* แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบังเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น boy’s love…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *
– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –
“ยินดีด้วยนะคะ/ครับ!!!”
ภาพเหล่ามิวแทนต์วัยรุ่นที่ยืนล้อมรอบด้วยสีหน้าร่าเริงเป็นสิ่งที่ชาร์ลส์ เซเวียร์เห็นเมื่อลืมตาขึ้น…เขาแอบสงสัยอยู่แล้วว่าทำไมวันนี้ถึงไม่ได้ยินเสียงโหวกเหวกของเด็กๆ เลยแถมยังไม่เห็นหน้าใครเลยตั้งแต่เช้า ถึงจะเดาเรื่องได้ว่าทุกคนคงวางแผนอะไรกันอยู่ตอนที่เรเวนเข้ามาบอกให้เขาปิดตาแล้วจัดแจงลากเขาให้ตามเธอมา…แต่ชาร์ลส์ก็อดประหลาดใจไม่ได้อยู่ดี
“ฮ่าๆๆๆ โปรเฟสเซอร์อึ้งไปเลยอ๊ะ!!” ฌองหัวเราะร่า ก่อนจะโบกมือให้ทุกคน “เอ้าๆๆ จุดพลุเร็ว”
เสียงพลุกระดาษดังปุ้งถี่รัวรอบตัวเขา เกล็ดกระดาษสีปลิวว่อนในบรรยากาศที่เปี่ยมเสียงหัวเราะ เรเวนก้าวเข้ามากอดชายหนุ่มผมดำเร็วๆ แล้วพูดเสียงใส
“เรายังไม่มีโอกาสได้ฉลองกับตำแหน่งโปรเฟสเซอร์ของเธออย่างเป็นทางการสักที…ฉันเลยคิดว่าเราควรจะมีปาร์ตี้สักหน่อย” รอยยิ้มน่ารักระบายบนเรียวปากสีชมพู “ถึงจะช้าไปหน่อย…แต่ก็ยินดีด้วยนะคะโปรเฟสเซอร์”
ชาร์ลส์ได้แต่ยิ้ม…ความสุขที่มีในใจตอนนี้ทำให้เขาไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้ ในเวลาอันใกล้เด็กพวกนี้กำลังจะต้องเผชิญหน้ากับสงครามและการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้เป็นที่รับรู้…ภาระที่หนักหนายิ่งนักสำหรับวัยรุ่นคนหนึ่ง หากทุกคนก็ยังมีใจจะมาคิดถึงเขาและอุตส่าห์จัดงานเพื่อแสดงความยินดีให้
“…ขอบใจนะ” เสียงนุ่มนวลพยายามบังคับไม่ให้สั่น “ขอบใจจริงๆ…ทุกคนเลย”
เหล่ามิวแทนต์วัยรุ่นต่างยิ้มกับท่าทางของชาร์ลส์ ก่อนที่อเล็กซ์จะพูดขึ้นบ้าง
“พวกเราเองก็ต้องขอบคุณคุณเหมือนกันล่ะครับโปรเฟสเซอร์…ถ้าไม่ได้คุณ พวกเราก็คงจะกลายเป็นอะไรไปก็ไม่รู้แล้ว”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่วินาทีแสนซึ้งจะถูกแทนที่ด้วยเสียงพูดเซ็งแซ่…ฌองบอกว่าเขาเตรียมเพลงมาร้องฉลอง แต่ไอเดียที่ว่าก็โดนทุกคนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย แฮงค์กับเรเวนมอบการ์ดที่ช่วยกันทำให้ อเล็กซ์บอกว่ามัวร่าฝากคำอวยพรมาให้เพราะว่าเธอยังคงมีงานให้สะสางที่สำนักงานหลักของซีไอเอ
