เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
X-Men First Class fanfictionTippuri~ii*
Kiss and Stay
  • Kiss and Stay
    X-Men: First Class Fanfiction by Tippuri~ii *

     

     Pairing: Erik Lehnsherr x Charles Xavier

    * แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบังเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น boy’s love…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ * 

      – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –


     

     

     

    รอบตัวของเขาคือความอับสนอลหม่าน

                   

     

     

     

    ชาร์ลส์ เซเวียร์เห็นได้ชัดว่าการบุกเรือของชอว์โดยหน่วยซีไอเอคืนนี้นับเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง…เขาไม่ได้คาดการณ์มาก่อนว่าจะมีมิวแทนต์อยู่บนเรือด้วย และนั่นก็ทำให้แผนการบุกเปลี่ยนรูปไปโดยสิ้นเชิง

                   

     

     

     

    นัยน์ตาสีน้ำเงินมองฝ่าท้องฟ้าสีดำออกไป…พยายามคิดหาทางแก้เกมส์ แต่ทุกสิ่งก็ชะงักงันเมื่อชายหนุ่มเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ใต้ผืนน้ำมืดมิด

       

            

     

       ใครกัน…?

     

     

     

                   

    ชาร์ลส์ใช้พลังของเขาเพื่ออ่านความคิดของชายปริศนาคนนั้น…แล้วก็ต้องกรีดร้องออกมาเมื่อสัมผัสถึงจิตใจที่มีแต่ความอาฆาตมาดร้าย ร่างสมส่วนทรุดลงบนเข่าด้วยใบหน้าซีดเผือด

                   

     

     

     

     

    “ชาร์ลส์!! เป็นอะไรคะ?!!” นักสืบมัวร่าถลาเข้ามาประคองเขา หากในตอนนี้…ชาร์ลส์มีคนที่เขาเป็นห่วงมากกว่าตัวเอง ความคิดที่เขาได้รับรู้นั้นถูกครอบงำไปด้วยความเคียดแค้น…มันดำมืดเสียจนทำให้เจ้าของยอมที่จะทำทุกสิ่ง แม้ว่านั่นจะหมายถึงการเสี่ยงชีวิตตัวเองก็ตาม

     

       

     

      …เขาต้องช่วยคนคนนั้น

     

     

     

     

     

    ชายหนุ่มรีบพุ่งไปที่กาบเรือ เสียงนุ่มพยายามตะโกนฝ่าลมทะเลที่ปั่นป่วน

     

     

     

     

    “ปล่อยมันไปซะ!! นายต้องปล่อยมันไป!!”

     

     

     

     

    การกระทำของเขาเปล่าประโยชน์…ระยะทางและการที่อีกฝ่ายยังคงจดจ่อกับการแก้แค้นทำให้เสียงของเขาไปไม่ถึง ชาร์ลส์ตะโกนอย่างสิ้นหวังซ้ำไปซ้ำมา…ก่อนจะตัดสินใจทำสิ่งที่บ้าบิ่นเสียจนตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้เขาตัดสินใจเช่นนั้น

     

        หากตอนนี้…ชีวิตของคนคนนั้นสำคัญที่สุดสำหรับเขา

     

     

     

    ร่างสมส่วนกระโดดลงไปในผืนน้ำมืดมิด…ความเย็นเยียบกรีดลงบนผิว หากชาร์ลส์ก็ไม่สนใจ มือเรียวยื่นออกไปโอบชายที่เขาไม่รู้แม้แต่ชื่อ…ทุ่มแรงทั้งหมดในการเหนี่ยวรั้งร่างกำยำที่ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ผืนน้ำเย็นเฉียบนั้นทำให้ชาร์ลส์รู้สึกว่าเรี่ยวแรงของตนกำลังลดหายไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจใช้พลังของตน

     

     

     

     

    “ปล่อยมันไปซะ! นายต้องปล่อยมันไป!!”

