เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
X-Men First Class fanfictionTippuri~ii*
Blue Eyes in My Dream
  • Blue Eyes in My Dream
    X-Men: First Class Fanfiction by Tippuri~ii * 

     Pairing: Erik Lehnsherr x Charles Xavier

    * แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบังเทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น boys’ love…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ * 

      – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

    กระสุนที่พุ่งตรงมานั้นถูกพลังของเขาหักเหไปได้อย่างง่ายดาย

     

                   

     

    อีริค เลนเชอร์เหยียดยิ้มกับความพยายามอันไร้ประโยชน์ของหญิงสาวตรงหน้า หากวินาทีต่อมา เลือดในกายของเขาก็พลันเย็นเยียบเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านหลัง…เสียงที่เขาคุ้นเคยดีถูกเปล่งออกมาจากร่างที่ทรุดฮวบลงบนพื้นดิน

     

     

                   

    ชายหนุ่มพุ่งเข้าไปรับร่างอ่อนปวกเปียกนั้นทันที…ลืมสิ้นว่าตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ควรมีแต่ความเกลียดชัง…ลืมสิ้นว่าชายคนนี้ปฏิเสธความเชื่อของเขา ในสมองตอนนี้อื้ออึงไปด้วยความสับสนที่ดังกึกก้อง

     

     

               

    เขาทำอะไรลงไป?! 

     

     

     

               

    ถึงความเจ็บปวดจะกัดกินร่างเพียงไร…ชาร์ลส์ เซเวียร์ในอ้อมแขนของเขากลับยังมีสายตาที่มั่นคง นัยน์ตาสีน้ำเงินสดใสนั้นจ้องตรงมา…สบประสานกับดวงตาสีเหล็กของชายหนุ่มอย่างแน่วแน่ ริมฝีปากสีทับทิมขยับเป็นถ้อยคำเดียวซ้ำไปซ้ำมา มือเรียวที่แบออกเผยให้เห็นกระสุนปืนที่บุบเบี้ยวจากรูปทรงเดิม

     

     

                   

    อีริคพร่ำเรียกชื่อของร่างในอ้อมแขน…เสียงทุ้มสั่นสะท้านราวกับจะขาดใจ หากประกายแสงกลับเริ่มเลือนจากสีแซฟไฟร์สุกใสนั้น เปลือกตาสีซีดหรี่ลง…ราวกับเจ้าตัวไม่อาจได้ยินเสียงใด

     

     

                   

    ลูกกระสุนบุบเบี้ยวร่วงหล่นจากฝ่ามือ เสียงตกกระทบพื้นของมันดังสนั่น…กึกก้องซ้ำไปซ้ำมา

     

     

                   

    …วินาทีนั้นเองที่อีริคลืมตาตื่น

     

     

                   

    ร่างกำยำลุกขึ้นนั่งบนเตียงนุ่ม…แสงจันทร์ส่องลอดหน้าต่างเข้ามาให้รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในห้องนอนของตนที่คฤหาสน์หลังงามของตระกูลเซเวียร์ สถานที่ที่ชาร์ลส์เปลี่ยนให้เป็นโรงฝึกของเหล่ามิวแทนต์ ความเงียบสงบของยามค่ำคืนบอกเขาว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น…ทุกสิ่งเป็นเพียงความฝัน

     

     

                   

    หากภาพของชาร์ลส์ที่กำลังสิ้นลมหายใจในอ้อมแขนของเขานั้นดูสมจริงเสียจนชายหนุ่มรู้สึกกลัว

     

     

                   

    ร่างสูงผุดลุกขึ้น เท้าก้าวออกไปตามความคิด…ลืมแม้แต่จะคว้าเสื้อคลุมมากันอากาศหนาวให้กับร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าของตน

     

     

    * * * * * * * * * * * *

     

                   

    ชาร์ลส์ เซเวียร์ถูกปลุกขึ้นจากห้วงนิทราแสนสบายด้วยเสียงประตูที่ปิดปังและแรงกระชากหนักหน่วง

     

                   

    นัยน์ตาสีน้ำเงินสดลืมขึ้นด้วยความไม่พอใจเล็กๆ…นึกอยากผลักคนไร้มารยาทที่บุกเข้าห้องนอนแล้วดึงตัวเขาขึ้นมากอดไว้อย่างไม่ใส่ใจว่าเขากำลังหลับอยู่สักนิด แต่เมื่อสติเริ่มคืนมา เขาก็สัมผัสได้ว่าเจ้าของอ้อมแขนนี้ไม่ใช่เรเวนอย่างที่เข้าใจ

     

                   

     

    “อีริค?”

