เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ห้องนี้ไม่มีคนอยู่ by Kinsangminimore
ตอนที่ 2
  • ตอนที่ 2

     

             “ครูรู้ว่าเธอยังติดใจเรื่องการตายของเพื่อนอยู่แต่การไปก่อกวนเพื่อนแบบนั้นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา กรณ์เพิ่งย้ายเข้ามา ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ถ้าครูยังเห็นเธอทำแบบนี้ ครูคงต้องลงโทษตามกฎหอพักนะทำแบบนี้ต่อไปมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก มีแต่จะสร้างปัญหาให้มากขึ้นเปล่าๆ”

             เรื่องที่นักเรียนใหม่ของหอพักไหว้วานให้ช่วยเหลือครูสุพลจัดการให้ตามคำขอ แม้ภาพในกล้องวงจรปิดจะไม่สามารถระบุตัวตนนักเรียนได้ชัดเจนแต่เพราะทำงานมานานและรู้จักนักเรียนของตนดี ครูสุพลจึงระบุตัวต้นเหตุได้ไม่ยาก ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ใช่ครูที่ลงโทษนักเรียนอย่างไร้เหตุผล จึงตั้งใจไปตักเตือนเพื่อหยุดการกระทำที่สร้างความรำคาญนั้นมากกว่าอย่างไรก็ดี หากตัวต้นเหตุยังดื้อรั้น พูดไม่ฟัง สุดท้ายเขาก็ต้องลงโทษตามกฎของโรงเรียน

             “เข้าใจที่ครูพูดใช่มั้ย”

             นักเรียนคนดังกล่าวพยักหน้า

             “ถ้าเข้าใจก็ตอบรับด้วย”

             “ครับ”

             “ไปกินข้าวไปเดี๋ยวจะสาย”

             นักเรียนที่ถูกเรียกมาตักเตือนค้อมหัวให้ก่อนจะเดินจากไปครูสุพลมองตามอย่างเหนื่อยใจ เพราะตั้งแต่เพื่อนที่อยู่ห้อง 313 เสียชีวิตไป เด็กคนนี้ก็ชอบแอบไปนอนที่ห้องบ่อยๆ ราวกับเป็นห้องพักของตัวเอง แม้แต่ตอนนี้ที่มีนักเรียนคนใหม่ย้ายเข้ามาอยู่เขาก็ยังทำแบบนั้น สุดท้ายมันจึงกลายเป็นการก่อกวนที่ครูอย่างเขาต้องรีบจัดการปัญหาโดยเร็วแต่ดูเหมือนเรื่องนี้จะยุ่งยากกว่าที่คิด

     

             ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนที่สองที่กรณ์อยู่ในหอพัก ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่สามารถหลับสนิทได้ ความหวาดระแวงทำให้เขาฝันประหลาดตลอดทั้งคืนสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะกลัวว่าจะมีคนเปิดประตูเข้ามา ทำให้เป็นเช้าที่เขาตื่นมาด้วยความหม่นหมองอีกวัน

    ที่โรงอาหารเช้านี้กรณ์นั่งกินข้าวอยู่คนเดียวตักไข่เจียวชะอมโปะบนข้าวแล้วส่งเข้าปาก เคี้ยวเอื่อยเฉื่อยอย่างลืมเวลาว่าโรงอาหารใกล้จะปิด กระทั่งเห็นครูสุพลเดินมา กรณ์ก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที

    ครูสุพลยกยิ้มยามเดินเข้ามาใกล้กรณ์วางช้อนแล้วหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม เห็นสีหน้าครูแล้ว คาดว่าเรื่องที่ขอไปเมื่อคืนน่าจะมีอะไรคืบหน้าขึ้นมาบ้าง

    นอนไม่หลับเหรอเมื่อคืน ครูสุพลทัก เห็นหน้าตาหม่นหมองของลูกศิษย์ก็อดรู้สึกแย่ไปด้วยไม่ได้

    นิดหน่อยครับ

    อีกสิบนาทีโรงอาหารจะปิดแล้วนะ

    ครูมาเร่งผมอย่างเดียวหรือเปล่าครับ

    ก็เปล่าหรอก

    ระหว่างที่พูดครูสุพลก็หยิบมือถือขึ้นมากดกรณ์เผลอชะเง้อมองอย่างสนใจ จิ้มๆ เลื่อนๆ อยู่ไม่นานครูสุพลก็หันหน้าจอมาให้ดู

    มันคือคลิปที่ถ่ายได้จากกล้องวงจรปิดบนชั้นสามในหอพักชาย

    ในคลิปปรากฏนักเรียนคนหนึ่งสวมฮู้ดสีดำปิดหน้าเดินด้วยท่าทางสบายๆ มาที่หน้าห้อง 313 คนคนนั้นเปิดประตูห้องช้าๆ ก่อนจะเข้าไปทำอะไรบางอย่างเมื่อลงมือเสร็จแล้วก็เดินจากไป

