ตอนที่ 1
เสียงซุบซิบน่ารำคาญดังขึ้นตลอดทางที่ก้าวผ่านกรณ์พยายามไม่สนใจและจดจ่อกับคำพูดของคุณครูที่เดินนำเขาอยู่ไม่กี่ก้าวคอยส่งเสียงและพยักหน้าตอบเมื่อได้ฟังคำถาม แต่ไม่ว่าจะพยายามไม่สนใจคำพูดของผู้คนโดยรอบยังไงเขาก็ยังได้ยินมันอย่างชัดเจนอยู่ดี
“จะมาอยู่ห้องนั้นเหรอ”
“เขารู้หรือเปล่าวะว่าห้องนั้นมีอะไร”
“ไม่รู้แหงไม่งั้นจะมาอยู่เหรอ”
“โดนโรงเรียนหลอกชัวร์”
“โดนโรงเรียนหลอกไม่เท่าไร เพราะน่าจะโดนผีหลอกมากกว่า”
เสียงหัวเราะดังตามมาให้ได้ยินยิ่งน่าหงุดหงิดแต่ว่าห้องนั้น ความลับและคำหลอกลวง เรื่องพวกนั้นน่ะ
“เข้าห้องกันได้แล้ว”
ครูสุพลหันไปว่าเด็กนักเรียนในหอพักชายที่ยืนออกันตามทางเดินเขาคือชายร่างสูงใหญ่ผู้เป็นครูพละและครูผู้ดูแลหอพักชายของโรงเรียนมาอย่างยาวนานแต่ด้วยความสนิทสนมที่เขามีกับนักเรียนทำให้เด็กเหล่านี้ไม่ได้มีท่าทางเกรงกลัวเขาสักเท่าไร
“โธ่ครูแค่อยากทักทายเพื่อนใหม่”
“แวะมาให้กำลังใจเพื่อนร่วมชั้นเองครู”
“สู้ๆนะนาย”
“ไปได้แล้วไป”ครูสุพลโบกมือไล่ด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ
“ให้ไปไหนล่ะครูก็ผมอยู่ชั้นนี้”
“
“โห่อะไรเนี่ย”
คำขู่ได้ผลนักเรียนจอมก่อกวนยอมเดินจากไป แต่ก็ไม่วายเอาแต่พูดถึงเรื่องเสียๆ หายๆ เกี่ยวกับ‘ห้องนั้น’ อยู่ดี
ครูสุพลถอนหายใจเบาๆเขาหันมายิ้มให้กรณ์ นักเรียนผู้เป็นสมาชิกใหม่ของหอพักนี้ก่อนจะเดินนำหน้าตรงไปยังห้องที่อยู่ริมสุดของทางเดิน
กรณ์หันกลับไปมองด้านหลังเห็นนักเรียนชายกลุ่มเมื่อครู่โบกมือทักทายด้วยท่าทีดูขี้เล่นและเป็นมิตร ทว่าคนมองกลับรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไรกรณ์พยายามไม่ใส่ใจ เพราะเรื่องของสถานที่ที่เกิดเหตุร้ายขึ้นมักถูกเสริมเติมแต่งจนกลายเป็นเรื่องเล่าที่น่ากลัวเกินจริง
เดินตรงไปจนสุดทางเดินคือห้อง313 ประจำหอพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นหอพักชายของโรงเรียนเลิศวิทยาโรงเรียนเอกชนชื่อดังที่มีการเรียนการสอนทั้งในระบบปกติและระบบหอพักเปิดสอนระดับมัธยมตั้งแต่ชั้นปีที่หนึ่งถึงหก โรงเรียนมีพื้นที่กว้างขวางตั้งอยู่ใน
กรณ์เรียนที่โรงเรียนเลิศวิทยามาตั้งแต่ชั้น
แม่ที่อาศัยอยู่ด้วยกันแค่สองคนของกรณ์เพิ่งเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ก่อนสิทธิ์ในการเลี้ยงดูจึงตกอยู่กับพ่อที่เลิกลากับแม่ตั้งแต่เขายังเรียนอยู่ประถมกรณ์ไม่อยากย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดกับครอบครัวใหม่ของพ่อกลางคัน