     

                   

    เสียงนุ่มนวลเอ่ยชื่อออกไปอย่างไม่แน่ใจ มือบางแตะลงที่บ่ากว้างเพื่อจะดันตัวให้หลุดจากอ้อมกอด…แต่ก็เปลี่ยนใจเมื่อสัมผัสได้ว่าร่างกายของคนตรงหน้าสั่นระริก

     

     

                   

    “อืม…ฉันเอง ชาร์ลส์” เสียงทุ้มตอบ…คนฟังจับสังเกตได้ว่าน้ำเสียงที่เรียบนิ่งอยู่เสมอนั้นแหบพร่า เขาไม่เคยเห็นอีริคเป็นแบบนี้มาก่อน แขนเรียวจึงโอบรอบร่างกายกำยำนั้นบ้าง…มือบางลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ เป็นเชิงปลอบประโลม

     

     

                   

    “มีอะไรงั้นหรือ อีริค?” คนในอ้อมกอดถามอย่างอ่อนโยน เขาสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังกังวลได้โดยไม่ต้องพึ่งพลังของตน ชายหนุ่มรออย่างอดทน…หวังว่าผู้ชายตรงหน้าจะยอมเล่าถึงสาเหตุของความกังวลที่มี

     

     

    แต่อีริคไม่ตอบคำถาม อ้อมแขนนั้นไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ากอดร่างของอีกฝ่ายไว้อย่างแน่นหนา วงหน้าคมสันซบแนบกับเส้นผมสีเข้มนุ่มสลวย ลมหายใจที่สั่นสะท้านนั้นคืนจังหวะสม่ำเสมอดังเดิมเมื่อสัมผัสถึงความอบอุ่นของร่างในอ้อมแขน

     

     

    การกระทำของชายหนุ่มทำให้ชาร์ลส์นึกแปลกใจ อีกฝ่ายทำราวกับว่าต้องการจะยืนยันว่าตัวเขาอยู่ตรงนี้จริงๆ…ไม่ใช่ภาพลวงตาหรือความคิดฝันใดๆ

     

     

    “ฉันไม่ได้จะหายไปไหนหรอกนะ อีริค” เสียงนุ่มพูดติดตลก…หวังให้ความตึงเครียดในใจของคนเป็นเพื่อนคลายลง กระชับอ้อมกอดของตัวเองที่โอบรอบร่างแกร่งให้แน่นขึ้น “ฉันอยู่ตรงนี้…ตรงหน้านายเลยเห็นไหม”

     

     

     

    ใช้เวลาสักพัก อีริคจึงจะยอมปล่อยมือ เสียงทุ้มพูดเบาๆ

     

     

     

    “ขอโทษที่ทำให้นายตื่น”

     

     

     

    ชาร์ลส์ยิ้มให้ “ไม่เป็นไรหรอก”

     

     

     

    ร่างสูงไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม เขาก้าวยาวๆ ไปที่ประตูแล้วออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบผิดกับขามา ทิ้งให้ชายหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำเงินมองตาม…ไม่เข้าใจสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น

     

                                                                   

    * * * * * * * * * * * *

     

     

    ฝันร้ายของอีริคยังคงทำให้เขาต้องตื่นกลางดึกด้วยความหวาดกลัวคืนแล้วคืนเล่า ภาพของมันติดตรึงในสมองเสียจนทำให้เขาต้องลุกออกจากเตียงเพื่อไปหาชาร์ลส์ทุกครั้ง…เพื่อจะทำให้ตัวเองแน่ใจว่าอีกฝ่ายยังมีลมหายใจ

     

     

     

    เพื่อให้ตัวเองมั่นใจ…ว่าไม่ได้เสียอีกฝ่ายไป

     

     

     

    อีริครู้ดีว่าชาร์ลส์นั้นสงสัย อีกฝ่ายรู้จักเขาดีพอที่จะไม่เอ่ยปากถาม…หากดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นก็มองเขาด้วยสายตาห่วงใยและรอคอยคำตอบว่าเขาเป็นอะไร

     

        หากในความฝัน…นัยน์ตานั้นว่างเปล่า…ไร้ชีวิต

     

     

     

     “อีริค! อีริค! ฮัลโหล~” เสียงนุ่มนวลที่เรียกชื่อทำให้ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ นัยน์ตาสีเทาเข้มเหลือบขึ้นมองต้นเสียงที่ยิ้มร่า

     

     

     

    “อะไรนะ?”

     

     

     

    “ฉันบอกว่านายอ่อนซ้อมไปเยอะเลยนะ” ชาร์ลส์พูดพลางเอานิ้วผลักควีนของเขาจนล้ม “เชคเมทอีกรอบ…นายแพ้ติดๆ กันแบบนี้นี่หาดูได้ยากจริงๆ”

     

     

     

    “อย่าได้ใจไปนักเลย” อีริคพูดสั้นๆ จิบน้ำสีอำพันในแก้วของตนอีกอึก

     

     

     

    คนฟังหัวเราะเบาๆ มือเรียวเก็บตัวหมากขึ้นมาเรียงบนกระดานอีกรอบ เสียงนุ่มถามขึ้น…กระแสเสียงเจือความห่วงใย “ช่วงนี้นายเหม่อบ่อยนะ…มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า?”