ชาร์ลส์หัวเราะไปกับทุกคน…วันนี้จะถูกจดจำไว้ในฐานะวันที่งดงามอีกวันของเขาอย่างแน่นอน แต่ชายหนุ่มก็อดเหงาเล็กๆ ไม่ได้เมื่อเห็นว่าใครบางคนไม่ได้มาร่วมแสดงความยินดีกับเขา และนัยน์ตาสีน้ำเงินทอแววหมองๆ ก็ไม่ได้หลุดรอดสายตาของเด็กๆ ไปได้
“เอ่อ…มีอะไรไม่ดีรึเปล่าครับโปรเฟสเซอร์?” แฮงค์ถามอย่างกลัวๆ กล้าๆ…ชี้ไม้ชี้มือไปทางเศษพลุกระดาษที่กระจายเต็มพื้นพรมและโซฟา “เดี๋ยวพวกเราจะเก็บกวาดเองครับ…ไม่ต้องห่วง”
“ปละ…เปล่าๆ ไม่ใช่หรอกแฮงค์” ชาร์ลส์รีบยิ้มให้ เด็กหนุ่มทำหน้าไม่เชื่อ…แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ ไฟในห้องก็ดับพรึ่บ ทำให้ห้องที่ปิดม่านไว้รอบมืดทึมลงในพริบตา
“อะไรเนี่ย? เรามีคิวนี้ด้วยเรอะ?” เสียงกระซิบของฌองลอยมาจากมุมห้อง…คำถามได้รับการตอบทันใจเมื่อประตูห้องถูกเปิดเข้ามาโดยเรเวนที่ยิ้มกว้าง ร่างสูงที่เดินตามมาทำให้ห้องที่มืดสลัวนั้นสว่างขึ้นเล็กน้อยด้วยแสงเทียนบนเค้กที่อยู่ในมือของเจ้าตัว
“โห~~~ สุดยอด!!” เด็กหนุ่มผมแดงพูดอย่างตื่นเต้น “เธอนี่มันเจ้าแม่ปาร์ตี้ตัวจริงเสียงจริงเรเวน!! ฉันลืมคิดถึงเค้กไปเลย!!”
ทุกคนหัวเราะกับถ้อยคำของฌอง…ก่อนที่อเล็กซ์จะคว้ามืออีกฝ่ายมาจับไว้ให้ยืนข้างตัว กระซิบเบาๆ ให้หยุดทำตัวไฮเปอร์และกระโดดโลดเต้นเสียที (แน่นอนว่าถึงฌองจะยอมยืนนิ่งๆ อเล็กซ์ก็ไม่ได้ปล่อยมืออยู่ดี)
ชาร์ลส์อดยิ้มไม่ได้กับภาพที่เห็น อารมณ์เหงาในใจถูกลืมไปอย่างง่ายดายเมื่อได้เห็นคนที่ตนอยากให้อยู่ด้วยมากที่สุดในตอนนี้…อีริค เลนเชอร์ยังคงดูดีในเครื่องแต่งกายแบบเรียบๆ อย่างที่เจ้าตัวชอบใส่ หากเสื้อคอเต่าสีดำและสีหน้าเรียบนิ่งก็ดูขัดกับเค้กครีมประดับสตรอเบอร์รีสีสดในมือจนชาร์ลส์ต้องกัดริมฝีปากตัวเองเพื่อกลั้นหัวเราะ ซึ่งอีกฝ่ายก็คงเดาใจเขาได้…หน้านิ่งๆ นั้นจึงแปรเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วใส่ทันที