“ห้องนี้แม่บ้านเพิ่งมาทำความสะอาดให้เมื่อวานอยู่คนเดียวก็ไม่ต้องกลัวล่ะ”ครูสุพลบอกเมื่อพาลูกศิษย์มาส่งที่หน้าห้องพัก
“ครับ”
“ทำตามกฎของหอพักด้วยนะตอนเช้าโรงอาหารปิดเจ็ดโมงครึ่ง ตอนเย็นปิดหกโมง ถ้าไปกินไม่ทันก็อดแต่ถ้าไม่มีอะไรกินก็แวะไปหาครูที่ห้องพักครูได้มีเสบียงเตรียมไว้ให้ แล้วก็ห้ามล็อกประตูห้อง ครูจะมาเดินตรวจก่อนสี่ทุ่ม กรณ์ต้องอยู่ในห้องเข้าใจนะ”
“ครับ”
กรณ์อมยิ้มพยักหน้ารับหลังจากครูสุพลย้ำกฎระเบียบของหอพักให้ฟังเขาไม่ได้รำคาญที่ครูพูดมันมาหลายรอบแล้ว เพราะรู้ว่าครูแค่เป็นห่วง
“ถ้ามี
“ครับ”
“ที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้ก็อย่าไปคิดมากล่ะ”
“ครับ”
“โทรหาครูได้ตลอดถ้ากลัวก็ลงไปหาครูได้”
“ครับครูผมอยู่ได้ครับ”
“งั้นครูไปนะ”
“ครับ”
กรณ์ยิ้มตอบรับครูสุพลโดยไม่มีข้อสงสัยหรือซักถามอะไรเพิ่มเติมเขาลากกระเป๋าเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู กวาดสายตามองภายในห้องพักขนาดเล็ก เห็น
กระเป๋าเดินทางถูกลากไปวางไว้หน้าตู้เสื้อผ้ากระเป๋าเป้ของโรงเรียนวางบนโต๊ะอ่านหนังสือด้านในกรณ์เปิดประตูระเบียงออกไปชมวิวยามเย็นที่ไม่มีอะไรให้ดูนัก ยืนรับลมอยู่สักพักก็กลับเข้ามาในห้องแล้วล้มตัวลงบนเตียงด้านในซึ่งอยู่ใกล้ระเบียง
ในหัวของกรณ์ตอนนี้ช่างว่างเปล่าทั้งที่มีเรื่องให้ทำ มีอะไรให้คิดตั้งมากมาย เขานอนมองเพดานอยู่เงียบๆ หลายนาที เหม่อลอยไปยังที่ไกลแสนไกลก่อนแรงสั่นจากสมาร์ตโฟนในกระเป๋ากางเกงจะเรียกสติให้กลับคืน
‘เป็นไงบ้างเด็กหอ’
ดอยเพื่อนสนิทของกรณ์ทักมาหา
‘ก็ดี รอลงไปกินข้าวตอนใกล้
‘ในห้องเป็นไงบ้างวะเจออะไรมั้ย’
‘เตียงสอง โต๊ะสองตู้หนึ่ง’
กรณ์พิมพ์ตอบกลับไปพร้อมรูปถ่ายภายในห้อง
‘ไม่ใช่แบบนั้นกูหมายถึงสิ่งที่มองไม่เห็น’
‘ไม่เห็นมีอะไร’
‘อาจจะออกมาดึกๆ’
‘ถ้าจะพูดแต่เรื่องนี้กูไม่คุยต่อแล้วนะ’
‘ใจเย็นดิวะ’
กรณ์รู้สึกรำคาญอยู่ไม่น้อยที่ทุกคนเอาแต่พูดถึงเรื่องนี้ไม่เลิกทุกคนในโรงเรียนต่างรู้ดีว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่หอพระอาทิตย์แห่งนี้ไม่อย่างนั้นพวกนักเรียนคงไม่ซุบซิบนินทาตั้งแต่เห็นเขาเดินลากกระเป๋าตามครูสุพลเข้ามา
เรื่องน่าเศร้าที่เกิดกับนักเรียนชั้นมอห้าเมื่อเดือนก่อนอุบัติเหตุที่คร่าชีวิตของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง และสถานที่เกิดเหตุก็คือห้อง 313