     

     

     

    อีริคมองภาพตรงหน้าเงียบๆ…ใบหน้าที่มีปอยผมสีดำอ่อนนุ่มปรกลงมา นัยน์ตาสีแซฟไฟร์อ่อนโยนและเรียวปากสีเรื่อ นิ้วเรียวยาวที่จัดเรียงตัวหมากรุก

     

     

     

    ทุกครั้งที่เขามองชาร์ลส์…เขารู้สึกสงบใจอย่างประหลาด

     

     

     

    “ชาร์ลส์ ถ้านายโดนฆ่าตาย…นายจะแค้นคนที่ฆ่านายหรือเปล่า?” เสียงทุ้มเอ่ยคำถามแทนจะตอบอะไร ชายหนุ่มผมดำเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนถามอย่างประหลาดใจ…ดวงตาสีน้ำเงินสบประสานราวกับพินิจถึงสาเหตุของคำถามไร้ที่มา

     

     

     

    สุดท้าย ริมฝีปากบางก็ขยับยิ้มอย่างตัดสินใจได้

     

     

     

    “ในเมื่อนายไม่ตอบคำถามของฉัน…ฉันก็จะไม่ตอบคำถามของนาย อีริค” เสียงนุ่มกล่าวกลั้วหัวเราะ มือบางขยับตัวหมากเปิดกระดาน

     

     

     

    “จะเอาอะไรมายืนยันล่ะ…นายอาจจะรู้คำตอบไปแล้วก็ได้” อีริคหัวเราะหึ ขยับนิ้วไปแตะที่ขมับของตนเป็นเชิงล้อเลียน

     

     

     

    “ฉันสาบานเลย…ว่าฉันไม่ทำแบบนั้นกับนายแน่” มือบางเอื้อมมาปัดมือของอีกฝ่าย “เพราะฉันอยากให้นายพูดออกมาเอง…ฉันรอได้อยู่แล้ว”

     

     

     

    ชายหนุ่มนัยน์ตาสีเทาหัวเราะเบาๆ จิบน้ำสีอำพันอึกสุดท้าย ก่อนจะเอาคำตอบของอีกฝ่ายย้อนคืนให้เจ้าของ

     

     

     

    “ในเมื่อนายไม่ตอบคำถามของฉัน…ฉันก็จะไม่ตอบคำถามของนาย ชาร์ลส์”



     

    * * * * * * * * * * * *

     

    ถึงความเจ็บปวดจะกัดกินร่างเพียงไร…ชาร์ลส์ เซเวียร์ในอ้อมแขนของเขากลับยังมีสายตาที่มั่นคง

     

     

     

    นัยน์ตาสีน้ำเงินสดใสนั้นจ้องตรงมา…สบประสานกับดวงตาสีเหล็กของเขาอย่างแน่วแน่ ริมฝีปากสีทับทิมขยับเป็นถ้อยคำเดียวซ้ำไปซ้ำมา มือเรียวที่แบออกเผยให้เห็นกระสุนปืนที่บุบเบี้ยวจากทรงเดิม

                   

     

     

    เสียงทุ้มพร่ำเรียกชื่อของร่างในอ้อมแขน…สั่นสะท้านราวกับจะขาดใจ หากประกายแสงก็เริ่มเลือนจากดวงตาของอีกฝ่าย…ราวกับเจ้าตัวไม่อาจได้ยินเสียงใด

     

     

     

    นัยน์ตาสีน้ำเงินสดใส…ที่สูญเสียประกายของชีวิตไปด้วยฝีมือของเขา

     

                   

     

    ลูกกระสุนบุบเบี้ยวร่วงหล่นจากฝ่ามือ แต่คราวนี้…มันตกกระทบพื้นอย่างไร้เสียง เพราะมีเสียงที่ดังกว่าสะท้อนไปมาในห้วงความฝัน…ถ้อยคำของชายหนุ่มที่กำลังสิ้นลมหายใจ          

     

      “ไม่ใช่…อีริค นายนั่นแหละที่ยิงฉัน”

     

     

    สายตาเกลียดชังนั้นมองตรงมายังผู้ที่หยิบยื่นความตายให้แก่ตน

     

      “นายนั่นแหละ…ที่ฆ่าฉัน”

     

     

                                                                   

    * * * * * * * * * * * *

     

     

    ชาร์ลส์ เซเวียร์ยังไม่หลับตอนที่ประตูห้องนอนของเขาถูกเปิดโดยไม่มีการบอกกล่าว

                   

     

     

    คราวนี้…มือแข็งแรงไม่ได้กระชากตัวเขาเหมือนทุกครั้ง อีริคโอบร่างของเขาขึ้นมา…อ้อมกอดที่อ่อนแรงนั้นบอกชาร์ลส์ว่าความกังวลของอีกฝ่ายนั้นเพิ่มขึ้นมากเพียงใด

                   

     

     

    “ชาร์ลส์…”

                   

     

     

    เสียงทุ้มแผ่วระโหยนั้นทำให้ใจคนฟังเจ็บหนึบ ชายหนุ่มผมดำแนบหน้ากับแผ่นอกกำยำ เสียงนุ่มกล่าวหนักแน่น

                   

     

     

    “ฉันอยู่ตรงนี้…อีริค”

                   

     

     

    อ้อมแขนโอบเขาแน่นขึ้น คำถามเดิมถูกถามอีกครั้ง “ชาร์ลส์ ถ้านายโดนฆ่าตาย…นายจะแค้นคนที่ฆ่านายหรือเปล่า?”

                   

     

     

    ความเงียบกั้นกลาง ก่อนที่คนถามจะเอ่ยคำถามที่แท้จริง

     

     

     

    “ถ้านายโดนฉันฆ่าตาย…นายจะเกลียดฉันหรือเปล่า?”

