขกรณีขุนนางสามฝ่ายมีข้อพิพาทกัน
เพราะต่างคนต่างเขียนฎีกาโยนความผิดกันไปมา
ว่าเหตุใดเสบียงที่แจกจ่ายราษฎรผู้ประสบภัยอดอยากจึงไม่เพียงพอ
แต่กลับกลายเป็นยิ่งขุดยิ่งพบความเน่าเหม็นบัดซบของคน
ทำให้ถังฟั่นผู้ซึ่งสุภาพอ่อนโยนเสมอมาถึงครา ‘โกรธ’จริงๆ แล้ว
คดีนี้มีคนใหญ่คนโตมากมายอยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะกลุ่มอำนาจวั่นและสำนักบูรพา
หากถังฟั่นก็ปะทะกับพวกเขาบ่อยเสียจนเรียกได้ว่า ‘สนิทชิดเชื้อ’
ส่วนตำแหน่งขุนนางของเขาก็เดี๋ยวแต่งตั้งเดี๋ยวถอดถอนจน ‘ชิน’ ไปนานแล้วเช่นกัน
ถังฟั่นจึงยอมหักไม่ยอมงอ เปิดโปงความจริงอย่างคนไม่มีอะไรจะเสียอีกครั้ง!
เล่ม 7
ลัทธิบัวขาวถูกขุดรากถอนโคน กล่าวได้ว่าเก้าในสิบส่วนเป็นผลงานของถังฟั่น
เขาจะเติบโตในหน้าที่การงาน ขั้นตำแหน่งเลื่อนขึ้นพรวดพราดก็หาใช่เรื่องน่าแปลกใจ
บัดนี้ถังฟั่น ถังรุ่นชิง ก็ได้กลายเป็น ‘ถังเก๋อเหล่า’มหาเสนาบดีแห่งสภาขุนนางแล้ว!
ช่วงเวลานี้บ้านเมืองนับว่าสงบสุข หากไม่ใช่กับในราชสำนักและวังหลวง
กลุ่มอำนาจวั่นยังคงไม่วางมือจากภารกิจเปลี่ยนตัวรัชทายาท
ทั้งยิ่งต้องเร่งรัดลงมือเพราะองค์จักพรรดิพระวรกายอ่อนแอขึ้นทุกวันๆ
งานที่ใต้เท้าถังต้องสะสางก็เยอะมากพอแล้ว ยังต้องแบ่งแยกสมองมาขับเคี่ยวกับคนเหล่านี้อีก
แต่นี่คือแนวรบแห่งสุดท้ายที่เขาต้องเข้าร่วม ทั้งหมดทั้งมวลมิใช่เพื่ออนาคตตน
ทว่าเพื่ออนาคตของแผ่นดินต้าหมิงในรัชศกใหม่!!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in