รายละเอียดเกี่ยวกับอุบัติเหตุนั้นไม่เป็นที่เปิดเผยทางโรงเรียนแจ้งเพียงว่ามีนักเรียนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตภายในห้องพักแต่ก็มีนักเรียนที่เรียนอยู่ห้องเดียวกับผู้เสียชีวิตเล่ากันว่ามีใครบางคนอยู่เบื้องหลังการตายของนักเรียนคนนั้นจนเกิดเป็นกระแสอยู่พักใหญ่ในหมู่นักเรียนก่อนเรื่องจะซาไปตามกาลเวลา
กับนักเรียนที่เสียชีวิตกรณ์ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวเพราะเรียนอยู่คนละห้อง แต่ก็ยังเคยเห็นหน้าค่าตาอยู่บ้างถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่คนที่เด่นชัดในความทรงจำ และกรณ์ก็ไม่สนด้วยว่าวิญญาณเขาคนนั้นที่ตายในห้องนี้จะยังวนเวียนอยู่หรือไปสู่สุคติแล้ว
หลังเหตุการณ์เสียชีวิตของนักเรียนชั้นมอห้า
ระหว่างที่แชตกับดอยกรณ์ก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างเขารีบหันไปมองที่ประตูและพบว่ามันแง้มอยู่พร้อมกับเงาที่เคลื่อนออกไปจากจุดนั้นคิดได้อย่างเดียวว่าคงเป็นพวกสอดรู้สอดเห็นมาแอบดู หรือไม่ก็พวกที่พูดจาแย่ๆ ตอนเขาเดินมากับครูสุพลนั่นแหละเพราะการเข้ามาพักในห้องนี้ของเขาก็ดูจะเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงมากทีเดียว
‘รู้สึกว่าต่อจากนี้ชีวิตคงไม่สงบสุขเท่าไร’
กรณ์พิมพ์ลงไปในแชตของเขากับดอย
‘ทำไมวะ ใครทำอะไรหรือผีออกมาแล้ว’
‘คนน่ารำคาญกว่าผีอีก’
คิดว่าเขาคงต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของที่นี่ได้
การอยู่หอคืนแรกผ่านไปได้ด้วยดีอย่างน้อยกรณ์ก็คิดแบบนั้น หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ
ตอนเช้าเด็กหอทุกคนต้องลงมาทาน
เพราะเมื่อเช้ากรณ์ตื่นขึ้นมาและเห็นว่าประตูห้องนอนถูกแง้มเปิดไว้
“นอนหอคืนแรกเป็นไงบ้างวะ”
“ก็ดี”
“ไม่เจอผีจริงดิ”
“ผีห่าอะไรล่ะ มึงนี่ไม่ยอมจบนะ”
“ก็กูอยากรู้ไม่มีใครนอนห้องนั้นเลยนี่หว่า”
“เขาอยู่คนเดียวตอนตายก็ธรรมดามั้ยวะที่จะไม่มีคนอยู่”
ความจริงแล้วนักเรียนในระบบหอพักของโรงเรียนเลิศวิทยาไม่ได้มีเยอะในหนึ่งห้องเรียนจะมีนักเรียนที่อยู่หอมากสุดเพียงสามถึงสี่คน และในหอพักก็มี
“กูไปเที่ยวที่ห้องมึงได้ป้ะ
“มึงไปขอครูเอาเองนะ”
“ครูคนไหนดูแลหอมึง”
กรณ์มองเพื่อนรักแล้วได้แต่ถอนหายใจ
“ไปไม่ได้เขาไม่ให้คนนอกเข้า”
“กูก็เด็กในโรงเรียนนะคนนอกที่ไหน”
“ถ้าอยากมานักมึงก็ย้ายมาอยู่หอดิจะได้มาอยู่ห้องเดียวกับกู”
“ไม่เอาอะ”