     

     

     

    ร่างสมส่วนผละออกจากอ้อมกอด นัยน์ตาสีน้ำเงินจ้องตรงไปในดวงตาสีเทาเข้มชั่วครู่…มือบางแตะลงบนใบหน้าของอีกฝ่าย นิ้วเรียวไล้ตามเส้นผมสีน้ำตาลไหม้แผ่วเบา

     

     

     

    “ไม่…อีริค” รอยยิ้มของชายหนุ่มดูอ่อนโยนยิ่งนักในแสงจันทร์ “ต่อให้นายจะทำร้ายฉันหรือฆ่าฉันก็ตาม…ฉันก็จะไม่เกลียดนายแน่นอน”

     

     

     

    เสียงนุ่มนวลนั้นหนักแน่นเสียจนคนฟังนึกสงสัย

     

     

     

    “อะไรทำให้นายมั่นใจได้ขนาดนั้น?” คราวนี้ชายหนุ่มผมน้ำตาลพยายามจะสบสายตากับนัยน์ตาสีแซฟไฟร์บ้าง…แต่อีกฝ่ายกลับเสเบือนหน้าไปทางอื่นจนมือแกร่งต้องเลื่อนไปเชยคางเรียวนั้นไว้ เสียงทุ้มย้ำ “ชาร์ลส์…ตอบฉันมาสิ”

     

     

     

    “ฉันตอบคำถามของนายไปแล้ว อีริค” ร่างสมส่วนเริ่มดิ้นรน มือเรียวผลักแผ่นอกแกร่งให้ออกห่าง “เพราะงั้นนายก็น่าจะพอใจแล้วก็ปล่อยฉันซะที”

     

     

     

    การดิ้นรนและมือที่ผลักไสทำให้ความหงุดหงิดใจก่อตัว…มือแกร่งจึงรวบร่างในอ้อมแขนให้แน่นกว่าเดิมกว่าจะเหวี่ยงไปบนพื้นเตียง เสียงนุ่มอุทานอย่างตกใจเมื่อมือของตนโดนอีกฝ่ายจับไว้แน่นหนา…แต่แล้ว เสียงทั้งหมดก็พลันหายไปจากลำคอของชาร์ลส์เมื่อใบหน้าคมคายนั้นโน้มลงมาใกล้

     

     

     

    “ตอบฉันมา…ชาร์ลส์” เสียงทุ้มนั้นเฉียบขาด…แต่แววระริกในดวงตาสีเทานั้นเป็นยิ่งกว่าคำขอร้องใดๆ จากปากของชายหนุ่มผู้ทรนงอย่างอีริค

     

     

     

    ชาร์ลส์นิ่งมองวงหน้าคมคายนั้น…นัยน์ตาสีน้ำเงินเจือไปด้วยความปวดร้าว เสียงนุ่มนวลเอ่ยแผ่วเบา

     

     

     

    “ฉันขอโทษ อีริค…ฉันบอกนายไม่ได้”

     

     

     

    “เพราะอะไรกัน?! เป็นเพราะฉันยังไม่ได้ตอบคำถามของนายงั้นหรือ?!!” เสียงทุ้มตวาดออกมาอย่างหมดความอดทน “ได้…ถ้านายอยากรู้นักก็ตามใจ!! ฉันฝัน ชาร์ลส์…ฉันฝันว่าฉันฆ่านาย!”

     

     

     

    อีริคหอบหายใจ…ทุกสิ่งทุกอย่างพร่างพรูออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง

     

     

     

    “นายโดนกระสุนเพราะฉัน…ฉันรับนายเอาไว้ได้ แต่ก็สายไปแล้ว” นัยน์ตาสีเทาฉายแววเจ็บปวดอย่างที่ชาร์ลส์ไม่เคยเห็นมาก่อน “นายกำลังจะตาย…นายพูดซ้ำไปซ้ำมาว่าฉันเป็นคนฆ่านาย…”

     

     

     

    มือใหญ่ที่รวบข้อมือเขาไว้คลายออก…เลื่อนมาไล้ผิวแก้มของร่างบนเตียงแผ่วเบา

     

     

     

    “นายเกลียดฉัน ชาร์ลส์…ถึงฉันจะรู้ว่ามันเป็นความฝัน แต่มันก็ทำให้ฉันแทบบ้า”

     

     

     

    ชายหนุ่มผมดำนิ่งงันกับสิ่งที่ได้รับรู้…เข้าใจในทันใดว่าทำไมอีริคถึงได้เข้ามาตอนกลางดึกทุกคืน นั่นก็เพียงเพื่อจะได้ยืนยันกับตัวเองว่าเขายังมีลมหายใจ…ยังชีวิตอยู่ในอ้อมแขนของตน

     

     

     

    “สบายใจเถอะ อีริค” เสียงอ่อนโยนพูด “ฉันยังอยู่ตรงนี้กับนาย…และต่อให้นายจะฆ่าฉัน ฉันก็ไม่มีวันเกลียดนาย”

     

     

     

    “ทำไม…?” ชายหนุ่มผมน้ำตาลยังคงรุกไล่จะเอาเหตุผล…คำถามที่ทำให้นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มมองสบ ความเจ็บปวดฉายชัด

     

     

     

    “ฉันบอกนายไม่ได้ อีริค…” เสียงนุ่มกระซิบ ถ้อยคำขาดห้วงไม่ปะติดปะต่อ “ฉันรู้…นายกับเรเวน…เพราะอย่างนั้น ฉันพูดออกไปไม่ได้หรอก…”

     

     

     

    สีแซฟไฟร์นั้นเจือแววโศกเศร้าราวกับเจ้าของกำลังหลั่งน้ำตา

     

     

     

    “นายเป็นคนเดียวที่รู้เสมอว่าฉันคิดอะไร อีริค…จนฉันสงสัย…ว่านายไม่รู้จริงๆ หรือว่าฉันจะตอบว่าเพราะอะไร?”