    ครูรู้มั้ยครับว่าเป็นใคร

    ครูพยายามหาอยู่

    มีใครที่เคยใส่ฮู้ดแบบนี้บ้างมั้ยครับ

    ครูเคยเห็นอยู่นะแต่ก็จำไม่ค่อยได้ว่าใครใส่บ้าง เอาเป็นว่าครูจะจัดการให้ ไม่ต้องห่วง ครูสุพลทำท่านึก แต่ก็ไม่ได้ให้คำตอบที่เป็นประโยชน์นัก

    กรณ์ดูคลิปวนซ้ำอยู่หลายรอบพยายามมองหาจุดสังเกตเด่นๆ เช่น รูปร่าง เสื้อผ้า ท่าทางการเดิน แต่มันก็ยากที่จะระบุตัวตนจากคนที่เขาไม่รู้จักอยู่ดี

    “เมื่อกี้มันเดินลงมาจากชั้นบนใช่มั้ยครับ”

    ทั้งคู่เปิดคลิปดูกันอีกรอบแม้ภาพจะไม่ชัดนักแต่ก็เห็นว่านักเรียนคนนั้นเดินลงมาจากชั้นบนจริงๆ

    “ลงมาจากชั้นบน”

    “ครูพอจะเดาได้มั้ยครับว่าเป็นใครเช่นพวกหัวโจกที่อยู่ห้องข้างบน” กรณ์ถาม คนอยู่ชั้นบนที่เขารู้จักมีแค่นนท์ ส่วนหมูกับรูมเมตอยู่ชั้นสอง

    “ครูว่าน่าจะเป็นเด็กมอปลายนะครูจะไล่เช็กจากกล้องของแต่ละชั้นอีกที”

    งั้นผมขอคลิปได้มั้ยครับ

    คงไม่ได้หรอกแต่ครูจะจัดการให้ ไม่ต้องเป็นห่วง รีบกินได้แล้วเหลือเวลาอีกห้านาที

    ครูสุพลปฏิเสธและเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงเขาแย้มยิ้มหวังให้ลูกศิษย์สบายใจ แต่นั่นไม่ช่วยให้กรณ์หายจากความหวาดระแวงได้เลย

    หากยังไม่รู้ตัวคนทำมันก็ยากที่จะใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

     

    ภาพในกล้องวงจรปิดที่ได้ดูเล่นวนซ้ำไปมาในความทรงจำกรณ์เฝ้าสังเกตทุกคนที่เดินผ่านคาดคะเนจากรูปร่างและส่วนสูงซึ่งประเมินได้ยาก เพราะในคลิปไม่มีนักเรียนคนอื่นเลยนอกจากไอ้ฮู้ดดำ แต่คงไม่มีใครใส่ฮู้ดดำมาเรียนในเวลาปกติหรอก

    ระหว่างทางเดินมาที่อาคารเรียน กรณ์เจอกับรูมเมตของหมูตรงประตูทางเข้าทั้งคู่ทักทายกันอย่างสนิทสนมหลังจากเมื่อวานที่ร่วมเมาท์มอยตอนกินข้าวเย็นกัน

    เออมึง ถามไรหน่อยดิ”กรณ์พูด ไอ้ฮู้ดดำคนนั้นไม่มีทางใช่คนที่เขารู้จักแต่อาจจะเป็นคนที่เพื่อนของเพื่อนรู้เบาะแสก็ได้

    อะไร”

    “มึงอยู่ห้องสามใช่ป้ะ”

    “เออ”

    ห้องมึงมีคนอยู่หอกี่คน”

    มีกู ตรี เอิร์ล ปุยฝ้ายแล้วก็พลอย ห้าคน แต่ก่อนหน้านี้มีหก” คนพูดยกนิ้วขึ้นมานับ แววตาดูมีความอยากแกล้งเล็กๆตอนพูดประโยคสุดท้าย และกรณ์รู้ความหมายที่อีกฝ่ายอยากสื่อดี

    คนนั้นชื่ออะไรนะคนที่ตายอะ”

    ไม่จำเป็นต้องคิดมากกับจำนวนคนที่หายไปหนึ่งเพราะคนคนนั้นคือนักเรียนที่เสียชีวิตในห้อง 313

    พร้อม”

    แล้วมีใครอีก”

    ถามทำไมวะ”

    แค่อยากรู้เมื่อวานไม่เห็นพูดถึง ไม่สนิทกันเหรอวะ”