“เซอร์ไพรส์ เซอร์ไพรส์~” เรเวนร้องเป็นเพลง ร่างบอบบางเดินมาจูงมือเขาให้เข้ามาใกล้อีริค “รีบเป่าเค้กเร็ว…ฉันอดใจมาตั้งแต่เช้าแล้วเนี่ย”
“รู้แล้วๆ” ชาร์ลส์รับคำ…สายตายังคงไม่ละไปจากใบหน้าคมคายของคนถือเค้ก หยุดยิ้มไม่ได้แม้แต่ตอนที่ก้มไปเป่าเทียน
“เย้~~~!!” เด็กๆ ส่งเสียงเชียร์อย่างยินดีเมื่อเทียนดับหมดในรวดเดียว…เรเวนวิ่งไปเปิดไฟก่อนจะเรียกแฮงค์ให้มาช่วยกันหยิบจานโดยมีอเล็กซ์กับฌองเดินตามไปสมทบ ทิ้งให้ทั้งห้องเหลือเพียงชายหนุ่มสองคน
อีริควางเค้กลงบนโต๊ะ วงหน้าคมสันยังคงไม่หายบึ้งเล็กๆ…ชาร์ลส์อมยิ้มก่อนจะเดินไปยืนข้างๆ ร่างสูงที่ตอนนี้ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่แล้ว ชายหนุ่มขยับจะพูด หากมือที่ยื่นออกมาของอีกฝ่ายก็หยุดเขาเอาไว้เสียก่อน…กล่องของขวัญเล็กๆ หุ้มผ้าสีน้ำเงินเข้มผูกด้วยริบบิ้นสีเงินถูกประคองไว้ด้วยนิ้วเรียว
ชาร์ลส์มองกล่องของขวัญนิ่งนานด้วยความประหลาดใจ จนเสียงทุ้มต้องพูดขึ้นมาห้วนๆ
“รีบๆ เอาไปซะที…นายไม่อยากได้ของจากฉันรึไง?”
“อะ…อืม!” เสียงนุ่มตอบรับอย่างเพิ่งรู้ตัว มือบางเอื้อมหยิบกล่องบุผ้าขึ้นมาถือไว้ ก่อนร่างสมส่วนจะก้มลงเพื่อให้หน้าของตนอยู่ระดับเดียวกับอีกฝ่ายที่นั่งอยู่
“ขอบใจนะ” ชายหนุ่มผมดำพูด และอดไม่ได้ที่จะเอ่ยต่อ…รอยยิ้มขบขันแต้มที่มุมปากและเจือชัดในน้ำเสียง “…แล้วก็ขอบใจนะ…สำหรับเค้กน่ะ”
นัยน์ตาสีเทาฉายแวววาววับตอนมองใบหน้าอ่อนเยาว์ที่อมยิ้มนั้น…และก่อนที่ชาร์ลส์จะทันตั้งตัว มือใหญ่ของอีริคก็ดึงรั้งให้ร่างของเขาเสียหลักหล่นลงบนโซฟา ท่อนแขนแข็งแรงกดทับให้ไม่อาจจะขยับได้ถนัด แผ่นหลังที่กระแทกเบาะไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอะไรเลย…เพราะความสนใจทั้งหมดถูกใช้ไปกับใบหน้าคมคายของอีกฝ่ายที่โน้มลงมาใกล้
“บอกกี่ครั้งแล้วหา…ว่าอย่าทำให้ฉันหงุดหงิด?” เสียงทุ้มถามข้างหู…ความใกล้ชิดและสถานที่ทำให้ชาร์ลส์หมดอารมณ์จะล้อเล่น เสียงนุ่มกล่าวระล่ำระลัก
“อะไรกันอีริค…ฉันขอบใจนาย แค่นั้นเองจริงๆ นะ…ปล่อยได้แล้…”
มือแข็งแรงยังไม่ยอมปล่อย และอีกฝ่ายก็พูดแทรกเขาอย่างไม่สนใจ
“ไอ้หน้ายิ้มๆ ของนายนี่แหละ…มันยั่วโมโหดีจริงๆ เลยรู้บ้างไหม?”
