พี่แมร์บอกว่ามีแต่ตัวเราเองเท่านั้นแหละที่จะรู้เรื่องของตัวเองดีที่สุด ให้สนใจคนอื่นให้น้อยลง และหันกลับมาคุยกับตัวเองให้มาก ว่า เฮ้ย ช่วงนี้แกเป็นไงวะ โอเครึเปล่า ถ้าไม่ มันเพราะอะไรกัน เราจะแก้ไขยังไง มีทางเลือกอะไรไหม "อย่าคิดว่าชีวิตเราเลือกไม่ได้ เธอเลือกได้ตั้งแต่วินาทีที่เธอเกิดขึ้นมาแล้ว" เมื่อคิดได้แล้วก็ต้องลงมือทำด้วย เพราะมโนไปไม่มีทางรู้แน่ๆ
พี่แมร์แจกการบ้านบัณฑิตใหม่ให้กลับไปคิดว่า ชอบอะไรในตัวเองชอบอะไรในชีวิต เพราะทุกคนจำเป็นต้องมีเป้าหมาย แล้วความฝันเหล่านั้นนี่แหละที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเรา
"จงใช้ชีวิตแบบ customized"
เพราะการประสบความสำเร็จในชีวิตมันไม่มีมาตรฐาน ยอมสั่งตัดหนทางนั้นเอง จะซื้อแบบยกโหลไปทำไม บางคนอาจจะมีปัญหาว่าหาสิ่งที่ตัวเองชอบไม่เจอ ก็หาสิ่งที่ไม่ชอบแล้วตัดชอยส์ให้ชีวิตก็ได้ อย่างน้อยก็เลือกง่ายขึ้น แล้วเมื่อตั้งใจ ใส่ใจกับอะไร เธอจะเห็นแต่สิ่งนั้น
ประกอบกับความเป็นมนุษย์ คนเราเกิดมามันต้องมีวิธีดิ้นเว่ย เชื่อว่าสักวันหนึ่ง พวกเราจะเดินทางไปในจุดที่ตัวเองตื่นมาแล้วพอใจกับชีวิตได้
คำพูดอื่นที่ควรค่าแก่การจำ โลกมันมีมากกว่าในช่องปาก จงขอบคุณในสิ่งปกติ เพราะถ้ามันไม่ปกตินี่แหละมึงมีปัญหาแน่ (ฮา) And this too, shall pass. หยุดดราม่าลงโซเชี่ยล มันไม่เป็นมืออาชีพที่สุด! ปรบมือออออ พี่แมร์เซลฟี่กับเด็กๆ กบหูหนวก หนึ่งในนิทานที่ฟังระหว่างการบรรยายของอาจารย์สรรพัชญ์ก็คือเรื่องราวของกบฝูงหนึ่งที่กำลังปีนป่ายขึ้นยังเสาไฟฟ้า (เพราะอะไรวะ) เมื่อระยะทางเริ่มสูงขึ้น กบใจเสาะบางตัวก็เริ่มถอดใจ ยึดตรรกะที่ว่าถ้าตกลงมาตอนนี้ไม่เจ็บไม่ตาย ถอนตัวกระโดดลงจากเสากันทีละตัวสองตัว ไปๆ มาๆ กบส่วนใหญ่ก็ทยอยกันละมือออกจากเสาตามคำตักเตือนของเพื่อนกบและแรงกดดันของคนหมู่มาก มีเหลืออยู่เพียงอ๊บเดียวที่ไม่หวั่นต่อการเปลี่ยนแปลงใดๆ ยืนหยัดอดทนปีนป่ายต่อไปจนถึงยอด สำเร็จอย่างสวยงาม ซึ่งนิทานก็เฉลยที่หลังว่า
กบตัวนั้นมันหูหนวก
__________
หลังลาออกจากบริษัท logistic มาเลี้ยงลูกด้วยตนเองจนลูกเข้าอนุบาลเป็นที่เรียบร้อย แม่บ้านคนหนึ่งก็เริ่มว่างงาน มีพี่ที่รู้จักเล็งเห็นศักยภาพในการพูดคุยและสร้างคอนเนกชั่นของเธอ จึงได้ลองเสนองานตัวแทนบริษัทประกันให้ ซึ่งไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะสนับสนุนให้รับงานเสนอครั้งนี้ แต่แม่บ้านคนนั้นก็ตัดสินใจปีนต่อ ทำหูหนวกต่อทุกคนจะยกเว้นเพียงก็แต่ตัวของเธอเอง ซึ่งทุกวันนี้ เธอได้กลายเป็นผู้บริหารระดับอาวุโสมีความสามารถที่จะ provide ตัวเลือกทางการศึกษาและประสบการณ์ให้ลูกอย่างเกินฐานะไปหลายขุม ทั้งโรงเรียน ทักษะความสามารถพิเศษ การไปเที่ยว/แลกเปลี่ยนต่างประเทศ ไม่เว้นแมัแต่ของกินของใช้สวัสดิการทุกด้าน รู้ไม๊ครับแม่บ้านคนนั้นก็คือแม่ผมเอง เพราะฉะนั้น การใหญ่ใดๆ ถ้าคิดใตร่ตรองให้ดีแล้วการเชื่อตัวเองเป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด อย่างน้อยๆ เราก็จะไม่เสียใจภายหลังใช่ไหมครับThe magic of eating together ระหว่างการบรรยาย มีโฆษณาที่ว่า "Nothing brings us together like eating together." โฆษณาของ President’s choice ประเทศ แคนาดา
VIDEO