    ก็เหมือนมึงกับไอ้หมูแหละไม่ได้สนิทอะไรมาก”

    แล้วที่ห้องมึงมีคนชอบใส่ฮู้ดสีดำมั้ย”กรณ์คิดว่าไอ้คนนั้นมันแค่ต้องการปกปิดตัวตน ไม่ได้ใส่ฮู้ดเป็นประจำ แต่ลองถามดูก็ไม่เสียหาย

    ก็ไม่นะแต่ที่เห็นบ่อยๆ ก็…อย่าบอกนะว่ามึง...” น้ำเสียงในประโยคหลังมีความสั่นกลัวอยู่เล็กๆนิ้วชี้ยกขึ้นชี้หน้า ดวงตาเบิกกว้างกว่าปกติเป็นท่าทางที่กรณ์เดาไม่ออกว่ามันแค่แกล้งตกใจหรือตกใจจริงๆกันแน่

    อะไร”

    ก็กูเคยเห็นไอ้พร้อมมันใส่ฮู้ดดำที่หอบ่อยๆอย่าบอกนะว่ามึงเจอผีมันอะ”

    ตลกละ”

    กูพูดจริงนะ”

    ผีบ้าอะไรถ่ายติดในกล้องวงจรปิดชัดขนาดนั้นวะ”กรณ์พึมพำกับตัวเอง แต่คนฟังที่ได้ยินไม่ชัดกลับตีความเป็นอย่างอื่น

    อะไรนะมึงถ่ายติดผีไอ้พร้อมเหรอ!”

    จะเสียงดังทำไม”

    นักเรียนที่เดินอยู่ใกล้ๆต่างหันมามอง กรณ์ถลึงตาใส่พร้อมยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากเพื่อบอกให้อีกฝ่ายเงียบแค่ย้ายไปอยู่ห้องที่มีคนตายก็ตกเป็นจุดสนใจมากพออยู่แล้ว ถ้ามีคนได้ยินเข้าแล้วเอาไปพูดกันว่าเขาถูกผีนักเรียนที่ตายไปมาหลอกมันก็ยิ่งน่าปวดหัวไปกันใหญ่ อีกอย่างมันไม่ใช่ความจริงด้วย

    หรือเขาควรปล่อยข่าวว่าถูกไอ้ฮู้ดดำมันคุกคาม แล้วให้ทุกคนในหอช่วยกันตามหาตัวมันดี?

    ถ่ายติดจริงดิ”รูมเมตของหมูกระซิบถาม

    ไม่ใช่เว้ยไม่มีผีอะไรทั้งนั้นแหละ”

    “ถ้าเจอก็บอกกูได้นะเดี๋ยวช่วยหาพระ”

    “ไม่เอาเว้ยกูเข้าห้องละ” กรณ์รีบบอกลาเมื่อขึ้นมาถึงห้องเรียนซึ่งอยู่ติดกับบันไดพอดี ส่วนเพื่อนใหม่ที่เดินมาด้วยกันต้องเดินต่อไปอีกสองห้อง

    เออๆ เจอกันที่หอ”

    ดอยที่เห็นเพื่อนสนิทคุยกับเด็กห้องอื่นอยู่หน้าห้องก็มองตามจนกรณ์นั่งลงข้างๆแล้วก็ยังไม่ละสายตา ไม่บ่อยนักที่จะเห็นกรณ์ไปสุงสิงกับเด็กห้องอื่น เขาจึงถามขึ้นเพื่อคลายความสงสัยทันที

    ใครวะ”

    รูมเมตไอ้หมูเจอตรงทางเข้าตึก”

    ได้คำตอบก็พยักหน้ารับดอยมองกรณ์ที่ก้มๆ เงยๆ หยิบหนังสือขึ้นมาวางแล้วก็สังเกตเห็นความผิดปกติเล็กๆน้อยๆ แววตาและสีหน้าที่ดูหม่นหมองนั้นชวนให้เกิดความสงสัยขึ้นมาอีกรอบ

    มึงดูเพลียๆ นะนอนไม่หลับเหรอ”

    นิดหน่อย”

    ไหนเมื่อวานยังบอกว่าไม่มีอะไรอยู่เลย”

    ไม่ใช่แบบนั้น”

    กรณ์รู้ว่าเพื่อนหมายความว่ายังไงดอยเป็นห่วงว่าเขาจะเจอสิ่งลี้ลับในห้องและเขาก็ยืนยันหนักแน่นไปแล้วว่าไม่มีอะไรแบบนั้นถึงอย่างนั้นกรณ์ก็ยังไม่ได้เล่าเรื่องที่ถูกใครบางคนก่อกวนให้เพื่อนฟังที่จริงก็ตั้งใจจะมาปรึกษากันวันนี้