“โอเค! ฉันจะเลิก…อื้อ!!!” ประโยคของชาร์ลส์หายไปกลายคันเมื่อริมฝีปากของอีริคประกบลงมาเร็วๆ…ก่อนที่มันจะเลื่อนไปที่แก้มทั้งสอง ตรงขมับ ไล้เรื่อยลงมาทิ้งสัมผัสหนักๆ ไว้ที่ซอกคอ ก่อนจะย้อนกลับมาที่ริมฝีปากอีกครั้ง…จูบที่อีกฝ่ายพรมประทับลงมาไม่ได้ลึกล้ำหรือยาวนาน แต่ก็อ้อยอิ่งนานพอที่จะทิ้งความอุ่นของสัมผัสเอาไว้
จากที่พยายามปัดป้อง…มือบางก็แปรเปลี่ยนเป็นหมดแรง กล่องของขวัญร่วงลงบนพื้นพรม อีริคปล่อยให้เขาเป็นอิสระตอนที่เสียงของเด็กๆ แว่วมาให้ได้ยินจากหน้าประตู ชาร์ลส์นึกอยากจะเอาคืนคนที่ทำท่าราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนักแต่ก็รู้ตัวดีว่าเขาไม่มีวันชนะอีริค เลนเชอร์ได้…ชายหนุ่มจึงได้แต่นึกหวังว่าจะไม่มีใครสังเกตได้ว่าเขาเพิ่งโดนทำอะไรไปเมื่อครู่ (ไม่มีอะไรจะให้สังเกตหรอก…ยกเว้นแค่เสื้อที่ยับยู่ยี่ แก้มที่แดงก่ำ และริมฝีปากฉ่ำๆ…เท่านั้นเอ๊งงงง!!)
“มาๆๆๆ เจ้าของงานมาตัดเค้กหน่อยเร็ว~” เรเวนเรียก ทำให้ชาร์ลส์เดินไปที่โต๊ะที่วางเค้กเอาไว้ ชายหนุ่มพยายามปั้นหน้ายิ้มแย้มปกติให้กับเด็กๆ ที่ยืนล้อมอย่างรอคอยอยู่ มือเรียวหยิบมีดขึ้นมา…เค้กดูน่ากินกว่าเดิมเมื่อได้มามองใกล้ๆ ด้วยครีมฟูฟ่องสีขาวกับสตรอเบอร์รีลูกโต ชาร์ลส์ยิ้มกับแผ่นช็อคโกแล็ตที่มีข้อความเขียนไว้
‘Congratulation Professor Xavier!!’
แต่ข้อความข้างล่างแผ่นช็อคโกแล็ตนั้นทำให้ชาร์ลส์ต้องวางมีดลงดังกึก…ข้อความนั้นดูยังไงก็ไม่มีทางใช่สิ่งที่ทางร้านเค้กทำ เพราะมันเกิดจากการกรีดหน้าเค้กด้วยของปลายแหลมๆ อย่างมีด
…มีคนเพียงคนเดียวที่ชาร์ลส์รู้จักที่จะสามารถบังคับให้มีดเขียนข้อความบนหน้าเค้กออกมาได้เรียบร้อยแบบนี้
“อีริค เลนเชอร์!!!!” เสียงนุ่มโวยวายดังลั่นผิดวิสัย ร่างสมส่วนปรี่เข้าไปหาคนที่ยืนอย่างไม่สนใจอะไรอยู่ตรงมุมห้อง “นายเล่นบ้าอะไรของนายหา??”
เหล่ามิวแทนต์วัยรุ่นมองตามโปรเฟสเซอร์ที่ตอนนี้หัวฟัดหัวเหวี่ยงไปแล้วก่อนจะเบนสายตากลับมาที่เค้ก…ข้อความที่น่าจะเป็นตัวต้นเรื่องเป็นแค่คำสามคำ
‘Charles Erik Lehnsherr’
“…………..” ไม่มีใครกล่าวอะไรกันออกมา…อเล็กซ์ ฌอง และแฮงค์ได้แต่กลอกตาไปมาอย่างเข้าใจว่าทำไมเจ้าของงานถึงได้ปรอทแตก
…แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ เล่นมีแฟนขี้หวงซะขนาดนี้
“นี่!!! ทำไมชาร์ลส์ถึงโกรธฮะ???” เรเวนที่ยังคงไม่เข้าใจถามอย่างหงุดหงิด (เพราะอยากทานเค้กแล้ว) ก่อนจะเขย่าแขนเพื่อนชายของตัว “แฮงค์! นายรู้ใช่มั้ย? บอกฉันมาซิ!!”