“งั้นก็เลิกถาม”
ดอยเบ้ปากใส่อย่างไม่ชอบใจเพราะกรณ์ทำให้เรื่องสยองในหอพักหมดสนุก
“กลับไปนั่งดีๆ ไป”
กรณ์ดันเพื่อนให้ออกห่างหันมองเพื่อนในห้องก็ดูจะไม่มีใครสนใจเขาแล้ว การย้ายมาอยู่หอพักมันก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาทั่วไปจะดูพิเศษขึ้นมาหน่อยก็ตรงที่ห้องของเขาเคยมีคนตายมาก่อนก็เท่านั้น
เพียงวันเดียวที่ย้ายมาอยู่หอพักกรณ์ก็รู้สึกว่าเขาถูกสายตาผู้คนจับจ้องตลอดเวลาแม้ไม่มีเสียงนินทาดังให้ได้ยินก็ตาม เขาทำใจไว้แล้วว่าคงตกเป็นเป้าสายตาในช่วงแรกและคนคงเบื่อกันไปเองเมื่อเห็นว่าเขาอยู่ในห้องที่เคยมีคนตายได้อย่างสุขสบายดี ไม่โดนผีหลอกแถมยังได้อยู่ฟรีอีกต่างหาก
เด็กหอต้องกลับไปทานข้าวที่โรงอาหารก่อนหกโมงเย็นตอนนั้นเอง กรณ์ไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนเด็กหอผู้ชายอีกสองคนที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันคนหนึ่งชื่อนนท์ ตัวสูง ใส่แว่น อีกคนชื่อหมู ดูนิ่งๆ ขี้เก๊กหน่อยๆในห้องเรียนพวกเขาอยู่คนละกลุ่ม ไม่ถึงขั้นสนิท แต่น่าจะได้สนิทกันก็คราวนี้
เรื่องที่ถูกหยิบยกมาคุยบนโต๊ะอาหารเป็นเรื่องทั่วไปแต่น่าสนใจเมื่อเป็นเรื่องของคนอื่นนนท์เล่าถึงรูมเมตที่ถูกเลือกให้มาอยู่ด้วยกันในเทอมนี้
“มันบอกว่ามันจะเป็นครูเลยติดนิสัยพูดเสียงดังกลัวคนอื่นไม่ได้ยิน แล้วแม่งโคตรเนิร์ด พูดอะไรแต่ละ
นิสัยจริงของนนท์นั้นต่างจากภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูเป็นเด็กเรียนอย่างสิ้น
“มึงไม่เนิร์ดกว่าเหรอวะ”หมูถาม
“กูแค่สายตาสั้นเลยใส่แว่นไม่ได้เนิร์ด พูดเรื่องนี้กับมึงจนกูเบื่อละ เลิกมองคนใส่แว่นว่าเนิร์ด ไอ้สัด” แถมนนท์ยังชอบใส่อารมณ์กับเปิดโหมดเครื่องด่าบ่อยๆถ้าใครพูดไม่ถูกใจ
“อยู่ด้วยกันพวกมึงไม่ตีกันตายเหรอวะ”กรณ์ถาม คนพูดมากมาเจอกันคงปวดหัวน่าดู
“ถึงมันจะพูดมากแต่ไม่สู้คนพอกูด่ามันก็หยุด แต่เดี๋ยวสักพักมันก็พูดอีกจนกูเหนื่อยจะด่า”
ยิ่งพูดถึงรูมเมตนนท์ยิ่งดูอารมณ์เสียพูดจบก็ตักข้าวเข้าปากคำใหญ่ เคี้ยวตุ้ยๆ หน้าตาถมึงทึง กรณ์เลยหันไปถามหมูบ้าง
“แล้วรูมเมตมึงอะ”
“รูมเมตกูดีเป็นคนปกติอะมึง เรียนอยู่ห้องสาม นั่นไงมานู่นละ”
หมูโบกมือเรียกรูมเมตที่เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนได้คนมาร่วมวงกินข้าวอีกคนยิ่งคุยสนุก ต่างคนต่างแชร์ประสบการณ์ในหอพักที่ประสบพบเจอแนะนำทางหนีทีไล่ในกรณีฉุกเฉิน เป็นบรรยากาศที่กรณ์รู้สึกสบายใจเพราะไม่มีใครถามถึงเรื่องลึกลับของห้อง313 ที่เขาอยู่