     

     

     

    ชายหนุ่มผมน้ำตาลนิ่งงันไปกับสิ่งที่ได้ฟัง ก่อนที่จะหลุดยิ้มมุมปากออกมา มือหนาสางปอยผมสีดำที่ปรกวงหน้าขาวตรงหน้าออกเบาๆ

     

     

     

    “ชาร์ลส์ ในหัวนายนี่มีแต่ความคิดจริงๆ…ทั้งความคิดของตัวเองแล้วก็ที่มาคิดแทนฉัน” เสียงทุ้มกล่าวอย่างระอา…หากอ่อนโยน “ฉันชื่นชมสิ่งที่เรเวนมี…ก็แค่นั้นเอง”

     

     

     

    ชาร์ลส์นิ่งฟัง…ความงุนงงฉายชัดบนใบหน้า

     

     

     

    “อย่างน้อยนายก็พูดจริงเรื่องที่ไม่ได้อ่านใจฉัน” วงหน้าคมคายขยับยิ้ม “เพราะถ้านายทำ…นายคงรู้ไปแล้วว่าในหัวฉันน่ะมีแต่เรื่องที่เกี่ยวกับนาย ฉันเอาแต่คิดถึงนายจนตัวฉันเองยังรู้สึกหงุดหงิดเลยรู้ไหม?”

     

     

     

    นัยน์ตาสีน้ำเงินกระพริบปริบๆ อย่างประหลาดใจ…หากผิวแก้มที่ขึ้นสีเรื่อบอกอีริคว่าคนฟังกำลังปะติดปะต่อเรื่องได้เองแล้ว เสียงทุ้มจึงเอ่ยประโยคสุดท้ายออกไป

     

     

     

    “ในเมื่อนายชอบมาคิดแทนฉันนัก…งั้นก็ช่วยคิดทีละกัน ว่าฉันกำลังรู้สึกยังไงกับนายกันแน่?”

     

     

     

    ร่างสมส่วนรีบผลุดลุกขึ้นนั่ง หากก็ไปไหนได้ไม่ไกล…แผ่นหลังเบียดเข้ากับหัวเตียงและท่อนแขนแข็งแรงของชายหนุ่มผมน้ำตาลก็กางกั้นเขาไว้ทั้งสองทาง ใบหน้าหล่อเหลาที่เข้ามาชิดนั้นทำให้คนที่เยือกเย็นอยู่เสมอคิดอะไรไม่ออก…ไม่มีคำพูดใดหลุดลอดออกมาจากเรียวปากบาง

     

     

     

    หากคนที่รุกถามมาตลอดก็ไม่คิดรอคำตอบแล้ว…มือแกร่งเชยคางเรียวไว้ก่อนที่จะโน้มหน้าเข้าใกล้ ชาร์ลส์ขืนตัวออกห่าง เสียงนุ่มพูดรัวเร็ว

     

     

     

    “ไม่ได้…อีริค นายทำแบบนี้ไม่ได้…นายจูบเรเวน และเรเวนก็ชอบนาย…เพราะงั้น…”

     

     

     

    “นายเป็นห่วงทุกคน ชาร์ลส์…และก็คิดถึงความสุขของคนอื่นเสมอ” เสียงทุ้มพูดอ่อนโยน “จนบางครั้ง…ฉันก็รู้สึกว่านายลืมที่จะคิดถึงตัวเอง”

     

     

     

    มืออบอุ่นรั้งร่างสมส่วนเข้ามากอดไว้

     

     

     

    “ชาร์ลส์…ตอนนี้ไม่มีใครอื่น มีแค่ฉันกับนายเท่านั้น” เสียงกระซิบข้างหูอ่อนหวานนักในใจคนฟัง “ถ้านายอยากให้ฉันไป…ฉันก็จะไป แค่บอกฉันมา…บอกฉันมาว่านายต้องการอะไร”

     

     

     

    ชาร์ลส์ผละตัวออกจากอ้อมกอด จ้องลึกไปในดวงตาสีเทาเข้ม…เนิ่นนาน ก่อนที่เสียงนุ่มจะกระซิบแผ่วเบา

     

     

     

    “ได้โปรด…อยู่กับฉัน อีริค”

     

     

     

    นัยน์ตาสีน้ำเงินหลับลงเมื่อริมฝีปากของตนถูกทาบทับ…จูบนุ่มนวลหากก็ทำให้ใจเต้นรัว ร่างสมส่วนเกร็งเมื่อเรียวปากไล้เรื่อยลงมาที่ต้นคอ…ทิ้งสัมผัสอุ่นๆ ไว้บนผิวเปลือยเปล่า แผ่นอกบางสัมผัสได้ถึงไอเย็นในอากาศเมื่อมือใหญ่ปลดกระดุมเสื้อนอนของเขาออกจนหมด…ผิวขาวจัดนั้นดูนุ่มนวลกลางแสงจันทร์

