เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Breathe In The Lightmomo2540
Chapter 6 | The Sorcerer & The Caster
  • Breathe InThe Light

     

    Chapter 6 | The Sorcerer & The Caster

    สเตรนจ์ตื่นเช้าตามปกติและเตรียมตัวตัวไปสำรวจมิติต่างๆตามหน้าที่เพราะช่วงนี้เขาสังหรณ์ใจไม่ดีอาจมีคนมาป่วนมิติในช่วงเวลานี้เลยคิดว่าระหว่างที่เขาไม่อยู่หว่องกับกับทีน่าคงช่วยเหลือเรล่าเองถ้าหากเธอมาขอคำปรึกษาร่างสูงของเขาเดินผ่านห้องเธอก่อนจะชะงักเมื่อเห็นเงาประะตูห้องเรล่าแง้มเล็กน้อยร่างบางยืนมองแผลเป็นในกระจกก่อนจะสวมเสื้อลงด็อกเตอร์รีบเดินออกไปก่อนจะเปิดประตูเวทย์ไปสำรวจมิติอื่นตามปกติชายหนุ่มก็ฉุดคิดได้ว่า เขาเป็นคนทำแผลให้เธอเอง!

    สี่ปีก่อนหลังศึกที่นิวยอร์ค

    โรงพยาบาลทุกแห่งในนิวยอร์คเริ่มวุนวายกับการรักษาคนที่บาดเจ็บจากศึกครั้งนี้คริสทีนวิ่งตรวจสอบคนที่มารักษาในวันนี้โดยแยกคนเจ็บหนักมารักษาก่อนเสียงเอะอะดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของเจ้าหน้าที่ชีลด์ที่แบกร่างคนบางคนมาทางเธอร่างในอ้อมแขนโชกไปด้วยเลือดสีแดงทั่วร่างเพราะมีเหล็กเสียบตรงสีข้างและกำลังจะช็อคเพราะเสียเลือด

    "เธอบาดเจ็บมาก"คนที่แบกร่างเธอเอ่ย"เธอผลักผมไม่ให้โดนเศษซากตึกทับเลย....โดนเหล็กแทงครับหมอต้องช่วยเธอนะครับเธอเป็นเจ้าหน้าที่ที่เราเสียไม่ได้" มือเรียวจับบ่าคนที่แบก

    "ฉะ--ฉันอาจไม่รอด"เรล่าเอ่ยเสียงสั่น "ได้โปรดปล่อยฉันตาย...."

    คริสทีนสั่งให้คนแบกวางร่างเธอลงกับเตียงก่อนจะให้พวกบุรุษพยาบาลนำตัวไปรักษาทันทีและวิ่งไปตามหาคนบางคนที่มีฝีมือผ่าตัดในครั้งนี้ ด็อกเตอร์สตีเฟ่น สเตรนจ์ร่างของแพทย์สาววิ่งมาหาชายหนุ่มที่เพิ่งผ่าตัดคนไข้พร้อมกับยื่นแฟ้มให้

    "เธอบาดเจ็บหนักคุณแค่ไปช่วยผ่าเหล็กออกก็ได้" คริสทีนเอ่ย

    "ผมจะทำเท่าที่ผมช่วยได้"

    วินาทีที่สเตรนจ์พบกับเรล่าก็รู้สึกมองเธออย่างไม่วางตาหญิงสาวมีผมน้ำตาลสวย ผิวที่ขาวเขารักษาเธอจนสุดความสามารถและตอนนี้ร่างของเธอก็โดนย้ายไปห้องพักฟื้นเขาเองแอบมาเยี่ยมเธออยู่บ้างถ้ามีเวลาว่างจากการผ่าตัดหญิงสาวยังคงสลบเพราะฤทธิ์ยาชาและยาสลบ ร่างสูงโปร่งมองร่างเธอ

    เรล่าค่อย ๆปรือตามองก่อนจะพยายามเอ่ยอะไร

    "คุณอยู่โรงพยาบาล"เธอพยักหน้าแต่ไม่ทันที่จะคุยอะไร เพื่อน ๆ เธอจากชีลด์ก็เข้ามาเยี่ยมอีกฝ่ายเขาเลยผละตัวออกมาโดยที่ไม่รู้จักชื่อเธอเลยแต่เขาเรียกเธอแค่ว่า...ยัยผีดิบเพราะขนาดที่ผอมบางกว่าเพื่อนที่มาเยี่ยม