    สรุปเป็นไรวะ”

    เดี๋ยวตอนเที่ยงเล่าให้ฟัง”

    ครูประจำชั้นเดินเข้ามาในห้องทำให้กรณ์ต้องพับปัญหาชีวิตเอาไว้ก่อนเรื่องนี้ต้องเล่าอย่างละเอียด ต้องมีเวลาปรึกษาและระดมความคิดอย่างจริงจัง เก็บไว้คุยตอนพักเที่ยงจึงเหมาะที่สุด

     

             ความรู้สึกที่เหมือนมีคนจ้องมองยังไม่จางหายไปตั้งแต่ก้าวออกจากห้องเรียน ความรู้สึกนั้นก็รุนแรงขึ้นท่ามกลางนักเรียนร่วมร้อยคนที่ออกจากห้องเรียนในเวลาไล่เลี่ยกัน กรณ์มั่นใจแล้วว่าไอ้ฮู้ดดำคนนั้นต้องเรียนอยู่ชั้นเดียวกับเขาอย่างแน่นอน

             ตามที่สัญญากับเพื่อนไว้กรณ์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในหอพักทั้งหมดให้ดอยฟัง ประตูห้องที่มีคนมาเปิดคนที่แอบเข้ามาในห้องและหนีออกไปทางระเบียง ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ครูสุพลเอามาให้ดูกับข้อสรุปที่คิดเอาเองว่าไอ้ฮู้ดดำต้องการรับน้องและแกล้งให้เขากลัว

             “แค่อยากแกล้งจริงเหรอวะ”ดอยตั้งข้อสงสัยเมื่อฟังจบ เขาดันจานข้าวที่กินจนเกลี้ยงออกไปด้านข้างขณะที่กรณ์ซึ่งเป็นผู้เล่าเพิ่งกินไปได้ไม่กี่คำ

             “ไม่งั้นจะทำไปทำไม”

             “มึงว่ามันทำคนเดียวหรือมีคนอื่นด้วย”

             “ไม่รู้ดิแต่กูรู้สึกว่ามันน่าจะทำคนเดียว”กรณ์เดาจากภาพที่เห็นในกล้องวงจรปิดกับตอนที่เจอมันแอบเข้ามาในห้อง

             “กูว่ามันแปลกนะถ้าอยากรับน้องน่าจะมีคนร่วมด้วย ไอ้พวกตัวแสบมันต้องอยู่เป็นกลุ่มถึงจะกล้าถ้าทำคนเดียวอาจจะแค่อยากแกล้งเอาสนุก”

             “กูจะเป็นบ้าแล้วเนี่ย”

             “มันไม่ได้ทำอย่างอื่นใช่มั้ยนอกจากเปิดประตู”

             “หนักสุดก็แอบเข้ามาในห้องตอนกูไปอาบน้ำไง”

             “ตอนนั้นมันไม่ได้ขโมยของอะไรไปใช่ป้ะ”

             “ไม่มีหรือเพราะกูกลับมาเจอก่อนก็ไม่รู้”

             ดอยครุ่นคิดเขาไม่ค่อยอยากปักใจเชื่อว่ากรณ์ถูกแกล้งเอาสนุกหรือมีใครบางคนอยากรับน้อง ไอ้ฮู้ดดำคนนั้นอาจจะมีจุดประสงค์อื่นมากกว่า

             “กูว่ามันจะแอบเข้าไปขโมยของมึงหรือเปล่าถ้าตอนนั้นมึงไม่เข้าไปเจอก่อนอาจจะมีอะไรหายก็ได้”

             “เหรอวะ แต่กูไม่มีของมีค่าอะไรเลยนะของกูก็ยังไม่ได้จัดให้เข้าที่เข้าทาง ค่าหอก็ไม่ใช่ถูกๆ เรียนที่นี่ได้ก็ถือว่ามีฐานะป้ะ”กรณ์ค้านความเห็นของเพื่อน

             “พวกที่ขโมยเอาสนุกก็มีนะมึง”

             “แล้วมันอยากขโมยอะไรจากกูอะกางเกงในเหรอ”

             “พูดเป็นเล่นไป มันอาจจะเป็นโรคจิตก็ได้ไม่งั้นไม่แอบไปเปิดประตูห้องมึงหรอก”

             “กูยิ่งกลัวนะเนี่ย” กรณ์ไม่เคยคิดถึงกรณีนี้มาก่อนแต่คำพูดต่อมาของดอยกลับทำให้เขายิ่งรู้สึกเสียวสันหลังกว่าเดิม

             “หรือว่ามันอาจจะแอบชอบมึงก็ได้”

             “อันนี้เพ้อเจ้อแล้ว”