     

     

     

    อีริคไล้มือไปบนแผ่นอกของอีกฝ่าย…ริมฝีปากประทับรอยสีกุหลาบบนผิวสีน้ำนม นัยน์ตาสีเทาเหลือบขึ้นมอง…ก่อนจะก้มลงจุมพิตริมผีปากสีเรื่อ แขนเรียวของอีกฝ่ายที่โอบรอบคอเขาไว้หลวมๆ ราวไม่แน่ใจทำให้เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น จูบลึกล้ำทำให้ร่างสมส่วนหอบหายใจแผ่วเบา…หากชัดเจนในความเงียบงัน

     

     

     

    นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มมองชายหนุ่มตรงหน้า…แววเว้าวอนฉายชัดในสีแซฟไฟร์พริบพราวนั้น

     

     

     

    มือใหญ่เลื่อนลงต่ำ…มอบสัมผัสลึกล้ำให้กับร่างในอ้อมแขน มือเรียวของอีกฝ่ายจิกแน่นบนไหล่หนายามความเจ็บปวดชำแรกเข้ามา อีริคจุมพิตที่ข้างหู…รู้สึกได้ถึงความเกร็งขึงของชายหนุ่มผมดำที่ค่อยๆ หลอมละลาย เสียงนุ่มนวลร้องครางแผ่วเบาเมื่อเขาแทรกกายเข้าไป…ก่อนที่เสียงร้องแว่วหวานจะถูกเปล่งออกมายามที่อารมณ์ทั้งหมดนั้นมากมายเกินจะต้านทาน

     

     

     

    อีริคปัดผมสีดำที่ตกลงมาปรกใบหน้าออกให้…ก่อนจะจูบหน้าผากของร่างในอ้อมแขน ชาร์ลส์ขยับยิ้มนุ่มนวลเหมือนทุกทีก่อนจะหยัดตัวขึ้นจุมพิตริมฝีปากของอีกฝ่ายเบาๆ

     

     

     

    นัยน์ตาสีน้ำเงินที่ฉายแววอ่อนหวานในแสงจันทร์นั้นเป็นดั่งภาพฝันแสนงดงามที่อีริคไม่มีวันลืม



     

    * * * * * * * * * * * *

     

    ชายหนุ่มผมน้ำตาลลืมตาตื่นด้วยแสงอาทิตย์ที่ส่องลอดหน้าต่างเข้ามา ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงแล้วแต่งตัวอย่างเงียบเชียบ…ไม่อยากปลุกคนที่กำลังหลับสบาย

    ชาร์ลส์ เซเวียร์ที่นอนอยู่บนเตียงหนานุ่มสีขาวทำให้อีริคคิดถึงเทวทูตในรูปวาด…เส้นผมสีดำที่ปรกระหน้านั้นขยับไหวตามลมหายใจ ร่างสมส่วนพลิกตัวเบาๆ…ก่อนจะขยี้ตาอย่างง่วงงุน

    “สายแล้ว…วันนี้…ต้องฝึก…” เสียงนุ่มพูดไม่เป็นประโยคด้วยความงัวเงีย แต่ชายหนุ่มก็พยายามลุกขึ้น มือเรียวสางผมสีดำของตนให้เรียบ…แม้ว่าผลที่ได้กลับเป็นว่าทำให้มันยุ่งกว่าเก่าก็ตาม

    “วันนี้วันหยุด ชาร์ลส์…นอนต่อเถอะ” อีริคกล่าว…แอบขำคนที่คิดจะไปสอนทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่ตื่นเต็มตาเสียด้วยซ้ำ

    “งั้นเหรอ…” ร่างสมส่วนเอนกลับไปบนเตียงอย่างโล่งอก ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ…และนั่นก็ทำให้อีริคทิ้งตัวนั่งบนเตียงบ้าง นิ้วเรียวยาวไล้เรือนผมสีราตรีนุ่มมือเบาๆ

    “หัวเราะอะไรของนาย” เสียงทุ้มนั้นกลับไปเป็นเสียงห้วนๆ ของอีริคคนเดิม…แต่แน่นอนว่ามันไม่เคยทำให้ชาร์ลส์รู้สึกเกรงกลัวได้สักครั้ง

    คนที่นอนอยู่กล่าวตอบยิ้มๆ “ฉันกำลังอยากจะอ่านใจว่าแมกนีโตผู้ยิ่งใหญ่จะยอมลงไปเอาอาหารเช้าขึ้นมาให้ฉันได้ไหม”

    “นายรู้คำตอบดีอยู่แล้ว โปรเฟสเซอร์เอ็กซ์” ใบหน้าคมคายโน้มลง เสียงทุ้มกระซิบข้างหู “…คำตอบคือไม่มีทาง”

    นัยน์ตาสีน้ำเงินมีแววสนุกสนานกว่าเดิม เสียงนุ่มกล่าวเจือหัวเราะ “bitte…Herr Lehnsherr”

    คำขอร้องในอีกภาษาทำให้คนฟังยิ้มออกมากับความพยายามของอีกฝ่าย

    “อย่าพยายามพูดเยอรมันกับฉันเลย ชาร์ลส์…สำเนียงนายมันไม่ได้เรื่อง” เสียงทุ้มพูดเรียบๆ “นายไม่อยากกินอะไรบ้าง? ฉันจะได้ตักมาให้”

    นัยน์ตาสีเทาเข้มที่วาววับด้วยแววล้อเลียนทำให้ชายหนุ่มผมดำหัวเราะออกมา มือเรียวรั้งอีกฝ่ายไว้

    “นี่…อีริค”

    “อะไรหรือ?”