“เอ่อ…เรเวน เธอไปซื้อเค้กกับอีริคใช่มั้ย” หนุ่มแว่นพยายามทำให้สาวน้อยใจเย็น “ไม่รู้เหรอว่าเขาแอบเขียนนั่นน่ะ?”
เรเวนเหลือบมอง ‘นั่น’ ที่อีกฝ่ายกล่าวถึง แล้วพูดอย่างไม่รู้เรื่อง “รู้สิ แต่อีริคบอกว่าชาร์ลส์เห็นแล้วต้องดีใจแน่…ฉันเลยไฟเขียวให้เขาทำ”
เด็กสาวเห็นสายตาของทุกคน เสียงใสจึงถามขึ้นมาอย่างเดาได้
“ฉันทำผิดไป…ใช่มั้ย?”
ดวงตาสีเข้มอ่านข้อความตัวปัญหาอีกครั้ง ก่อนจะพูดอย่างไม่เข้าใจ “มันทำไมอ่ะ? ก็แค่ชื่อชาร์ลส์ต่อด้วยชื่ออีริคเองนี่ ไม่เห็นมีอะไรเลย”
แฮงค์ถอนหายใจออกมา…บางครั้งเรเวนผู้แสนจะดูเชี่ยวชาญกับเรื่องแบบนี้ก็กลับไม่รู้อะไรเลยเหมือนเด็กๆ ไปเสียได้
“คือตอนแต่งงานน่ะ…” เด็กหนุ่มอธิบาย “ภรรยาเขาจะเปลี่ยนนามสกุลตามสามีใช่มั้ย…”
เสียงอธิบายเงียบหาย สาวน้อยจึงเร่ง “แล้วไง?”
“แต่ก็มีบางคู่…” แฮงค์อึกอัก “…มีบางคู่ ภรรยาจะใช้ทั้งชื่อทั้งนามสกุลสามีมาเป็นนามสกุลใหม่ไปเลย”
ความเงียบแผ่คลุมทั้งวงสนทนาทันที ทุกสายตาเบนกลับไปที่ข้อความที่ ‘สามี’ เขียนเอาไว้บนหน้าเค้ก
‘Charles Erik Lehnsherr’
ส่วนทางอีกมุมห้อง…เสียงโวยวายยังคงดังสลับกับเสียงเรียบนิ่งแบบไม่ทุกข์ไม่ร้อนสักนิดเดียว
“ฉันบอกนายกี่ครั้งแล้วหาว่าเลิกเปลี่ยนชื่อฉันซะที!? ฉันไม่ใช่ภรรยาของนายเข้าใจไหม???”
“เงียบน่าชาร์ลส์…อย่างเดียวที่สามีภรรยาทั่วไปเขาทำกันแต่เรายังไม่ได้ทำก็คือจัดงานแต่งงานกับจดทะเบียนเท่านั้นแหละ”
“งะ…เงียบนะอีริค!! เราอยู่ต่อหน้าเด็กๆ นะ!!”
“ไม่ต้องกังวลไป ไม่มีใครที่ยังไม่รู้หรอกชาร์ลส์”
“อีริค!!!”