การรวมกลุ่มกันไปกินข้าวตามร้านโน่นนี่เป็นกิจกรรมที่มีดีมากจริงๆ นอกจากจะทำให้เราคุยกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น อย่างในคลิปแล้ว มันยังทำหน้าที่เป็นเป้าหมายความสุขระยะสั้นให้มีแรงผ่านคลินิกโหดๆ เลคเชอร์ง่วงๆ หรือ สอบยากๆ ไปได้
นอกจากเพื่อนจะนัดกันเองแล้ว คณะเราที่ขึ้นชื่อเรื่องการเลี้ยง ก็มีนัดน้องนัดพี่นัดสายรหัส อาจารย์ก็นัด โอย มะรุมมะตุ้ม มิงเกิ้ลกันไปหมด คิดแล้วก็ใจหายเหมือนกันนะครับว่าต่อจากนี้คงจะไม่ได้ต่อโต๊ะใหญ่ กินข้าวเสียงดังกันบ่อยๆ อีกแล้ว
บนสมรภูมิการเงิน เป็นหนึ่งในความดราม่าจิตแตกของชีวิตหมอฟันจบใหม่ เหล่าสิงสาราสัตว์นานาธนาคารเขาจ้องอยากจะได้พวกเราไปเป็นลูกค้ากัน ทุกเจ้าต่างก็งัดไม้เด็ดกันออกมา ทั้งความสะดวกในการสมัคร ยกเว้นค่าธรรมเนียม และของแถมล่อตาล่อใจชักชวนให้พสกเรา ที่ส่วนใหญ่ยังไร้เดียงสาทางการเงินหลงเชื่อกันไปบ้าง พอเห็นเทคนิกหรือแกวการหาลูกค้าของคนในวงการนี้แล้วรู้สึกว่าเครียดมากเลย ถ้าชีวิตไปทำงานแต่ละวันคือการไม่ซื่อสัตย์ ตัดหน้า หักหลังกันอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ (ซึ่งเราอาจจะพูดเกินไป จริงๆ แล้วคงเป็นธรรมดาของธุรกิจแหละตัดอคติอื่นออกไป แก่นของมันก็คือการแข่งกันที่ fair game) จะมีความสุขได้จริงเหรอ สุดท้ายแล้วผมในฐานะลูกค้าก็ตกลงสมัครบัตรเครดิตไปสองธนาคารตามความเชื่อที่คิดว่าไตร่ตรองมาดีแล้ว (ฮา) ที่พีคที่สุดคือเย็นวันนั้นผมก็จัดเลยรูดบัตรเปิดซิงการติดหนี้เป็นครั้งแรกวินาทีที่เซ็นใบสลิปนี่ต้องรักษาไม่ให้เสียอาการมาก อารมณ์ในใจนี่เหมือนกับเอาบัตรแม่ไปใช้จ่ายด้วยบัตรเสร็จก็รู้สึกโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นอีกหนึ่งก้าวครับ (เพ้อเจ้อ)
บริบูรณ์
ปิดท้ายชีวิตการเรียน ด้วยบายศรีจากอาจารย์บรรยากาศตอนนั้นเต็มไปด้วยความสุข ทุกคนยิ้มแย้มแสดงความยินดีให้กับศิษย์ที่ฝ่าฟันอุปสรรคมาได้อาจารย์ที่เฮี๊ยบหนักระดับที่เด็กเจอทีแทบจะแหวกแผ่นดินหนีกลับกลายเป็นหนึ่งในท่านที่มีเด็กต่อคิวไหว้ขอบคุณ (ทั้งน้ำตา) มากที่สุด
ส่วนตัวผม ได้มีโอกาสเดินขอบคุณอาจารย์บางท่านที่มีอิมแพคต่อชีวิตนิสิต ขอบคุณที่ทำให้ผมชอบวิชาเลคเชอร์จากคาบที่อาจารย์สอนรวมไปถึงราเมงมื้ออร่อยที่ญี่ปุ่น ขอบคุณที่ใจดี ช่วยเหลือแนะนำเป็นที่ปรึกษาเป็นธุระให้อย่างไม่ขาด ขอบคุณที่มี lifestyle ที่แตกต่าง พร้อมทั้ง passion ในการทำงานให้ผมได้ชื่นชมถือเป็นแบบอย่าง ขอบคุณที่ชมลายมือของผมและเป็นเพื่อนคุยในโอกาสที่ดวงเราสมพงศ์ เดินสวนกันอยู่บ่อยๆ ขอบคุณที่พลิกความคิดของความชอบของผมจากหน้ามือเป็นหลังมือและจุดประกายหนทางในอนาคตให้ผมเห็นลางๆและเตือนให้ผมมีสติ ยั้งมือให้มาก
อีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ของวัน คือของขวัญจากน้องในชมรมน้องโคตรจะน่ารักเลยที่คิดถึงพี่ อยากจะขอคืนความรู้สึกดีๆที่ได้รับไปทั้งหมดกลับคืนไปเป็นกำลังใจให้น้องๆ ฝ่าฟันอุปสรรคที่เหลือไปได้นะครับ ❤ อยากจะขอบคุณ โรงเรียนอนุบาลรักลูก โรงเรียนรุ่งอรุณ โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา และ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่รับผมเข้าเรียน (ฮา) ตอนนี้ตื่นเต้นมากที่จะได้ก้าวสู่บทบาทใหม่ของชีวิต ขอให้คำสอนและความรู้ที่ได้รับมาควบแน่นเป็นเสบียง เอาไปใช้ในชีวิตทำงานได้
ในที่สุดก็เรียนจบซะที ภูมิใจจัง :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in