ระหว่างพูดคุยกับเพื่อนอย่างออกรสออกชาติกรณ์ก็รับรู้ได้ถึงสายตาของใครบางคนที่มองมาแทบจะตลอดเวลา เขาหันกลับไปมองอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มั่นใจว่าสายตาคู่นั้นมองมาจากตรงไหนมันหนักอึ้งเสียจนเขารู้สึกเหมือนกำลังถูกคุกคาม เพราะแม้กระทั่งตอนเดินขึ้นหอพัก กรณ์ก็รู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมาเช่นเดียวกัน
กรณ์ไม่ได้ทำตัวมีพิรุธหรือมีท่าทางหวาดกลัวต่อใครบางคนที่กำลังคุกคามเขาอย่างหนักเปิดประตูเข้าห้องทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ แต่ก็อดรู้สึกหวาดระแวงขึ้นมาไม่ได้ เพราะกฎห้ามล็อกห้องที่ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยคงต้องวางแผนทำกับดักวางไว้หน้าประตูเผื่อไอ้คนนั้นมันเกิดอยากจะบุกรุกห้องเขากลางดึกขึ้นมาแต่ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่ามันจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน
ขณะที่นั่งทำการบ้านพลางคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากไอ้คนที่คุกคามชีวิตกรณ์หันไปมองที่ประตูห้องอีกทีก็พบ
เป็นฝีมือของวิญญาณนักเรียนที่ตายในห้องนี้
“เฮ้อ”
ถอนหายใจออกมาอย่างแรงก่อนจะเดินไปปิดประตูแล้วกดล็อกอย่างอดไม่ได้ฝ่าฝืนกฎของหอพักด้วยความรำคาญใจ ไม่อย่างนั้นคืนนี้กรณ์คงนอนไม่หลับแน่
กลับมานั่งทำการบ้านต่อได้อีกไม่นานลูกบิดประตูก็ถูกใครบางคนพยายามเปิดจากด้านนอก กรณ์รีบลุกขึ้นไปดู คิดว่าอาจจะเป็นไอ้คนนั้นที่ตั้งใจมาก่อกวนเขาแต่เพราะคนข้างนอกยังขยับลูกบิดไม่เลิกทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจจนเสียงขยับลูกบิดหยุดลงตามด้วยเสียงเคาะประตู เขาถึงได้รู้ว่าคนที่อยู่ข้างนอกคือใคร
“อยู่ที่นี่ห้ามล็อกประตูครูบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
กรณ์เปิดประตูออกเมื่อได้ยินเสียงครูสุพลก่อนหันมองนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลาสามทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาเดินตรวจของครูประจำหอ
“ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอ”
ครูสุพลมองชุดนักเรียนที่ยังไม่ถูกเปลี่ยนหลังจากกินข้าวเสร็จกรณ์ก็กลับขึ้นมาทำการบ้านจนลืมเวลาที่ต้องอาบน้ำไปเสียสนิท
“จะไปอาบเดี๋ยวนี้ครับ”
