ตอนที่
ปัง! ปัง! ปัง!
“ครูครับ ครูสุพล ครู! ตื่น!เกิดเรื่องแล้วครับ!”
กำปั้นทุบลงบนบานประตูของ
“เกิดอะไรขึ้นนี่มันกี่โมงแล้ว”
“คนที่อยู่ห้อง 313!
“อะไร ทำไม”
“ไปดูเร็วเถอะครับเดี๋ยวเขาก็ตายหรอก”
แต่เมื่อได้ยินคำว่า‘
กรณ์เคยเชื่อมาตลอดว่าห้อง313 ไม่มีผี ไม่มีสิ่งลี้ลับ ไม่มีวิญญาณของนักเรียนที่เพิ่งเสียชีวิตไปวนเวียนอยู่แต่ที่ทำให้เขาเชื่อแบบนั้นได้เพราะวิญญาณดวงนี้ไม่แสดงตัวให้เห็นต่างหากหรือบางทีการคุกคามที่เขาคิดว่าเป็นฝีมือมนุษย์...เขาอาจจะคิดผิดมาตลอด
การปรากฏตัวของวิญญาณนักเรียนที่เสียชีวิตไปไม่ได้ทำให้กรณ์รู้สึกกลัวเขาเพียงตกใจในตอนแรก แต่เมื่อตั้งสติและระบุตัวตนของวิญญาณได้ก็ทำให้เข้าใจสถานการณ์มากขึ้นเพราะวิญญาณดวงนี้คือเพื่อนร่วมห้องของคนที่คุกคามเขาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
“ชื่อพร้อมใช่มั้ย”
“ใช่ไม่คิดว่าจะมองเห็นกันนะ เป็นพวกมีเซนส์เหรอ”
“ก็คงงั้น”
กรณ์มองเห็นวิญญาณได้มาตั้งแต่เด็กแต่ก็ใช่ว่าจะสามารถมองเห็นได้ทุกเวลา ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งนั้นอยากปรากฏตัวให้เขาเห็นหรือเปล่ามากกว่าและถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่ได้อยากเห็นนักหรอก
“เป็นเพื่อนกันเหรอ กับคนนั้น”
“ใช่”
“งั้น...”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะเสี้ยววินาทีต่อมาครูสุพลก็เปิดประตูพรวดเข้ามาพร้อมสีหน้าตื่นตระหนกครูเปิดไฟ จ้องมองกรณ์ที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทางสบายดี แถมเด็กหนุ่ม
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”
กรณ์ตอบอย่างงงๆเหลือบมองพร้อมที่ส่งยิ้มมาให้ เขาทำหน้าเหมือนรู้ว่าครูสุพลโผล่มาที่นี่ได้ยังไงและเพราะอะไร
“มีคนให้ครูมาช่วยเธอบอกว่าถ้าไม่มาเธอจะตาย”
กรณ์ยิ่งขมวดคิ้วหนักก่อนจะคลายออกเมื่อพร้อมที่ยังนั่งอยู่อีกเตียงพูดขึ้นมา เสียงที่มีเพียงกรณ์
“เอิร์ลน่าจะไปบอกครูมั้งก็เราทำไอ้นั่นตกใส่หัวนาย”พร้อมบุ้ยปากไปยังกล่องเหล็กที่ตกอยู่บนพื้น
กรณ์หันไปมองเจ้ากล่องนั้นแล้วเข้าใจสถานการณ์แจ่มแจ้งนึกขอบคุณไอ้ฮู้ดดำที่ยังหลงเหลือความดีอยู่บ้างแต่จะดีกว่านี้ถ้ามันไม่ทำเรื่องบ้าๆ ให้เขาจิตตกตั้งแต่แรก
“แค่กล่องหล่นใส่หัวเฉยๆ ครับ”
“ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า มีอาการอะไรมั้ย”
“รู้สึกปวดๆ นิดหน่อยครับ”
“แผลล่ะ”
“น่าจะไม่มีมั้งครับไม่มีเลือด” กรณ์ลองแตะบริเวณที่เจ็บดู
ครูสุพลหยิบกล่องเหล็กที่ว่านั้นขึ้นมาดูแล้ววางมันไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือก่อนจะเดิน
“ไปโรงพยาบาลกับครู”
“ไม่เป็นไรหรอกครับแค่นิดเดียวเอง”
“ครูมีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตเธอครูต้องเช็กให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัยจริงๆถ้าเกิดเธอเป็นอะไรขึ้นมาจะทำให้ครูรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิมนะ”
“ไปเถอะเรายังมีเวลาคุยกันอีกเยอะ”พร้อมพูดขึ้นเมื่อครูสุพลพูดจบ เขายิ้มให้ก่อนจะหายตัวไป
