คนเต็มร้านทะลักออกมาข้างนอก ยืนชนแก้วกันโครมคราม บรรยากาศดูเหมือนจะคึกคักด้วยจำนวนคน แต่ตัดอารมณ์ด้วยเสื้อผ้าสีดำที่ทุกคนพร้อมใจกันแต่งมา มองดำทะมึนไปทั่วร้าน ผมรู้สึกตื่นเต้นขณะเดินเข้าไปที่เวที วันนี้ทุกคนมาฟังเพลงของผม ผมเป็นคนชวนพวกเขามาเอง วันนี้ทุกคนพร้อมใจกันมาร้องเพลง มาร้องไห้ มาไว้อาลัยให้กับวันแห่งความรัก ในคํ่าคืนที่หัวใจเป็นสีดำ-แบล็กวาเลนไทน์
ทุกอย่างเริ่มต้นในคืนก่อนวันวาเลนไทน์เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมหันไปทางไหนก็มีแต่คนบ่นว่าไม่อยากออกจากบ้านในวันวาเลนไทน์เลย ไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจ ขอเก็บตัวอยู่กับความเหงาที่บ้านดีกว่า วันแห่งความรักของบางคน กลับกลายเป็นวันที่ตอกยํ้าความเจ็บปวดให้กับบางคน วันที่คนมีคู่จับมือควงแขนกันไปฉลองให้กับความรักอันแสนหวาน แต่เป็นวันที่คนไร้คู่ คนที่เพิ่งถูกทิ้ง คนเหงาที่ไม่มีใครสนใจ ต้องปลีกตัวจากผู้คนเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว เฝ้ารอให้วันนี้ผ่านไปเร็วๆ ภาวนาให้ผ่านคืนอันเหน็บหนาวนี้ไป สีของวันวาเลนไทน์อาจเป็นสีชมพูสำหรับหลายคน แต่มันเป็นสีดำสนิทสำหรับอีกหลายคนเช่นกัน ผมเฝ้ามองวันวาเลนไทน์ผ่านไปอีกปีปีแล้วปีเล่าที่ผมรู้สึกว่าวันวาเลนไทน์เป็นวันที่แสนสุขและแสนเศร้า คนที่มีความสุขผมไม่ห่วง ผมเพียงแต่เห็นใจคนที่เป็นทุกข์เพราะวันนี้ แล้วผมก็ฉุกคิดขึ้นมา ทำไมคนอกหักชํ้ารักเกลียดชังวันวาเลนไทน์เหล่านี้ ถึงไม่รวมตัวกันแล้วทำอะไรสักอย่างเพื่อให้วันแห่งความบาดใจนี้ผ่านพ้นไปได้อย่างไม่หงอยเหงาเพียงลำพัง ทำไมไม่มาปาร์ตี้กันประชดวาเลนไทน์ซะเลย แล้วผมก็ประกาศลงในบล็อกที่ผมเขียนอยู่ประจำ เชิญชวนทุกคนที่ไม่อยากอยู่คนเดียวในวันวาเลนไทน์ให้มาปาร์ตี้กัน จะมีคอนเสิร์ตเล่นเพลงอกหักทั้งคืน ร้องตามกันให้สะใจ ใครเมาร้องไห้เป็นคนแรกในร้าน รับของรางวัลไปเลย!
การเล่นดนตรีในคืนวันวาเลนไทน์ปีนั้น เป็นการเล่นที่สนุกที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตผม ผมร้องเพลงติดต่อกันถึง 4 ชั่วโมง ร้องจนไม่มีเสียงร้อง มันสนุกสุดเหวี่ยงจริงๆ ทุกคนในร้านพร้อมใจกันแต่งชุดดำไว้อาลัยให้กับความรักที่ใจร้าย ร่วมกันร้องเพลงอกหักเพลงแล้วเพลงเล่า กอดคอกันร้องเพลง กอดคอกันร้องไห้ จากที่ต่างคนไม่รู้จักกัน ต่างคนต่างมา สุดท้ายมาชนแก้วกอดคอร้องเพลงกันทั้งร้าน คืนนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมตระหนักถึงพลังของความเศร้า ผมเปิดโอกาสให้ทุกคนระบายมันออกมาพร้อมๆ กันในที่เดียวกัน เราพร้อมใจกันปลดปล่อยตัวเองออกจากความหมองหม่นผ่านเสียงดนตรีที่คอยเป็นเพื่อนปลอบประโลม เมื่อคํ่าคืนสิ้นสุดลง ทุกคนมีรอยยิ้มได้อีกครั้ง หลังจากได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ปีหน้าเอาอีก!
ช่วงนั้นผมกำลังชอบแต่งเพลงเศร้าๆ ชอบเก็บข้อมูลของคนอกหักชํ้ารักเอามาแต่งเพลง ชอบคุยกับคนมีปัญหาหัวใจ หลงใหลในพลังของความเศร้า คํ่าคืนวันวาเลนไทน์ปีนั้นจึงเป็นคํ่าคืนที่แสนมหัศจรรย์สำหรับผม เพราะทั้งร้านเต็มไปด้วยคนอกหัก เรื่องราวมากมายอัดแน่นอยู่ในอากาศ คงมีไม่บ่อยครั้งในชีวิตที่จะได้มีโอกาสเห็นคนร้องไห้เยอะแยะขนาดนี้ และที่ประหลาดไปกว่านั้น มันมีเสียงหัวเราะปะปนเข้ามาด้วย หลายคนร้องไห้แล้วก็หัวเราะขำในสภาพของกันและกัน มันเป็นบรรยากาศที่ทั้งโศกเศร้าและอบอุ่น จะมีสักกี่ครั้งที่เราร้องไห้ต่อหน้าผู้คนมากมาย แถมผู้คนเหล่านั้นก็พร้อมที่จะปลอบประโลม ชนแก้วไปพร้อมกับเรา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in