    ชาร์ลส์สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะกล่าวคำพร้อมรอยยิ้มละไม

    “ต่อให้นายทำร้ายฉันมากแค่ไหน…ฉันก็ไม่มีวันจะเกลียดนายแน่นอน” มือบางกุมมือของอีกฝ่ายไว้แน่น “เพราะฉันรักนาย…ฉันรักนายมากเสียจนฉันมั่นใจ…ว่าต่อให้นายทำให้ฉันเจ็บปวด ต่อให้นายทำให้ฉันเสียใจหรือโกรธแค้นมากแค่ไหน ฉันก็จะให้อภัยนายได้เสมอ…เพราะนายคือคนที่ฉันรักที่สุด”

    เสียงนุ่มที่กล่าวคำนั้นหนักแน่น…ความอ่อนโยนของถ้อยคำทำให้หัวใจคนฟังเต็มตื้น อีริคยกมือซ้ายของอีกฝ่ายที่กุมมือเขาไว้ขึ้น ริมฝีปากอุ่นประทับลงตรงนิ้วนาง…การกระทำที่เป็นดั่งคำบรรยายความรู้สึกทั้งมวลของเขา

    สุดท้าย เสียงทุ้มก็เอ่ยเบาๆ…นัยน์ตาสีเทาสบประสานกับดวงตาสีน้ำเงินสุกใส

    “ขอบใจนะ…ชาร์ลส์”

    อีกฝ่ายยิ้มแทนคำตอบรับ ก่อนที่เสียงนุ่มจะกล่าวสั่งอย่างร่าเริง “ฉันขอเป็นออมเลตต์นะ อีริค…และนายก็จะต้องเดินลงไปเอามาให้ฉันจนกว่าฉันจะได้ออมเลตต์แบบที่ฉันชอบ เพราะงั้นนายอย่าคิดจะทำอะไรงี่เง่าดีกว่า”

    “อย่าวางท่าให้มากนักเลย” มือใหญ่ขยี้เรือนผมสีดำให้ยุ่งเหยิงกว่าเดิมเป็นการสั่งสอน…หากก็ไร้ประโยชน์ ชาร์ลส์ผลักมือเขาทิ้ง เสียงนุ่มกล่าวกลั้วหัวเราะ

    “ja…ja…danke”

    “สำเนียงเยอรมันของนายมันไม่ได้เรื่อง ชาร์ลส์” อีริคหัวเราะอย่างระอา ก่อนจะก้มลงมอบจุมพิตเร็วๆ บนริมฝีปากสีเรื่อแล้วก้าวออกไปจากห้อง

    …และหลังจากวันนั้น ภาพชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีน้ำเงินสวยที่หัวเราะร่าเริงก็กลายเป็นภาพที่งดงามเสมอในความทรงจำของเขา

    * * * * * * * * * * * *

    กระสุนที่พุ่งตรงมานั้นถูกพลังของเขาหักเหไปได้อย่างง่ายดาย

    อีริค เลนเชอร์เหยียดยิ้มกับความพยายามอันไร้ประโยชน์ของหญิงสาวตรงหน้า หากวินาทีต่อมา เลือดในกายของเขาก็พลันเย็นเยียบเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านหลัง…เสียงที่เขาคุ้นเคยดีถูกเปล่งออกมาจากร่างที่ทรุดฮวบลงบนพื้นดิน

    ชายหนุ่มพุ่งเข้าไปรับร่างอ่อนปวกเปียกนั้นทันที…ลืมสิ้นว่าตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ควรมีแต่ความเกลียดชัง…ลืมสิ้นว่าชายคนนี้ปฏิเสธความเชื่อของเขา ในสมองตอนนี้อื้ออึงไปด้วยความสับสนที่ดังกึกก้อง

               

       เขาทำอะไรลงไป?! 

               

    ถึงความเจ็บปวดจะกัดกินร่างเพียงไร…ชาร์ลส์ เซเวียร์ในอ้อมแขนของเขากลับยังมีสายตาที่มั่นคง นัยน์ตาสีน้ำเงินสดใสนั้นจ้องตรงมา…สบประสานกับดวงตาสีเหล็กของชายหนุ่มอย่างแน่วแน่ ริมสีปากสีทับทิมนั้นขยับพูดเพียงถ้อยคำเดียว มือเรียวที่แบออกนั้นเผยให้เห็นกระสุนปืนที่บุบเบี้ยวจากรูปทรงเดิม

    อีริคพร่ำเรียกชื่อของร่างในอ้อมแขน…เสียงทุ้มสั่นสะท้านราวกับจะขาดใจ ในหูได้ยินเพียงประโยคที่อีกฝ่ายพูดซ้ำไปซ้ำมา

    “ไม่ใช่…อีริค นายนั่นแหละที่ยิงฉัน”

    เขาพยายามอธิบายทุกสิ่ง…วอนขอให้อีกฝ่ายอยู่เคียงข้างเขา แต่คำตอบของชาร์ลส์นั้นหนักแน่นจนเขารู้ดี…ว่าเจ้าตัวไม่มีวันเปลี่ยนใจ อ้อมแขนของเขาจึงคลายออก วางร่างที่ไร้เรี่ยวแรงนั้นลงบนผืนทราย แล้วหันหลังให้กับคนที่เขารักที่สุดเสีย…ซ่อนหัวใจที่เจ็บปวดราวกับจะแหลกสลายไว้ใต้สีหน้าเยียบเย็น

     

       ได้โปรด…ชาร์ลส์ นายยังคงจะให้อภัยฉันใช่ไหม?