     

     

     

     

    เรือดำน้ำของชอว์ลอยห่างไปเรื่อยๆ…ชายหนุ่มในอ้อมกอดของเขายังคงพยายามที่จะใช้พลังในการควบคุมมัน ชาร์ลส์ได้แต่พยายามรั้งตัวอีกฝ่ายไว้อย่างสุดความสามารถ

     

     

     

     

    “ฉันเข้าใจความรู้สึกของนาย…แต่ถ้านายยังฝืนทำแบบนี้ นายจะตายนะ!”

     

     

     

     

    มือเรียวเริ่มคลายออก…ความสิ้นหวังทวีในใจของชายหนุ่มผมดำ

     

     

     

     

    “ได้โปรด…อีริค…ปล่อยมันไปซะ”

     

     

     

     

    มือเรียวดึงรั้งร่างแข็งแรงนั้นขึ้นเหนือผิวน้ำ เสียงหอบหายใจดังกระชั้น ก่อนที่ชายหนุ่มปริศนาจะตะคอกเสียงลั่น

     

     

     

     

    “นายเป็นใคร?!”

     

     

     

     

    ชาร์ลส์รู้ดีจากสายตาเคลือบแคลงของอีกฝ่ายว่าคำถามนั้นหมายถึงอะไร

     

     

     

     

    “นายมีทริคของนาย…ฉันก็มีทริคของฉัน” ชายหนุ่มตอบ…พยายามยิ้มแม้ว่าตอนนี้เขาจะรู้สึกชาไปทั้งตัวจากความเย็นของผืนน้ำ

     

     

     

     

    “ฉันนึกว่าจะมีแต่ฉันคนเดียวซะอีก” สีหน้าแข็งกร้าวของอีกฝ่ายละมุนลง…และนั่นทำให้คนมองหัวเราะออกมา

     

     

     

     

    เสียงของนักสืบมัวร่าดังแว่วมาจากเรือที่กำลังลอยลำเข้ามาใกล้ “ชาร์ลส์! ชาร์ลส์คะ!”

     

     

     

     

    เจ้าของชื่อตะโกนตอบให้รู้ถึงตำแหน่งของพวกเขา…ก่อนจะหันไปยิ้มให้ชายหนุ่มแปลกหน้า

     

     

     

     

    “ไม่…อีริค…นายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวหรอกนะ”

     

                                                                 

     

     

    * * * * * * * * * * * *

     

     

    ผ้าห่มผืนหนาถูกคลุมลงบนร่างเปียกโชกทันทีที่ทั้งสองก้าวขึ้นมาบนเรือ มัวร่าถลาเข้ามาต่อว่าชายหนุ่มผมดำถึงการกระทำบ้าบิ่นของเขา…ชาร์ลส์ไม่เถียงอะไร เขารู้ดีว่าความโกรธเกรี้ยวของหญิงสาวเกิดขึ้นจากความห่วงใยที่อีกฝ่ายมีให้ตน

     

     

     

     

    เสียงโหวกเหวกทำให้บทสนทนาของทั้งคู่หยุดชะงัก…ชายหนุ่มที่เขาเพิ่งช่วยชีวิตเอาไว้หมดสติไปแล้ว หากร่างสูงก็สั่นระริก…เสียงไอต่ำๆ ดังออกมาทั้งที่เจ้าตัวไม่รับรู้อะไรแล้ว

     

     

     

     

    ชาร์ลส์พุ่งเข้าไปใกล้ทันที ถึงแม้ว่าร่างกำยำนั้นจะมีผ้าห่มอยู่แล้ว…มือบางก็ดึงผ้าห่มที่คลุมร่างตนอยู่กางทับให้อีกชั้น ไม่ใส่ใจถึงความหนาวที่แล่นริ้วขึ้นมาตามผิว เสียงนุ่มตวาดลั่นผิดนิสัยให้หญิงสาวข้างตัวไปตามหมอบนเรือก่อนจะเบือนสายตากลับมาที่ใบหน้าซีดเซียวของคนที่หมดสติ มือเรียวตบแก้มเย็นเฉียบเบาๆ