             “ก็แค่ลองคิดหลายๆแบบเฉยๆ”

             กรณ์คิดตามทุกความเห็นของเพื่อนรักขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ทุกอย่างก็เป็นไปได้เสมอ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะสมเหตุสมผลหรือไม่บางครั้งการกระทำของคนเราก็ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ทั้งสิ้น

             “ช่วงนี้มึงก็ล็อกห้องไปก่อนไม่ต้องสนใจกฎบ้าบออะไรก็ไม่รู้ เพราะแม่งโคตรไม่ปลอดภัย”

             “กูล็อกอยู่แล้ว”

             แม้แต่ตอนนี้กรณ์ก็ยังรู้สึกว่ามีใครสักคนจ้องมองเขาอยู่ความรู้สึกมันไม่เหมือนกับวันแรกที่ถูกผู้คนจับจ้องเพราะเขาย้ายไปอยู่ในห้องที่เคยมีคนตายแต่พอพยายามจะหาต้นตอ เขากลับไม่เจอใครที่ดูมีพิรุธเลย

             “มึงรู้มั้ยว่ามอห้ามีใครอยู่หอบ้าง”กรณ์ถาม

             “รู้แค่ห้องเราแล้วก็ไอ้เนียร์ห้องสี่ เหมยกับหมวยห้องห้า เฟรมห้องสอง”

             “แค่นี้”

             “เออแค่นี้แหละ รู้เยอะกว่ามึงแล้วกัน มึงสงสัยพวกนี้เหรอ”

             “กูสงสัยว่ามันน่าจะเรียนอยู่มอห้าเหมือนกัน”

             “ทำไมวะ”

             “เพราะน่าจะรู้จักกูที่สุดละมั้ง”

             “มึงอาจจะดังกับรุ่นพี่รุ่นน้องก็ได้นะ”

             กรณ์ส่ายหน้าเขาเป็นเพียงนักเรียนธรรมดาที่ไม่โดดเด่นสักด้านถ้าจะกลายเป็นที่รู้จักก็คงเพราะได้ย้ายมาอยู่ห้อง 313 นี่แหละ

             “แต่ถ้าให้กูเดาคนที่ดูเลวสุดก็ไอ้เฟรม แต่มันเลวแบบชอบกร่างอะ เสียงดัง พูดมาก ขี้โม้ ขี้อวดดูไม่ใช่พวกชอบแกล้งคนอื่นไปทั่ว”

             “ไม่ใช่มันหรอกตัวมันใหญ่กว่าคนในคลิปเยอะ”

             ผู้ต้องสงสัยของดอยถูกปัดตกไอ้ฮู้ดดำตัวค่อนข้างเล็ก น่าจะสูงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบเซนฯ แต่คนที่ดอยพูดถึงมีแต่คนตัวใหญ่อีกสองคนก็เป็นผู้หญิง ขึ้นหอชายไม่ได้อยู่แล้ว

             “งั้นกูก็ไม่รู้แล้วมึงอะรีบแดกข้าวเลย จะหมดมั้ยวันนี้”

             “มึงกูว่ากูคิดวิธีจับไอ้ฮู้ดดำได้แล้วว่ะ”

             ความสนใจของกรณ์ไม่ได้อยู่ที่ข้าวตรงหน้าแม้มือจะถือช้อนอยู่แต่ไม่ได้ตักข้าวเข้าปากเลยสักคำ กรณ์เล่าแผนการที่คิดได้สดๆร้อนๆ ให้ดอยฟัง ก็แค่ปล่อยให้ไอ้ฮู้ดดำมันคุกคามเขาในแบบที่ชอบทำต่อไป เปิดช่องว่างเชิญชวนให้มันเข้ามาหาจากนั้นก็จับกุม

             “เสี่ยงอยู่นะ”ดอยออกความเห็น

             “ถ้ามันเป็นขโมยก็แค่ของหายแต่ถ้าไม่ใช่กูว่ามันก็น่าลองนะ”

             “ระวังตัวด้วยแล้วกันมึงลองขอให้ไอ้พวกที่อยู่หอช่วยอีกแรงมั้ย” เพื่อนรักมักห่วงใย เพราะไม่สามารถไปอยู่ตรงนั้นได้ดอยจึงเสนอทางที่น่าจะปลอดภัยกว่า

             “กูทำคนเดียวดีกว่าเกิดพวกมันเอาไปพูดเดี๋ยวไอ้ฮู้ดดำจะรู้ตัว”

             “จะได้ผลเหรอวะ”

             “ก็ต้องลองดู”

             กรณ์ไม่สามารถคาดเดาผลลัพธ์และกำหนดวันเวลาที่แผนเขาจะสำเร็จได้หากเริ่มแผนการแล้วก็ทำได้เพียงแค่รอเท่านั้น