    "ยัยผีดิบเอ๋ย..."สเตรนจ์แอบยิ้ม "กลับมาเจอกันจนได้นะเรล่า" เขายิ้มพลางส่ายหน้าไปมาโดยปกติเขาไม่เคยเชื่อเรื่องโชคชะตา เรื่องบังเอิญ เพราะเขาคือหมอจึงเลือกเชื่อในเรื่องวิทยาศาสตร์มากกว่าเรื่องอะไรพวกนี้จนกระทั้งตนเองได้มาที่คามา-ทาจถึงได้พบว่าเรื่องบางเรื่องวิทยาศาสตร์ก็อธิบายไม่ได้ตอนนั้นจำได้แค่ว่าเธอสวมเครื่องแบบชีลด์เลยเดาว่าเธอทำงานในรัฐบาลเพราะตราหน่วยงานรัฐส่วนมากมักมีอินทรีอยู่ข้างใน

    มีหลายครั้งที่อยากทำว่าทำไมถึงอยากมาทำงานที่ชีลด์ทั้งที่คนมีศักยภาพแบบเธอควรทำงานอื่นที่ไม่ใช่บู๋แหลกแบบพวกอเวนเจอร์แต่ก็อย่างว่าคนแบบเธอส่วนมากมักบอกอยากปกป้องผู้คนหรืออะไรที่พวกฮีโร่พูดกัน ถ้าเป็นเขาเมื่อก่อนคงหัวเราะไปแล้ว

    เขาตอนนี้หรอ?ก็คงบอกว่าเธอมันบ้าที่ไปทำอะไรลุย ๆแบบนั้นแต่ก็ชื่นชมที่เธอกล้าทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงกันร่างสูงโปร่งกลับมาที่นิวยอร์คทันทีที่ตรวจตรามิติเสร็จบนโต๊ะกินข้าวมีอาหารที่ทำไว้แล้วพร้อมโน้ตที่เรล่าเขียนบอกว่าจะกลับมาที่นี้ในพรุ่งนี้ไม่ก็....อีกหลายวัน

    ท่าทางคืนนี้ทั้งอาศรมคงมีแต่เขาแล้วสเตรนจ์คิด

    ผ้าคลุมของเขาดูหงอยลงเมื่อรู้ว่าเรล่าจะไม่อยู่ที่นี้ถึงเช้ามืดพรุ่งนี้แต่เขาเองก็รู้สึกเบื่อ ๆ เพราะไม่มีคนเถียง หรือทำหน้าหงิกงอ ไร้อารมณ์ กับเขา โอเค...เขาแหละหงอยจริงๆ ช่วงที่เรล่าไม่อยู่บ้านเขาจำใจทำอาหารเองแม้ว่าเขาจะทำเป็นแต่...อยากทานอาหารฝีมือเธอมากกว่าเสียอีกในเวลานี้

  • เช้าในอีกหลายวันต่อมาได้ยินเสียงคนวิ่งขึ้นบันไดเลยรู้ว่าเรล่ากลับมาจากฮ่องกงแล้วผ้าคลุมสีแดงสดลอยมาปลุกเขาราวกับจะบอกว่าเธอกลับมาแล้วรู้นานแล้วโดยที่ไม่ต้องให้ผ้าคลุมปลุก ร่างสูงโปรงในชุดสีน้ำเงินเข้มเดินมาหาเธอที่ห้องอาหารมือเรียวกำลังหยิบของมาทำอาหารแบบง่าย ๆ ตัวเลขบนหลังมือเรียวระบุว่าเก้าวันดังนั้นเขาเดาได้ว่าเธออาจวิธีแก้ได้พบแล้วเลยถาม

    "หาวิธีแก้ได้แล้ว?"เขาถามพลางมองที่กำลังทอดแพนเค้ก กลิ่นหอมของเนยลอยมาแตะจมูก ท่าทางเขาควรเพิ่มอีกตำแหน่งให้แล้วละถ้าทำอาหารเก่งขนาดเนี่ยร่างบางตักแพนเค้กวางบนจานและนำมาวางตรงหน้าอีกคน