     

     

     

     

    “อย่า…อีริค” เสียงนุ่มนวลพูดรัวเร็ว…ขอร้องอย่างสิ้นหวัง “อย่าหลับไปแบบนี้…อยู่กับฉัน อีริค…อยู่กับฉัน…ได้โปรดเถอะ”

     

     

     

     

    ร่างตรงหน้ายังคงไม่ได้สติ…และชาร์ลส์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหัวใจเขาถึงได้รู้สึกหวาดกลัวนักยามที่คิดว่าดวงตาคู่นี้จะไม่ลืมขึ้นมาอีกแล้ว

     

     

     

     

    หากความกลัวนั้นก็มากเสียจนทำให้เขาตัดสินใจทำเรื่องที่ไม่คาดคิดเป็นครั้งที่สองของคืนนี้

     

                                                                   

     

     

    * * * * * * * * * * * *

     

     

     

    เมื่อลืมตาตื่นขึ้น…อีริค เลนเชอร์ไม่รู้ว่าตัวเขาอยู่ที่ไหน

     

     

     

     

    ห้องสีขาวนั้นไม่ใหญ่โตอะไรมากมาย ผ้าห่มที่คลุมร่างเขาอยู่มีกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ…ทำให้เขาเดาว่าที่นี่น่าจะเป็นห้องพยาบาลหรืออะไรทำนองนั้น มือใหญ่แตะที่ขมับของตัวเองเบาๆ…อาการปวดหัวจางๆ ยังคงแล่นริ้ว

     

     

     

     

    เหตุการณ์เมื่อคืนสับสนอยู่ในความคิด อีริคไล่ลำดับความทรงจำ…เขาพังเรือ…ชอว์หนีไปได้…และเสียงกระซิบของผู้ชายที่ช่วยชีวิตเขาไว้ หากหลังจากนั้น…ทุกสิ่งดูพร่ามัว มีเพียงเศษเสี้ยวของความทรงจำที่หลงเหลืออยู่ในหัว…สิ่งที่เหมือนกับว่าเขาฝันไปมากกว่าจะเกิดขึ้นจริง

     

         “…ได้โปรดเถอะ…”

     

     

     

     

     

    เสียงเว้าวอนนั้นแผ่วจางเสียจนเขาจำได้เพียงแค่ประโยคหลัง ชายหนุ่มหลับตาลง…จำได้ว่าเสียงกระซิบนั้นดังซ้ำไปซ้ำมา…สลับกับสัมผัสนุ่มนวลที่ทาบทับบนริมฝีปากและลมหายใจที่ถูกมอบให้

     

     

     

     

    นัยน์ตาสีเทาเปิดลืมขึ้นเมื่อคิดมาถึงตรงนี้

     

          นั่นเป็น…ใครกัน?

     

     

     

     

     

     

    ประตูห้องถูกเปิดออกโดยร่างสมส่วนที่ก้าวเข้ามา ใบหน้าขาวมีรอยยิ้มระบายอยู่เต็มริมฝีปาก

     

     

     

     

    “อรุณสวัสดิ์” ชายหนุ่มผมดำเดินมาที่ข้างเตียง มือเรียวถูกยื่นออกมา “ฉันชาร์ลส์…ชาร์ลส์ เซเวียร์”

     

     

     

     

    อีริคไม่สนใจที่จะจับมือนั้น ดวงตาสีเทาหรี่มองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจ “ไม่ต้องเสียเวลาหรอก…อ่านใจฉันซะก็จบ”

     

     

     

     

    “ฉันไม่ทำแบบนั้นกับเพื่อนของฉัน” ชายหนุ่มส่ายศีรษะ ก่อนจะพูดอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มละไม “ชาร์ลส์ เซเวียร์…ยินดีที่ได้รู้จัก”

     

     

     

     

