เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
what i watchedyou are my iced coffee
รีวิว the end of the fucking world (2018)
  • การเริ่มต้นคือสิ่งที่ยากเสมอ นี่คือสิ่งที่เรารู้สึกกับการดูซีรี่ส์หรืออ่านนิยายในช่วง 2-3 ปีให้หลังนี้ รู้สึกตัวเองติดโซเชียลมากเกินไป สมาธิสั้นขึ้น หยิบจับมือถือทุกๆ20นาที(ไม่นับตอนหลับน่ะ) กว่าเราจะดูซีรี่ส์เรื่องนี้จบก็เกือบหนึ่งอาทิตย์หลังเห็นครั้งแรกใน netflix 


    Genre : Dark comedy, Comedy-drama
    Based on : The End of the Fucking World  by Charles S. Forsman
    Stars : Alex Lawther, Jessica Barden

    เราก็ขอแนะนำซีรี่ส์เรื่องนี้ให้ทุกคนที่หลงเข้ามาอ่าน นึกไม่ออกอยากดูอะไรให้คุ้มกับค่า netflix หรือค่าอินเทอร์เน็ตที่จ่ายไป หรือไม่อยากดูซีรี่ส์ชนิดที่ยาว 4-5 seasons ก็ต้องเรื่องนี้เลย ทั้งหมดมีเพียง 8 ตอน ตอนละ 20 นาทีโดยประมาณ ก็พอๆกับภาพยนตร์เรื่องนึงเอง เรื่องย่อก็ James คิดว่าตัวเองเป็น psychopath และ Alyssa สาวที่ดูเบื่อโลกก็มาทำความรู้จักกับ James และทั้งคู่ก็หนีออกจากบ้านเริ่มต้นความวิบัติ เอ้ย ความสนุกบ้าบอกันไป

    แนะนำให้ดูแบบถูกลิขสิทธิ์กันน้า สนับสนุนสิ่งที่ถูกต้อง(นึกว่ากัปตันเมกามาเอง) เดือนละ 420 บาท หารกับเพื่อนรวมกัน 4 คนราคาก็ถูกลงมาเย้อออ แต่ด้วยความที่นี่ไม่มีเพื่อนคบหรืออะไรกัน หารกับเพื่อน1คน ตกคนละ210บาท ต่อเดือน โถ่

    ด้วยความที่เราชอบ Alex Lawther เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยอาจทำให้เราชอบซีรี่ส์เรื่องนี้เป็นพิเศษ เรารู้จัก Alex จากหนังเรื่อง The Imitation Game ใครยังไม่เคยดูก็แนะนำนะเออ หนังโปรดของเราเลย จนตอนนี้ยังไม่มีเรื่องไหนมาโค่นได้


    you're pretty shit

    แต่ซีรี่ส์ไม่ shit นะ แม้ว่าเริ่มต้นเรื่องมาคนดูแบบพวกเราอาจจะเกิดอาการประมาณนี้ "เออะ ซีรี่ส์อะไรของมันเนี่ย" แต่ขอร้องงง อย่าเพิ่งเลิกดู เราบอกแล้วว่าเริ่มต้นยากเสมอ เราดูไปตอนครึ่งแล้วหยุดไป 3-4 วันถึงกลับมาดูต่อรวดเดียวจนจบ 

    ดูต่อเถอะทุกคน มันคือ coming of age แบบฉบับคน weird ไม่ได้เครียดหนักสมอง รู้สึกหนักหนาต้องกุมขมับสูดยาดม พอเครื่องติดแล้วดูเพลินมากจริงๆ พระเอกก็น่ารัก(มาก) นางเอกก็โอเคเลย ไม่ได้รู้สึกรำคาญตัวละครตัวไหนเลย ลองเปิดใจกับความ weird ดู ดูจบแล้วไม่รู้สึกเสียเวลาชีวิตก็จัดว่าโอเคแล้วสำหรับเรา รู้สึกคุ้มค่ากว่าที่คิด ดูจบว่าอินแล้ว ผ่านไปซักครึ่งวันอินกว่าเดิมx4 นั่นคือระยะเวลาที่รอให้ซีรี่ส์ตกตะกอนทางความคิดสินะ