     

    ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นที่ห้อง 313 ไม่เว้นวัน ประตูห้องถูกแง้มเปิดไว้ในทุกเช้าหรือตอนเย็นตอนที่กรณ์กลับถึงห้องรวมถึงเงาคนที่ระเบียงหลังห้อง มันแวบไปแวบมา สมจริงเสียจนกรณ์ยังอดคิดไม่ได้ว่านั่นอาจไม่ใช่คนถ้าจะมีความสามารถโลดโผนปีนป่ายได้ขนาดนี้ ไอ้ฮู้ดดำคนนั้นก็ต้องเป็นนักกายกรรมแน่ๆ

    ความคิดที่จะล็อกประตูถูกโยนทิ้งไปเมื่อมีแผนจับตัวไอ้ฮู้ดดำเข้ามาแทนที่ กรณ์ตั้งใจปล่อยให้มันได้แกล้งเขาตามชอบใจ จะเข้ามาขโมยของหรือทำเพื่อความบันเทิงใจของตัวเองอะไรก็ตามแต่ เขาวางแผนจะจับไอ้ฮู้ดดำตอนมันเข้ามาในห้องและรู้แล้วว่ามันจะบุกเข้าห้องมาตอนไหน

    วันหนึ่งกรณ์เคยไปเคาะประตูห้องข้างๆเพื่อสอบถามว่าเห็นใครกระโดดไปมาตรงระเบียงหรือได้ยินเสียงแปลกๆ บ้างมั้ย แต่น้องมอต้นที่อยู่ห้องข้างเขากลับเอาแต่ส่ายหน้าลูกเดียวตีความได้อย่างเดียวว่าไอ้ฮู้ดดำต้องซื้อตัวน้องคนนี้ไปเป็นลูกน้องแล้วแน่ๆ เพราะมันไม่ใช่สไปเดอร์แมนไม่มีทางกระโดดหนีขึ้นไปข้างบนได้หรอก ทางหนีเดียวที่มีคือระเบียงห้องข้างๆที่อยู่ติดกัน

    ด้านครูสุพลที่บอกว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ก็ดูไม่ได้ความเท่าไรกรณ์รับรู้ถึงความตั้งใจของครูจากคำแนะนำและความห่วงใยที่คอยมาถามไถ่แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงยังจับไอ้ฮู้ดดำไม่ได้สักทีอย่างกับว่าครูตั้งใจปล่อยผ่านไป ทั้งที่รู้ว่าตัวการเป็นใครแต่ก็ไม่ทำอะไรอยู่ดีภาพจากกล้องวงจรปิดก็มีแค่คลิปนั้นที่เอามาให้ดู พอทวงถามก็ได้คำตอบเหมือนเดิมทุกครั้ง

    “ครูจะจัดการให้เอง”

    กรณ์รู้สึกเหนื่อยใจและหมดหวังกับคำตอบที่ได้สุดท้ายเลยเผลอใส่อารมณ์ออกไปอย่างลืมตัว

    “ครูจัดการไม่ได้ก็บอกผมมาเถอะครับ”

    “ครูพยายามอยู่”

    “หรือเพราะครูเห็นว่าชีวิตผมไม่สำคัญ”

    “กรณ์ใจเย็นๆ ก่อน” ครูสุพลคือคนที่ขึ้นชื่อเรื่องความสุขุมและใจเย็น เขาเข้าใจถึงความโกรธเกรี้ยวของนักเรียนและรู้ดีว่าครั้งนี้ตนแก้ไขปัญหาได้แย่แค่ไหน

    “หรือผมควรบอกเรื่องนี้กับผอ.ดีครับ ถ้าครูช่วยผมไม่ได้”

    “กรณ์ครูกำลังจัดการอยู่”

    “ครูพูดแบบนี้ทุกครั้งที่เจอผมเลยนะครับ”

    “มันจะจบภายในสัปดาห์นี้ครูรับปาก”

    ครูสุพลวางมือบนไหล่กรณ์ทั้งสายตาและน้ำเสียงมุ่งมั่น แต่นักเรียนของเขากลับไม่เชื่อแบบนั้น เพราะถ้าครูตั้งใจจัดการปัญหาจริงๆเรื่องมันคงจบไปนานแล้ว

    “รีบไปกินข้าวไปเดี๋ยวโรงอาหารปิดก่อน”

    เย็นวันนี้กรณ์อยู่ที่โรงอาหารจนถึงเวลาปิดทำการวันนี้เป็นวันศุกร์เพื่อนหลายคนเดินทางกลับบ้านโดยมีผู้ปกครองมารอรับตั้งแต่โรงเรียนเลิกเหลือนักเรียนเพียงน้อยนิดที่ยังอยู่หอพักในช่วงวันหยุด กรณ์เองก็เป็นหนึ่งในนั้นรวมถึงไอ้ฮู้ดดำคนนั้นด้วย