    อีริคมองลึกลงไปในดวงตาสีแซฟไฟร์ของอีกฝ่าย…อะไรบางอย่างบอกให้เขารู้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้คิดร้ายหรือโกหก มือใหญ่จึงยอมยื่นออกไป “อีริค เลนเชอร์”

     

     

     

     

    พวกเขาแลกเปลี่ยนคำถามกันสั้นๆ…ชาร์ลส์ดูยินดีที่เขาตกลงจะร่วมมือด้วย

     

     

     

     

    “ขอบใจนะ อีริค” เสียงนุ่มกล่าวขณะที่เจ้าตัวกำลังจะก้าวออกจากห้อง “ฉันดีใจนะ…ที่นายเลือกจะอยู่กับฉัน”

     

     

     

     

    คนฟังไม่ได้ใส่ใจที่จะกล่าวลานัก…เพราะคำพูดของอีกฝ่ายนั้นฟังดูคุ้นหูในความทรงจำ

     

         “อยู่กับฉัน อีริค…อยู่กับฉัน…ได้โปรดเถอะ”

     

     

     

     

     

    ชายหนุ่มพยายามนึก…แต่สุดท้ายก็มีเพียงความว่างเปล่าเป็นคำตอบ

     

     

    – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –


    อีริคยอมตกลงที่จะร่วมมือกับชายที่ช่วยชีวิตเขาไว้…แผนการที่จะทำให้เขาได้ข้อมูลของชอว์มากขึ้น และความต้องการของเขาก็เป็นจริงเมื่อชายหนุ่มได้เข้าไปยังฐานของหน่วยซีไอเอ

     

     

     

     

    มือใหญ่วางแฟ้มที่มีข้อมูลของศัตรูของตนลงในกระเป๋าเอกสารใบงามก่อนจะเดินออกจากตัวตึก…ความมืดมิดของยามราตรีที่เงียบสงบเป็นเครื่องกำบังอย่างดีให้การลงมือ และเมื่อยามเช้ามาเยือน…เขาก็คงไปได้ไกลเกินกว่าที่ใครจะตามตัวได้แล้ว

     

     

     

     

    “เท่าที่ฉันรู้จักนาย…ขอบอกตามตรงว่าฉันประหลาดใจที่นายทนอยู่ได้นานขนาดนี้” เสียงนุ่มนวลที่ดังขึ้นทำให้ฝีเท้าของเขาหยุดชะงัก…ชาร์ลส์ เซเวียร์ก้าวออกมาจากมุมมืดแล้วยิ้มให้

     

     

     

     

    นัยน์ตาสีเทาตวัดมองอย่างเยียบเย็น “นายรู้อะไรเกี่ยวกับฉัน?”

     

     

     

     

    รอยยิ้มนุ่มนวลนั้นกว้างขึ้น คำตอบนั้นสั้น…หากชัดเจน “ทุกสิ่งทุกอย่าง…อีริค”

     

     

     

     

    “ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามายุ่งกับในหัวฉัน” เสียงทุ้มพูดกร้าว…เรียกรอยยิ้มเจื่อนๆ จากคนฟัง

     

     

     

     

    “ฉันขอโทษ…อีริค แต่ฉันเห็นว่าชอว์ทำอะไรให้นาย ฉันสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของนาย” นัยน์ตาสีน้ำเงินฉายแววจริงใจ “อีริค…ฉันช่วยนายได้นะ”

     

     

     

     

    ชายหนุ่มผมน้ำตาลตอบเสียงห้วน “ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากนาย”

     

     

     

     

    เสียงนุ่มหัวเราะเบาๆ “จริงหรือ? นายยังต้องให้ฉันช่วยอยู่เลยนะเมื่อวาน”

     

     

     

     

    ทั้งคู่สบสายตากัน…ก่อนที่ชาร์ลส์จะยิ้มบางๆ

     

     

     

     