    บางฉากเราถึงกับหัวเราะลั่นออกมาเลย มันตลกและดูบ้าบอดี บางฉากก็เขินนิดๆ ฉากที่ให้ลุ้นและตื่นเต้นก็มีนะ ไม่ได้บ้าบออย่างเดียว ชอบที่มีความตลกร้ายหรือคำ เคมีระหว่าง James กับ Alyssa ทั้งสองก็น่ารักและเป็นธรรมชาติ บังเอิญเห็นบางทวีตว่านางเอกแสดงแข็งนิดๆ อาจเพราะบทก็ได้มั้ง ส่วนตัวเราเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกขัดใจกับการแสดงของนาง นางน่ารักดีในลุคผมประบ่าสีบลอนด์(จริงๆอยากทำทรงนี้น่ะ แต่ไม่เข้ากับหน้าตัวเอง..) 

    เหนือสิ่งอื่นใดนี้ ภาพ โทนสี และเพลงประกอบดีงามมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก สวยงามโดนใจ เราไม่กด skip เพลงตอนจบเลยซักตอนเดียว ชอบทุกเพลงเลย ฟังวนมัน playlist เดียวทั้งวันทั้งคืน ไปฟิตเนส ออกห้องไปซื้อข้าว ซักผ้าล้างจานอาบน้ำก็ฟัง


    SPOILED ALERT 

    เราชอบฉากที่ James รอที่จะง้อ Alyssa นี่ถือกับกด pause ฉากนี้แล้วแคปหน้าจอไว้ เอาไปตั้งเป็น wallpaper โน้ตบุ๊คและมือถือตัวเองทันที พอเสร็จเรียบร้อยถึงกดดูต่อไป มันคือครั้งแรกที่เราเห็น James มีความรู้สึกเหมือนผู้คนทั่วไป(เยส! ดีใจว้อย) 


    เราชอบที่ James ค่อยแสดงๆความรู้สึกออกมาทีละนิด ใส่ใจอะไรมากๆขึ้น โอ๊ะโอ ไม่เพียงแต่ James เท่านั้นที่ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา ทางฝั่งของ Alyssa ก็เช่นกัน


    but now


    เหมือนเป็นธรรมเนียมเลยเนอะ ที่ road-trip จะแสดงถึงการเติบโตของวัยรุ่น ในซีรี่ส์เรื่องนี้ก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าทั้งคู่ไม่ได้ตั้งใจไปทำสิ่งที่เรียกว่า road-trip ก็ตาม 

    และในตอนจบที่ James บอก Alyssa ให้บอกตำรวจว่าตัวเองเป็นคนลักพาตัว Alyssa มาเองนั้นเรานี่แบบโอ้ยยยยยยยย อิชั้นบรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

    จริงๆเหมือนมีอะไรที่อยากเขียนถึงเยอะกว่านี้แต่ลืมแล้ว ด้วยความที่มีเขียนหลังดูจบนานเกินไปหน่อยนั่นเอง


    จบการสปอยและจบรีวิว
    ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านถึงตรงนี้




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
ตอนจบเจมส์ตายใช่ไหมคะ
good girl is not here . (@goodgirlishere)
ฉากจบทำเราพูดไม่ออกเหมือนกันค่ะ เพราะทุกอย่างมันกำลังลงตัวเลยตอนนั้น เจมส์ดูมีความรู้สึกกับอะไรหลายๆอยากมากขึ้น ทั้งคู่ดูผูกพันกันมากอย่างเห็นได้ชัด จะว่าเศร้าก็เศร้าอยู่นะคะ มันหน่วงๆ พูดไรไม่ออกเลยตอนนั้น
you are my iced coffee (@mefrnn1106)
@goodgirlishere จริงค่ะ everything almost perfect here พอลองมองย้อนกลับไปแทบไม่อยากเชื่อเลยค่ะว่าเจมส์ในตอนจบนั้นคือคนเดียวกันกับตอนเริ่มต้น