    บรรยากาศในหอพักวังเวงเหมาะแก่การปรากฏตัวของสิ่งลี้ลับบรรยากาศรอบตัวเงียบสนิทแม้ไฟยังเปิดสว่างในเวลาเกือบสองทุ่มกรณ์เดินเอื่อยเฉื่อยจากโรงอาหารขึ้นหอพักอย่างโดดเดี่ยวนักเรียนที่ไม่ได้กลับบ้านต่างก็ขึ้นห้องนอนกันไปหมดแล้วจะเห็นก็แต่ลุงยามที่เฝ้าประตูทางเข้าอยู่ไกลๆ

    อีกสิ่งหนึ่งที่กรณ์ไม่ชอบในหอนี้คือตำแหน่งของห้องพักของเขาที่อยู่สุดทางเดิน ไกลจากบันไดที่สุด เขาอยากให้โรงเรียนทำทางขึ้น-ลงไว้สองทางเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เพราะถ้าเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นมาเขาต้องวิ่งไกลกว่าเพื่อนไหนจะต้องเบียดเสียดกับห้องฝั่งตรงข้ามอีกจะให้กระโดดหนีตายลงจากชั้นสามก็ไม่อยากเสี่ยงเพราะด้านล่างเป็นพื้นปูนซีเมนต์ ถึงไม่ตายแต่อาจจะพิการไปตลอดชีวิตเลยก็ได้

    มาถึงห้อง313 ก็พบว่าประตูห้องถูกแง้มไว้เหมือนเคย กรณ์เดินเข้าห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นวางของไว้แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมไปอาบน้ำก่อนครูสุพลจะเดินตรวจรอบดึกเขาวางแผนไว้แล้วว่าสุดสัปดาห์นี้จะจัดการกับไอ้ฮู้ดดำยังไง

    จากการเก็บข้อมูลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกรณ์พบว่าช่วงสุดสัปดาห์ที่ไม่ค่อยมีคนอยู่หอ ไอ้ฮู้ดดำดูจะได้ใจกว่าปกติมันแอบเข้าห้องเขากลางดึก ทิ้งรอยเท้าเอาไว้ในห้องให้หงุดหงิดเล่นบางคืนก็มาเป็นเสียงอยู่นอกระเบียง แต่พอออกไปดูก็ไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้น

    วันหยุดนี้เขาจะจับมันตอนแอบเข้ามาในห้องให้ได้

    กลับมาจากห้องน้ำกรณ์ไม่เห็นสิ่งผิดปกติภายในห้อง เขานั่งทำการบ้านที่โต๊ะอ่านหนังสือจนถึงสี่ทุ่มก็ทิ้งทุกอย่างแล้วย้ายตัวเองไปที่เตียง นอนเล่นเกมอยู่หลายชั่วโมงก็เริ่มง่วงจึงปิดทุกอย่างแล้วมุดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม ทำทีเหมือนหลับไป แต่ความจริงแล้วเขากำลังรอการมาถึงของเป้าหมายอยู่

    ความเงียบในเวลากลางคืนช่วยให้ได้ยินเสียงรอบตัวได้ดีขึ้นเสียงลูกบิดประตูดังแกรกเบาๆ ในเวลาที่กรณ์เกือบจะเผลอหลับ มันช่วยดึงสติเขาให้กลับคืนไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูตามมา ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงฝีเท้าของผู้บุกรุก มันย่องเบาอย่างไร้ที่ติ

    กรณ์หรี่ตาขึ้นมองเห็นเงาคนสวมฮู้ดเดินอยู่ในห้องมันดูตัวเล็กกว่าที่จินตนาการไว้ไม่มาก แต่สีดำของฮู้ดก็ทำให้มันซ่อนตัวกลมกลืนไปกับความมืดภายในห้องได้ดี สองเท้าก้าวเดินอย่างใจเย็นตรงมาที่เตียงของเขาก่อกระทำการอุกอาจโดยไม่รู้ตัวเลยว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่มันจะได้ทำแบบนี้

    กรณ์หลับตาลงรออย่างใจเย็นแม้เขากำลังใจเต้นแรงจนกลัวว่าไอ้ฮู้ดดำจะได้ยินความเงียบยังคงทำหน้าที่ขับให้เสียงโดยรอบชัดเจนขึ้นได้ดี เขาได้ยินเสียงเสียดสีของผ้าเมื่อมันเข้ามาใกล้จนชิดกับเตียงรับรู้ได้แม้กระทั่งความรู้สึกคุกคามที่มันพยายามสร้างให้เกิดความกลัว