กรณ์รู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัวแม้จะเคยเห็นวิญญาณมาไม่น้อยแต่พอได้เห็นร่างกายนั้นสลายหายไปต่อหน้าต่อตาก็อดขนลุกไม่ได้อยู่ดีมันน่าจะมีวิธีจากลาที่ดีกว่านี้ อย่างเช่นการเดินออกไปทางประตู
“ลุกไหวหรือเปล่า”
“ไหวครับ”
“ไปโรงพยาบาลกัน”
เพราะไม่อยากทำให้ครูสุพลต้องลำบากกรณ์จึงยอมไปตรวจดูอาการที่โรงพยาบาลแต่โดยดี ระหว่างนี้เขาเองก็มีเรื่องมากมายที่อยากถามคุณครูเช่นกันโดยเฉพาะเรื่องของไอ้ฮู้ดดำ คนที่บุกรุกห้องของเขากลางดึกแต่ก็ยังอุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยกันอีก
“เกิดอะไรขึ้นในห้องนั้นเหรอ”
นั่นคือคำถามแรกของครู
“ครูรู้อยู่แล้วใช่มั้ยครับว่าไอ้ฮู้ดดำที่เห็นในกล้องวงจรปิดเป็นใคร”
“อืมครูพยายามจะคุยกับเขาอยู่น่ะ”
ครูสุพล
“หลังจากนี้ครูจะลงโทษเขาเองไม่ต้องห่วง”
“ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ”
บทลงโทษสำหรับไอ้ฮู้ดดำคนนั้นคงไม่หนักหนาอะไรในเมื่อครูสุพลดูจะเห็นใจนักเรียนคนนี้เสียขนาดนั้น กรณ์อยากรู้มากกว่าว่ามันเข้ามาป่วนเขาทำไมเป็นเพราะเพื่อนที่เรียนด้วยกันเสียชีวิตในห้องนั้นหรือมีเหตุผลอื่นกันแน่
“สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อถูกถามย้ำอีกครั้งกรณ์ก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้อง 313 ให้ครูสุพลฟัง ยกเว้นตอนที่เขาเห็นวิญญาณของพร้อมรวมถึงเรื่องที่พร้อมเป็นคนทำให้กล่องเหล็กนั่นหล่นใส่หัวเขาด้วย
“แสดงว่าสลบไปไม่กี่นาทีสินะตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่มั้ย”
“ไม่แล้วครับ”
จะเรียกว่าสลบได้มั้ยกรณ์ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันตอนนั้นเขารู้สึกง่วงนอนหลังจากพยายามทำให้ตัวเองตื่นตัว
“แต่ยังไงก็ต้องไปตรวจให้ละเอียดก่อนเกิดมีเลือดออกในสมองขึ้นมาจะแย่เอา”
“ไปตอนนี้จะมีคนตรวจให้เหรอครับรอให้เช้าก่อนก็ได้”
“ห้องฉุกเฉินไงมันเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง อยู่เงียบๆ ไปเลย หรือจะนอนพักก่อนก็ได้ ถ้าถึงแล้วเดี๋ยวครูเรียก”
เซ้าซี้ถามต่อไปก็คงไม่ได้คำตอบที่อยากรู้กรณ์จึงหลับตาลง อาการง่วงนอนเข้าเล่นงานแม้จิตใจยังว้าวุ่น จากที่คิดว่าถ้าจัดการปัญหาไอ้ฮู้ดดำได้ทุกอย่างคงจบแต่พอวิญญาณของพร้อมปรากฏตัวออกมาให้เห็นเขากลับรู้สึกว่าน่าจะมีปัญหาใหญ่ยิ่งกว่าตามมาหลังจากนี้
กว่าจะกลับมาถึงห้องพักก็ช่วงสายของวันครูสุพลพากรณ์แวะกินมื้อเช้าก่อนกลับเข้าโรงเรียนเนื่องจากเลยเวลากินข้าวที่โรงอาหารแล้วอาการที่แพทย์วินิจฉัยออกมาไม่มีอะไรร้ายแรง ไม่มีแผลที่ศีรษะเอกซเรย์แล้วไม่พบสิ่งใดผิดปกติ แต่ยังต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิดหากมีอาการปวดหัวหลังจากนี้ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วน
กรณ์ไม่เห็นวี่แววของไอ้ฮู้ดดำอีกเลยหลังกลับมาถึงหอพักเขานอนหลับเป็นตาย ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบได้เวลาอาหารเย็นพอดี ประตูห้องที่
“หรือต้องรอให้มืดก่อน”