เสียงโวยวายของชายหนุ่มผมดำจากมุมห้องทำให้เหล่ามิวแทนต์วัยรุ่นได้แต่มองหน้ากัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างจนหนทางจะช่วยเหลือใดๆ
Fin. ★★★★★★★★★★★★★★★★★★★ Congratulation! ★ – After Party –
สิ่งที่นอนนิ่งอยู่ในกล่องบุผ้าสีน้ำเงินเข้มคือเข็มกลัดโลหะทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าวาววับ
“ว้าว” ชาร์ลส์ที่ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นแล้วหลังจากที่ได้ฟังเด็กๆ ทุกคนยืนยันว่าไม่ได้ยินสิ่งที่เขาทุ่มเถียงกับอีริคไปเมื่อครู่สักนิดเดียว (ทุกคนสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าชาร์ลส์เชื่อเพราะความซื่อหรือเจ้าตัวแค่ปล่อยเบลอหลอกตัวเองได้ขั้นเทพกันแน่) “สวยจังเลย ขอบใจนะอีริค”
เข็มกลัดเป็นดีไซน์แบบเข็มกลัดชื่อที่ใช้ติดเสื้อทั่วไป…เพียงแต่มันวาววับและเป็นสีเงินหม่นอย่างโลหะชั้นดีที่ราคาคงแพงไม่ใช่เล่น ชาร์ลส์หยิบมันขึ้นมาพินิจใกล้ๆ…ก่อนจะต้องสะดุ้งกับสิ่งที่สลักไว้ ใบหน้าอ่อนเยาว์หันขวับไปทางชายหนุ่มข้างตัวที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันทันที
“ให้ตายเถอะอีริค! นายนี่มันไม่ยอมเลิกจริงๆ!!”
ชายหนุ่มผมน้ำตาลไม่ได้สนใจกับน้ำเสียงกร้าวๆ นั้นเลย…ชาร์ลส์ตอนโวยวายเหมือนหนูแฮมสเตอร์ที่โกรธจัด น่าขำมากกว่าน่ากลัว
“อะไรอีกล่ะ? ฉันอุตส่าห์เหลือชื่อนายเต็มๆ ไว้นะ…เพราะยังไงๆ นักเรียนก็ต้องเรียกนายว่าโปรเฟสเซอร์เซเวียร์ใช่มั้ยล่ะ”
“พวกเขาจะเรียกฉันว่าโปรเฟสเซอร์ชาร์ลส์ เซเวียร์ !! ไม่ใช่โปรเฟสเซอร์ชาร์ลส์ เลนเชอร์ เซเวียร์ !!! ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เลยนะ!!”
อีริคมองเข็มกลัดที่อีกฝ่ายกวัดแกว่งมันตรงหน้าเขาด้วยสายตาคร้านๆ…ตัวอักษรที่สลักบนผิวโลหะอ่านได้ชัดเจนในแสงไฟ
‘Professor Charles Lehnsherr Xavier’
“ลบนามสกุลนายออกไปเลยนะ!!” ชาร์ลส์ว่า ดวงตาสีน้ำเงินวาววับประกอบน้ำเสียงเป็นฟืนเป็นไฟ
อีริคจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ…สายตาที่จ้องตรงเนิ่นนานทำให้คนโดนมองรู้สึกหน้าร้อนแบบแปลกๆ เสียงนุ่มนวลเริ่มตะกุกตะกัก
“ละ…เลิกจ้องได้แล้ว รีบๆ ลบเลย…เร็วๆ”
รอยยิ้มอย่างผู้ชนะผุดแว่บที่มุมปาก ก่อนที่ชายหนุ่มผมน้ำตาลจะเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ถ้าลบมันจะมีที่ว่างเยอะไประหว่างชื่อนายกับนามสกุล…ฉันไม่คิดจะทำให้ของขวัญที่ฉันให้นายดูไร้รสนิยมอย่างนั้นหรอกนะ ลืมมันไปซะ”
“อะไรกัน…ฉันไม่ยอมหรอกนะ! อีริค! อีริค! แก้เดี๋ยวนี้เลยนะ!! อีริค~!!!”
Fin (for real ! XD)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in