    กรณ์หรี่ตาขึ้นมองเพื่อระบุตำแหน่งเป้าหมายให้ชัดเจนไอ้ฮู้ดดำยืนชิดปลายเตียงเขามันก้มหน้าทำตัวเหมือนผีสาวที่ชอบยืนปลายเตียงในเรื่องเล่า จ้องมองอย่างนิ่งสงบอยู่ร่วมนาทีก่อนจะก้าวถอยหลังจังหวะนี้เองที่กรณ์คิดว่าควรลงมือ ไม่อย่างนั้นคนที่เร็วเหมือนลิงอย่างมันอาจจะหนีไปได้อีก

    เมื่อไอ้ฮู้ดดำขยับกรณ์ก็ขยับตามเขายันตัวลุกส่งเท้าขวาถีบเข้าที่ท้องผู้บุกรุกเต็มแรงจนมันเซถอยหลังไปชนกับโต๊ะเขียนหนังสือ มันยกมือกุมท้อง ไม่ส่งเสียงร้องให้ได้ยินแล้วรีบพุ่งตัวไปทางระเบียง กรณ์กระโดดลุกจากเตียงเข้าไปคว้าตัวมันเอาไว้ คนหนึ่งพยายามล็อกตัวไม่ให้หนี ส่วนอีกคนดิ้นรนขัดขืนสุดแรง

    “มึงเป็นใครวะ”

    ได้ยินเพียงเสียงฮึดฮัดกับแรงที่พยายามสะบัดตัวให้หลุดกรณ์ล็อกตัวไอ้ฮู้ดดำไว้จากด้านหลังกอดไว้แน่นเสียจนรู้สึกเหมือนกระดูกคนที่ถูกล็อกแทบจะแหลกคาอ้อมแขน

    จังหวะที่แรงขัดขืนเบาลงกรณ์ก็คลายอ้อมแขนเล็กน้อยแล้วจับไอ้ฮู้ดดำให้หันหน้ามาหาเพราะไม่อยากใช้กำลังทำร้ายร่างกายจึงดันตัวมันจนไปกระแทกกับตู้เสื้อผ้าดึงฮู้ดที่สวมไว้ออกเพื่อดูหน้าตา แต่ก่อนจะได้พูดอะไร สติของเขาก็เหมือนจะดับวูบไปเสียดื้อๆ

    กล่องเหล็กใส่ของที่อยู่บนตู้เสื้อผ้าตกลงกระแทกหัวกรณ์เข้าอย่างจังก่อนตกลงพื้นเสียงดังสนั่น เจ้าของห้องเกิดอาการมึนงง จากนั้นก็ล้มใส่ผู้บุกรุกที่กำลังตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกก่อนจะพยุงกรณ์ให้ไปนอนบนเตียงแล้วรีบหนีออกมาพร้อมกับภาวนาให้เจ้าของห้องคนนั้นไม่เป็นอะไรมากจากอุบัติเหตุ

     

    กรณ์ลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกทั้งเจ็บทั้งมึนที่หัวเขายันตัวลุกขึ้นนั่ง ต้องใช้เวลาสักพักในการปรับสายตาและตั้งสติ สิ่งที่เห็นคือกล่องปริศนาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนซึ่งตกอยู่บนพื้นไร้วี่แววของผู้บุกรุกที่เกือบได้ออกแรงต่อสู้กันก่อนหน้านี้แผนการที่วางไว้ผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยเพราะกล่องใบนั้นที่หล่นใส่หัวเขาจนสลบไป

    ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างไอ้ฮู้ดดำคนนั้นแต่ก็ใช่ว่ากรณ์จะคว้าน้ำเหลวเสียทีเดียวอย่างน้อยเขาก็รู้แล้วว่าคนที่คุกคามชีวิตเขามาตลอดคือใคร

    เป็นคนที่เรียนอยู่ชั้นเดียวกันอย่างที่คิดไว้จริงๆ

    กรณ์ละความสนใจจากกล่องเหล็กปริศนามองประตูระเบียงที่ยังปิดสนิท ก่อนหันไปมองประตูห้องเพื่อเช็กความเรียบร้อยอีกครั้ง แต่กลับต้องตกใจแทบหงายหลังเมื่อเห็นว่าเตียงข้างๆ มีคนนั่งอยู่

    ไม่สิเรียกว่าคนคงไม่ถูก

    หวัดดี

    เพราะคนที่นั่งอยู่ตรงหน้ากรณ์...คือนักเรียนที่เสียชีวิตในห้อง 313 เมื่อเดือนก่อน


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in