“รีบๆ เลยครูขึ้นไปตรวจชั้นบนแล้วจะลงมาดูอีกรอบ”
“ครับ”
ได้รับคำตอบครูสุพลก็ก้าวถอยหลังหมุนตัวเตรียมจะเดินไปยังห้องถัดไป ทว่าถูกกรณ์เรียกไว้เสียก่อน
“เอ่อ ครูครับ”
ครูสุพลหันกลับมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ที่นี่มีกล้องวงจรปิดมั้ยครับ”
“มี นั่นไง”บอกพร้อมกับชี้ให้ดูกล้องตรงทางเดิน
ระบบรักษาความปลอดภัยของหอจากคนภาย
“คือผมรู้สึกเหมือนถูกใครบางคนก่อกวนตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับครูช่วยเช็กให้ผมหน่อยได้มั้ย”
“ก่อกวนยังไง ใครทำอะไร”
“ประตูห้องผมมันเปิดเองสองครั้งแล้วครับเมื่อวานผมเห็นเงาใครบางคน น่าจะมีคนแกล้ง”
“โอเค ครูจะเช็กให้อยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องกลัวนะ มันไม่มีอะไรหรอก อาจจะมีพวกตัวแสบอยู่บ้างเดี๋ยวครูจัดการให้เอง”
ครูสุพลรับปากพร้อมให้กำลังใจนักเรียนใหม่ของหอพักเขาทำงานอยู่ที่นี่มาเป็นสิบปี พวกตัวแสบที่ชอบแกล้งคนอื่นก็มีบ้างเรื่องน่าปวดหัวของเด็กๆ มีมาเรื่อยๆ รวมถึงเรื่องเหนือธรรมชาติด้วยเช่นกัน
“ขอบคุณครับ”
“รีบไปอาบน้ำเลยนะเดี๋ยวครูลงมา”
“ครับ”
“แต่ถ้ากลัวก็รอครูตรวจเสร็จก่อนแล้วเดี๋ยวครูพาไป”
“ไม่เป็นไรครับผมไปเองได้”
“โอเค”
กรณ์เกือบจะหลุดหัวเราะกับอาการเป็นห่วงเป็นใยลูกศิษย์เกินเหตุเขายืนมองครูสุพลเดินไปเปิดห้องข้างๆ พูดคุยกับนักเรียนที่อยู่ในห้องนั้นก่อนจะหันกลับมาโบกมือไล่เขาที่ไม่ยอมไปอาบน้ำเสียที
ห้องน้ำของหอพักในยามวิกาลขึ้นชื่อเรื่องความวังเวงแสนน่ากลัวกรณ์เองก็รู้สึกอย่างนั้น คนทั่วไปมักกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ในเมื่อเขาสามารถมองเห็นในสิ่งที่คนทั่ว
ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่หอกรณ์ยังไม่เคยเห็นสิ่งลี้ลับหรือผีที่ใครๆพูดถึง รวมถึงวิญญาณของนักเรียนที่เสียชีวิตในห้อง 313 ในห้องนั้นมีเพียงความว่างเปล่าที่สัมผัสได้
เพราะผีไม่ได้น่ากลัวสิ่งที่น่ากลัวกว่าคือมนุษย์ต่างหาก
ห้องน้ำของหอพักแบ่งเป็นสองฝั่งคือห้องอาบน้ำกับห้องส้วมสำหรับทำธุระส่วนตัว กรณ์ใช้เวลาอาบน้ำแค่ไม่กี่นาทีเช็ดตัวแบบลวกๆ สวมชุดนอนที่เตรียมมา ก่อนออกมาแปรงฟันที่อ่างล้างหน้า มองเงาสะท้อนตัวเองในกระจกด้วยความรู้สึกหวาดระแวงที่ยังไม่จางหาย
ไฟในห้องน้ำสว่างแต่บรรยากาศโดยรอบเงียบสนิทเมื่อวานตอนที่กรณ์มาอาบน้ำยังเจอนักเรียนคนอื่นอยู่บ้าง แต่เพราะวันนี้เลยเวลามานานจึงไม่มีใครอยู่ที่นี่
ปัง!