    "จะว่ายังงั้นก็ได้"เรล่าเอ่ยพลางทานแพนเค้กที่ราดน้ำเชื่อมเมเปิ้ล"...แต่วิธีแก้ต้องให้พวกแคสเตอร์ทำ"

    "แคสเตอร์?"เขาขมวดคิ้วใส่เธอ

    "คือ....คำที่ใช้เรียกพวกแบบฉันนะด็อกเตอร์คนอื่นอาจเรียกเราว่าแม่มดแต่พวกเราเรียกกันเองว่าแคสเตอร์"สเตรนจ์พยักหน้าพลางให้อีกคนพูดต่อ"ฉันพบพิธีกรรมที่สามารถแก้คำสาปได้แต่ฉันต้องทำมันด้วยตนเอง"

    ด็อกเตอร์พยักหน้าก่อนจะลุกมายืนข้างๆ เธอและยกมือเช็ดมุมปากอีกคน

    "มุมปากคุณเลอะนะ..."เขาพูดสั้น ๆ ก่อนเดินจากไป

    เรล่าถอนหายใจพลางนึกถึงวิธีแก้และรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจทันพลันหญิงสาวไม่อยากทำมัน ไม่อยากแก้คำสาปแล้วหรือทำอะไรแล้วเมื่อเธอเจอวิธีแก้ใช่เธอเจอมันแต่วิธีแก้ คือ....

    คนที่รักต้องตาย

  • เรล่าค่อนข้างนอนไม่หลับและเธอก็ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเดินทางมาที่ฮ่องกงและอ่านตำราต่อหญิงสาวนั่งอ่านพลางจิบชาที่ทีน่านำมาให้แต่...ตอนนี้เธอฟุ้งซ่านเรื่องสเตรนจ์แบบขั้นหนักมากมาสองวันติดจนเธอตัดสินใจโทรหาใครบางคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานสมัยที่ทำงานชีลด์นิ้วเรียวสไลด์หาเบอร์โทรคนที่ต้องการปรึกษาจนกระทั้งเจอชื่อที่ต้องการ

    นาตาชา อาร์.

    "ฮัลโหลแนต"

    (ว่าไงเรย์)

    "ฉันมีเรื่องจะปรึกษานะคืองี้...."

    เรล่าเล่าเรื่องทั้งหมดจนปลายสายแว้กด้วยเสียงสูงจนสะดุ้ง

    (เธอกำลังแอบชอบด็อกเตอร์สเตรนจ์!!)

    "แค่ยะแนต"

    (จ้า ๆแม่คนปากแข็ง แต่...สเตรนจ์คือคนผ่าตัดและเย็บแผลเธอนะรู้ไหม)

    เดี๋ยวนะ!!ถ้าเขาเคยผ่าตัดและเย็บเธอก็หมายความว่าก็เคยเห็นหุ่นเธอสิ!!เรล่ากรีดร้องในใจและปลายสายก็หลุดหัวเราะออกมาทันทีราวกับรู้ว่าเธอกำลังทำสีหน้าอะไรรู้สึกยังไงแต่ในอีกแง่ก็หน้าแดงทันทีเพราะเขาเย็บแแผลเธอดีมากเสียจนแทบเห็นเป็นรอยจาง ๆที่เอว มือเรียวเปิดตำราระหว่างที่คุยกับอีกคน

    "แต่...ติดที่ว่าฉันไม่กล้าบอกเขา"

    (ยัยโง่เอ้ย...ถ้าเธอไม่ออกระวังตอนเขามีแฟนจะเจ็บเอาละเรล่า"

    "ฉันรู้น่า..."

    เรล่ากับนาตาชาคุยกันไม่กี่ประโยคก็วางสายและเธอก็อ่านตำราต่อจนกระทั้งเจอสิ่งที่ต้องการแต่กลับพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นวิธีแก้ร่างบางเอามือป้องและกรี๊ดร้องด้วยเสียงที่มี

    "ทะ--ทีน่า!!"เธอเรียกอีกคน

    "อะไรเรล่า..."สาวชาวจีนโผล่มาพร้อมมื้อเที่ยงที่จะนำมาให้อีกคน "เธอเจอวิธีแก้คำสาปแล้วหรอ"

    เรล่าพยักหน้าให้ก่อนจะร้องไห้

    "ถ้าจะยุติคำสาปนี้ได้คนที่ฉันรักต้องตายและ...."