     “ฉันหยุดนายได้นะ อีริค…แต่ฉันจะไม่ทำ” ร่างสมส่วนก้าวกลับไปใกล้ตัวอาคาร ก่อนจะหันกลับมากล่าวคำสุดท้าย “ชอว์มีพรรคพวก…อีริค และนายเองก็มีได้”

     

     

     

     

    ประตูปิดลงอย่างไร้เสียง…ทิ้งให้ร่างกำยำยืนนิ่งอย่างใช้ความคิดตามลำพังใต้ท้องฟ้าสีดำสนิท

     

                                                                   

     

     

    * * * * * * * * * * * *

     

     

     

    ตอนที่เขาก้าวเข้ามาในห้อง…ชาร์ลส์กำลังคุยอะไรสักอย่างกับเจ้าหน้าที่ซีไอเอเกี่ยวกับเรื่องเครื่องตรวจจับคลื่นสมองของมิวแทนต์อยู่

     

     

     

     

    ไม่มีใครทำหน้าประหลาดใจหรือเปลี่ยนสีหน้าตอนที่ได้เห็นเขา…ยกเว้นแต่ชายหนุ่มผมดำที่ยิ้มกว้างอย่างยินดี ก่อนที่จะรีบเก็บอาการเอาไว้…แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถทำได้ เสียงนุ่มนวลนั้นมีความสุขเจืออยู่ชัดเจน

     

     

     

     

    “นายตัดสินใจที่จะอยู่สินะ อีริค”

     

     

     

     

    อีกครั้ง…คำพูดนั้นสะกิดใจเขาให้คิดถึงอะไรบางอย่างที่เลือนรางในความทรงจำ

     

         “อย่าหลับไปแบบนี้…อยู่กับฉัน อีริค…อยู่กับฉัน….ได้โปรดเถอะ…”

     

     

     

     

    นัยน์ตาสีเหล็กจ้องมองรอยยิ้มที่ปิดไม่มิดนั้นแล้วผงกหัวนิดๆ เป็นเชิงตอบ นั่นทำให้ชาร์ลส์ยิ้มกว้างกว่าเดิมและสนับสนุนข้อเสนอของเขาเรื่องการใช้ซีรีโบรตามหาตัวมิวแทนต์โดยไม่ขึ้นตรงกับหน่วยซีไอเอ

     

     

     

     

    เมื่อการหารือเสร็จสิ้น ร่างสูงก็ก้าวออกไปจากห้อง ก่อนจะหยุดที่ริมโถงทางเดินที่ไร้ผู้คนเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง

     

     

     

     

    “อีริค! รอก่อนสิ!”

     

     

     

     

    เจ้าของชื่อหันกลับมา…ไม่นึกแปลกใจที่จะได้เห็นว่าใครเป็นคนที่เรียกเขาไว้ “มีอะไรอีกล่ะ ชาร์ลส์”

                   

     

     

     

    “ไม่หรอก…ก็แค่…” เสียงนุ่มนวลเรียบเรียงคำพูด ก่อนที่จะกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ขอบใจนะ อีริค”

                   

     

     

     

    ชายหนุ่มอีกคนนิ่งมองร่างตรงหน้า…สายตาไล่เรื่อยจากดวงตาสีน้ำเงินสดใสไปยังริมฝีปากสีเรื่อ

               

          …สัมผัสนุ่มนวลที่ทาบทับ…

     

     

     

     

               

    “อีริค?” ชาร์ลส์เรียกเมื่อเห็นอีกฝ่ายดูจะไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาพูดนัก

     

     

                   

     

    “ไม่ต้องมาขอบใจอะไรหรอก” ชายหนุ่มผมน้ำตาลตอบเรียบๆ “ฉันไม่ไปตอนนี้…ไม่ได้หมายความว่าฉันจะอยู่ตลอดไปนะ จำเอาไว้”

                   

     

     

     