กรณ์สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูจากห้องน้ำอีกฝั่งเขาหันไปมอง ใจเต้นแรงขึ้นมาชั่วขณะ ทั้งที่ออกจะเงียบขนาดนี้แต่ทำไมเขาถึงไม่ได้ยินเสียงตอนมีคนเดินเข้ามา
ไม่ได้อยากคิดให้เป็นเรื่องลี้ลับแต่กรณ์ก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่คนเดียวนานๆ เหมือนกัน
เปิดก๊อกน้ำบ้วนปากรีบเก็บของเผ่นหนี ตอนเดินออกกรณ์หันมองไปยังฝั่งห้องน้ำที่มีประตูบานหนึ่งปิดอยู่คงเป็นนักเรียนสักคนที่เกิดปวดหนักขึ้นมากลางดึก
กรณ์เดินกลับไปยังห้องพักไฟตามทางเดินยังเปิดสว่าง ได้ยินเสียงครูสุพลคุยกับนักเรียนดังมาจากชั้นบน จึงรีบเดินเข้าห้องก่อนครูจะกลับมาตรวจความเรียบร้อยที่ห้องเขาอีกรอบ
จับลูกบิดประตูเปิดเข้าไปในห้องผ้าม่านตรงประตูระเบียงพลิ้วไหวอย่างน่าประหลาดกรณ์วางอุปกรณ์อาบน้ำลงบนโต๊ะขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ตรงระเบียงไม่วางตาเขาปิดแค่ประตูมุ้งลวดไว้จึงเป็นไปได้ที่ม่านจะสะบัดเพราะถูกลมพัดแต่ไม่น่าจะสะบัดแรงเหมือนมีใครสักคนผลักมันออกไปแบบนั้น
กรณ์ก้าวตรงไปที่ประตูอย่างช้าๆเม็ดเหงื่อผุดพราย จังหวะหัวใจเต้นเร็วขึ้น เร่งฝีเท้าเมื่อเข้าไปใกล้ประตูระเบียงดึงม่านให้เปิดออกก่อนจะก้าวออกไปด้านนอก ประตูมุ้งลวดที่ปิดสนิทตั้งแต่กลับมาถึงห้องถูกเปิดทิ้งไว้เป็นที่แน่นอนแล้วว่ามีคนแอบเข้ามาในห้องเขาและหนีออกไปทางระเบียง
“ใครวะ!” ตะโกนถามออกไปอย่างนึกโมโห
กรณ์มองประตูระเบียงห้องข้างๆที่ปิดสนิท ยืนหายใจแรงจนเกือบหอบ ผ่านไปร่วมนาทีก็ไม่มีเสียงจากที่ใดตอบกลับมาจนนึกอยากจะปีนไปห้องข้างๆ บุกรุกไปถามให้มันรู้แล้วรู้รอด
อารมณ์โมโหเริ่มสงบลงหลัง
กฎบอกไว้ว่าห้ามล็อกประตูห้องแต่ไม่ได้บอกว่าห้ามล็อกประตูหลังห้องกรณ์ปิดประตู ปิดม่าน พลางคิดหาทางรับมือไอ้พวกตัวป่วน
ก๊อกก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูทำเอากรณ์ที่กำลังใช้ความคิดสะดุ้งตัวเขาหันไปมองที่ประตูหน้า ครูสุพลเปิดประตูชะโงกหน้าเข้ามาดูความเรียบร้อยภายในห้อง
“อาบน้ำแล้วใช่มั้ย”
“ครับ”
“รีบนอนล่ะ”
“ครับครู”
ได้คำตอบที่ต้องการครูสุพลก็ปิดประตูแต่ถูกกรณ์เรียกไว้อีกครั้ง
“ครูครับ”
ประตูห้องเปิดออกพร้อมครูสุพลที่ชะโงกหน้ามาอีกรอบกรณ์เดินเข้าไปหาด้วยหน้าตาเคร่งเครียด
“อย่าลืมเช็กกล้องด้วยนะครับ”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ครูดูให้อย่านอนดึกนักล่ะ” รับปากแล้วครูสุพลก็เดินจากไป
กรณ์ยังไม่คิดจะบอกเรื่องที่มีคนแอบเข้ามาในห้องเขาอยากให้ครูสุพลเห็นหลักฐานว่ามีคนคุกคามเขาอยู่จริงๆ เป็นคนที่มีชีวิตไม่ใช่เรื่องลี้ลับที่เขากลัวไปเอง
ประตูถูกกดล็อกแม้จะผิดกฎยังไงเสียเขาก็จะไม่ยอมใช้ชีวิตในหอพักอย่างหวาดระแวงไปคนเดียวแน่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in