     

      

     

    นัยน์ตาสีเทามองฝ่ามือของตน…ความรู้สึกของพลังมหาศาลยังคงไหลเวียนอยู่ ในหัวแว่วเสียงนุ่มนวล…ถ้อยคำที่อีกฝ่ายเฝ้าย้ำบอกเขา

     

         พลังของนาย…อยู่ตรงกลางระหว่างความแค้นกับความสงบในใจของตัวนายเอง อีริค”        ภาพของชายหนุ่มผมดำที่ยิ้มอ่อนโยนพร้อมดวงตาสีน้ำเงินที่มีน้ำตาไหลรินวาบขึ้นในความคิด 

    “‘มันเป็นความทรงจำที่สวยงามมาก”

    ในตอนนั้น…อีริคจำได้ว่าความรู้สึกของพวกเขาสื่อถึงกัน พวกเขาทั้งคู่ได้รับรู้ถึงความสุขและความเจ็บปวดของแต่ละฝ่าย

     

      “ฉันนึกว่ามันหายไปแล้วเสียอีก…ขอบใจนะ ชาร์ลส์”

     

     

     

    แม้แต่วันนี้ที่เขาใช้พลัง อีริคก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของชายหนุ่มผมดำ และก็รู้ดีว่าทุกสิ่งจะกลับเป็นปกติเมื่อพลังที่ยังไหลเวียนอยู่นี้หายไป

     

         และเมื่อเราได้พบกันอีกครั้ง…นายก็จะไม่ได้อยู่เคียงข้างฉันอีกต่อไปแล้วสินะ ชาร์ลส์ 

    ทันใดนั้น…อีริคก็สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำอุ่นๆ ที่ไหลรินออกมาจากดวงตาของตน มันหยดลงบนฝ่ามือของชายหนุ่มที่ยื่นออกมารองรับ…น้ำตาหยาดสุดท้ายพร้อมกับความรู้สึกถึงพลังที่เลือนหายไป

    ชายหนุ่มมองหยดน้ำตาในมืออย่างเงียบงัน มือใหญ่กำแน่นเข้าหากัน

     

        น้ำตานี้มาจากความทรงจำอันเจ็บปวดของเขา…

     

     

    เสียงทุ้มกระซิบ…ชื่อเดียวที่มีความหมายต่อเขามากเหลือเกิน

    “ชาร์ลส์…”

     

       ...หรือจะเป็นน้ำตาจากความโศกเศร้าในหัวใจของชายหนุ่มที่เขารักหมดใจ…เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินในภาพฝันคนนั้นกันแน่…?

     

     

    Fin.

    – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

    หมายเหตุ:

    1. สีผมสีตาของพระ-นาย ทิพย์ถือตามที่ทิพย์เห็นจากตัวหนังนะคะ บางคนก็บอกว่าศจ.ตาสีฟ้า แต่ทิพย์รู้สึกว่ามันน้ำเงิน…ก็เลยเขียนไปตามนั้น ถ้ามันผิดก็ขออภัยแฟนเกิร์ลนะจ๊ะ (ส่วนเฮียริคนี่เขาตาสีเทานะ อันนี้มั่นใจ จำได้อย่างดี 55)

    2. ฟิคเรื่องนี้ takes place ช่วงที่เหล่ามิวแทนต์มากินนอน+ฝึกที่บ้านศจ.นะคะ (บอกไปยังหว่า)

    3. ภาษาเยอรมันที่ศจ.พยายามพูดอ้อนสามีแปลได้ตามนี้นะคะ

    “bitte…Herr Lehnsherr”  ก็คือ “please…Mister Lehnsherr”  คำว่า Herr ตัวนี้อ่านว่า แอร์ นะคะ ส่วนนามสกุลเฮียเค้านี่จะมีตัว h แทรกอยู่นะคะ ทิพย์เอาตัวสะกดมาจากคลิป interview ของ MTV ค่ะ

    “ja…ja…danke” คือ “yes…yes…thank you”  ja นี่อ่านว่า ยา… ส่วน danke นี่คือ ดังเคอะ ค่ะ (ภาษาเยอรมันนี่ช่างน่ามึนจริงๆ -*-)

    4. ในหนัง คนที่หยุดกระสุนไว้ได้คืออีริคนะคะ ศจ.ไม่ได้แตะกระสุนเลยสักกระติ๊ด แต่อิทิพย์ขอเปลี่ยนดีเทลเล็กน้อย เพื่อความดราม่า (ความจริงคือจำไม่ได้แล้วมั่วเอา เพิ่งดูจากบิทอีกรอบ…เลยแบบ งานเข้า!! กรุจิ้นผิดนี่หว่า!! 55+)

  • ffff
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in