    "เธอกำลังรักใครเรล่า"

    "ฉันกำลังรักสตีเฟ่น สเตรนจ์ แต่เขาจะ...." เธอเงียบลง "รักฉันไหม"

    ทีน่าช็อคกับสิ่งที่อีกคนพูดออกมาแต่เหมือนนึกอะไรออกเลยรีบพูด"เขาก็ดูมีใจให้เธอนะเรล่า... ความจริงเขากำลังหลงรักเธอเลยต่างหาก"เจ็บปวดยิ่งกว่าเธอรู้สึกข้างเดียวเสียอีกนั้นเท่ากับเธอมีสองตัวเลือก

    1.ฆ่าเขาและล้างคำสาปได้

    2.ไม่ฆ่าและปล่อยธรรมชาติเลือกให้เองว่าเธอจะเป็นไลท์หรือดาร์คให้สเตรนจ์ตัดสินใจเองว่าจะทำอย่างไร

    แต่เธอยอมเลือข้อที่สองมากกว่ายอมตายด้วยน้ำมือคนที่รัก (หรือที่เธอรัก)สายตาสีฟ้ามองตัวเลขที่ฝ่ามือและถอนหายใจอย่างหมดหวังหญิงสาวกลับไปที่นิวยอร์คก่อนจะทำตัวปกเมื่ออยู่ต่อหน้าอีกคน

    "หาวิธีแก้ได้แล้ว?"เขาถามพลางมองที่กำลังทอดแพนเค้ก กลิ่นหอมของเนยลอยมาแตะจมูกท่าทางเขาควรเพิ่มอีกตำแหน่งให้แล้วละถ้าทำอาหารเก่งขนาดเนี่ยร่างบางตักแพนเค้กวางบนจานและนำมาวางตรงหน้าอีกคน

    "จะว่ายังงั้นก็ได้"เรล่าเอ่ยพลางทานแพนเค้กที่ราดน้ำเชื่อมเมเปิ้ล"...แต่วิธีแก้ต้องให้พวกแคสเตอร์ทำ"

    "แคสเตอร์?"เขาขมวดคิ้วใส่เธอ

    "คือ....คำที่ใช้เรียกพวกแบบฉันนะด็อกเตอร์คนอื่นอาจเรียกเราว่าแม่มดแต่พวกเราเรียกกันเองว่าแคสเตอร์"สเตรนจ์พยักหน้าพลางให้อีกคนพูดต่อ"ฉันพบพิธีกรรมที่สามารถแก้คำสาปได้แต่ฉันต้องทำมันด้วยตนเอง"

    ด็อกเตอร์พยักหน้าก่อนจะลุกมายืนข้างๆ เธอและยกมือเช็ดมุมปากอีกคน

    "มุมปากคุณเลอะนะ..."เขาพูดสั้น ๆ ก่อนเดินจากไป

    มือเรียวสั่นระริกตอนล้างจานทั้งหมดเธอคิดหาวิธีตอนที่ดีที่สุดต่อตัวเธอและอีกคนโดยตอนนี้เหลือเวลาแค่เก้า--ไม่สิแปดวันแล้วหญิงสาวคิดออกอยู่วิธีเดียวแล้วละในหัว

    ลบความทรงจำเขาซะ.....

    เธอเคยอ่านตำราที่คามา-ทาจว่าด้วยเวทย์มนต์หลบความทรงจำในหัวอีกฝ่ายมีแบบทั้งปรุงยา ร่ายมนต์ แต่มันไม่เนียนเท่า...จูบเรล่าตัดสินใจใช้วิธีหลังเพราะนุ่มนวลและไม่ทิ้งร่องรอย

    เพียงแต่ต้องทำยังไงละ?

     

     

     







    นักเขียนขอพูด

    ตอนแรกอยากเขียนให้ฟิคมันหวานๆ ละมุนนะแต่....ไหงมาดราม่า-โรแมนติกซะงั้นแต่ก็แบบเป็นความรู้สึกที่ทั้งสองฝ่ายได้เก็บไว้ในใจจนมีคนหนึ่งต้องคิดว่าเป็นการชอบข้างเดียวซึ่งก็นำมาสู่เรื่องที่อาจไม่ถึง

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in