    “ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็ดีแล้ว” เสียงนุ่มตอบ ชาร์ลส์ขยับจะเดินออกไป…แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมือแกร่งของอีกฝ่ายเอื้อมมารั้งไว้ ร่างสมส่วนถูกหมุนให้หันมาเผชิญหน้า…และวินาทีต่อมา ชายหนุ่มก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสของริมฝีปากที่ประกบทับลงมาอย่างรวดเร็ว

                   

     

     

     

    สัมผัสอบอุ่นทาบทับเพียงชั่วครู่…ก่อนอีริคจะปล่อยร่างที่นิ่งขึงในมือออกแล้วกล่าวเสียงเรียบ ขัดกับคนโดนขโมยจูบที่หน้าแดงไปแล้วเรียบร้อย

                   

     

     

     

    “อืม…ใช่จริงๆ ด้วย” วงหน้าคมคายโน้มลงมาใกล้ เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ “นายเองสินะ…ที่บอกฉันว่าอย่าหลับน่ะ?”

                   

     

     

     

    “อะ…อืม” ชาร์ลส์พยักหน้ารับ ไม่กล้าจะสบตาอีกฝ่ายแล้วเพราะความรู้สึกพิลึกๆ ที่พลันเกิดขึ้นเมื่อย้อนคิดไปถึงตอนนั้น…ยามที่เขาสูญเสียความเยือกเย็นและเหตุผลทั้งหมดที่เคยมีเพียงเพราะเห็นคนตรงหน้ากำลังตกอยู่ในอันตราย

               

         ม่รู้ทำไม…ความรู้สึกพิลึกพิลั่นนั่นถึงได้ทำให้ในใจหวานไหวแบบแปลกๆ

     

     

                   

     

    ด้วยความที่ยังจมในความคิดของตัวเอง…ชายหนุ่มจึงไม่ได้รับรู้ใบหน้าหล่อเหลาที่โน้มลงมาใกล้ นัยน์ตาสีเทามองวงหน้าตกใจกับความใกล้ชิดของคนตรงหน้าแล้วหัวเราะหึในลำคอ มือแข็งแรงเชยคางเรียวขึ้น…จูบที่สองนั้นเนิ่นนานกว่าครั้งแรก สัมผัสลึกล้ำนั้นรุ่มร้อนเสียจนทำให้ชาร์ลส์คิดอะไรไม่ออก…ร่างสมส่วนได้แต่ยืนนิ่งจนอีกฝ่ายถอนริมฝีปาก

     

     

     

     

    “ขอบใจที่ช่วยฉันไว้นะ…ชาร์ลส์”

     

     

     

     

    สมองของชายหนุ่มผมดำยังคงไม่สามารถประมวลผลได้ว่าเกิดอะไรขึ้น นัยน์ตาสีน้ำเงินกระพริบถี่ๆ…ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะทำยังไงต่อไป

     

     

     

     

    “ไม่เป็นไรอยู่แล้ว…” เสียงตอบรับของชาร์ลส์บอกชัดว่าความคิดของเจ้าตัวคงสับสนจนเบลอไปแล้ว อีริคหัวเราะเบาๆ ในลำคอเมื่อได้ฟัง

     

     

     

     

    “ฉันไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรอกนะ…นายมีเป้าหมายของนาย ฉันก็มีเป้าหมายของฉัน” เสียงทุ้มพูด…นุ่มนวลผิดวิสัย “แต่อย่างน้อยๆ…แค่ตอนนี้…”

     

     

     

     

    ชาร์ลส์ช้อนตาขึ้นอย่างรอฟัง…และได้เห็นแววอ่อนโยนที่เจืออยู่ในดวงตาสีเทาที่มองมา

               

         จูบที่มอบให้…ความอบอุ่นบนริมฝีปากเพียงเสี้ยวนาที…จะเป็นเหมือนคำยืนยันของสัญญาที่เปราะบางนี้…

     

     

                   

     

     

    “ฉันจะอยู่กับนาย…ถ้านั่นเป็นสิ่งที่นายต้องการ”

     

     

     

    Fin.

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in