ด้วยความสงสัย กรณ์ลุกจากเตียงเดินตรงไปหาเจ้ากล่องนั้นมันคือกล่องเหล็กคล้ายกับกล่องใส่ขนมที่กินหมดแล้ว เด็กหนุ่มหยิบกล่องขึ้นมาเขย่าได้ยินเสียงของกระทบกันจากด้านใน กรณ์รู้ดีว่าเขาไม่ควรเปิดมันเพราะไม่ได้เป็นเจ้าของ
แกะฝาเปิดออกก็พบกับหนังสือเรียนภาษาอังกฤษเล่มหนาอยู่ข้างในอย่างกับผีจงใจเอามันไปวางไว้บนตู้เพื่อให้หล่นลงมาโดนหัวเขาโดยเฉพาะดีเท่าไรแล้วที่หัวไม่แตก
กรณ์เปิดดูหนังสือเรียนที่ไม่มีอะไรน่าสนใจแบบผ่านๆก่อนเก็บมันไว้ในกล่องเหมือนเดิม จังหวะนี้เองที่ประตูห้องถูกเปิดออกช้าๆกรณ์หันไปมอง สบตากับคนที่เปิดมันออก ก่อนคนคนนั้นจะหลบตาแล้วหนีไป
ครั้งนี้ไอ้ฮู้ดดำไม่ได้ปิดบังหน้าตาเหมือนเก่าถ้ากรณ์จำไม่ผิด พร้อมน่าจะเรียกมันว่า ‘เอิร์ล’ เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ห้องสามบุคคลที่กรณ์พอจะคุ้นหน้าอยู่บ้างแต่ไม่รู้ข้อมูลส่วนตัว
กรณ์เดินไปที่ประตูมองออกไปตรงระเบียงทางเดินเห็นหลังไวๆ ของเอิร์ลวิ่งลงบันไดไป
สรุปได้ว่ามันคงไม่เลิกก่อกวนเขาง่ายๆแม้จะถูกจับตัวได้แล้วก็ตาม
ที่โรงอาหารวันนี้มีนักเรียนไม่ถึงสิบคนนั่งกระจัดกระจายตามมุมต่างๆเพื่อนที่กรณ์รู้จักต่างกลับบ้านกันหมดจะเหลือก็แค่คนที่เพิ่งได้รู้จักกันเมื่อคืน
กรณ์วางถาดอาหารลงบนโต๊ะถัดจากจุดที่เอิร์ลนั่งเพียงสามแถวเขา
จ้องให้รู้ว่าไม่พอใจจ้องให้รู้ว่าที่ผ่านมาเขาโกรธเคืองมากแค่ไหน
เอิร์ลแทบจะก้มหน้ากินข้าวตลอดเวลาที่ถูกมองใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีตั้งแต่กรณ์นั่งลงตรงหน้า ฝ่ายนั้นก็จัดการอาหารเย็นจนหมดจานแล้วลุกจากไปเปลี่ยนจากผู้กระทำกลายเป็นเหยื่อที่ถูกเล่นงาน หลบหนีจากสายตาที่คอยจ้องมอง
เห็นเอิร์ลเดินออกไปจากโรงอาหารกรณ์ก็ได้แต่ส่ายหน้าจากภายนอกอีกฝ่ายดูเป็นคนไม่น่ามีพิษมีภัยเลยด้วยซ้ำใจอยากจะชวนมาจับเข่าคุยถามถึงเหตุผลที่ทำแบบนั้นกันดีๆแต่พอคิดว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาต้องทนอยู่กับความรู้สึกแบบไหนมันก็อดอยากจะเอาคืนไม่ได้
เอาเป็นว่าถ้ายอมมาขอโทษและอธิบายเหตุผลที่ฟังแล้วเข้าท่าเขาก็จะยอมให้อภัยโดยไม่ติดใจอะไรก็แล้วกัน
ชีวิตเด็กหอในวันหยุดน่าเบื่อไม่ต่างจากวันปกติทั่วไปหลังจากกินข้าวเสร็จทุกคน
นั่งเล่นเกมบนเตียงจนถึงตีสามกรณ์ก็รู้สึกเบื่อ เขาวางมือถือลง กวาดตามองไปรอบห้องที่ว่างเปล่าเมื่อรอแล้วไม่ปรากฏตัวออกมาก็คงต้องลองเรียกหาดูสักหน่อย
“พร้อมออกมาคุยกันหน่อย”
เพียงครู่เดียว ร่างเจ้าของชื่อก็ปรากฏตัวที่เตียงข้างๆกรณ์เห็นแล้วอดรู้สึกขนลุกขึ้นมาไม่ได้ แม้เขาจะเป็นคนเรียกวิญญาณดวงนี้ออกมาเองก็ตาม
“กลัวเหรอ”พร้อมเห็นสีหน้าแปลกๆ ของกรณ์ก็เอ่ยถาม
“เปล่าแค่ยังไม่ชิน”
พร้อมยิ้มให้ที่เอาแต่ซ่อนตัวมาตลอดก็เพราะแบบนี้ถึงจะเป็นคนเห็นผีแต่ก็ใช่ว่าคนคนนั้นจะอยากเห็นผี เขาไม่อยากทำให้กรณ์กลัวแต่พอเห็นว่าเพื่อนอย่างเอิร์ลกำลังเสียเปรียบก็ไม่สามารถอยู่เฉยได้ และเขามีเรื่องอยากจะขอร้องกรณ์ให้ช่วยเหลือด้วย
“ต่อจากนี้คงมีเรื่องให้ออกมาหาบ่อยๆ”
“เพราะคนชื่อเอิร์ลเหรอ”กรณ์เดา
“อืมอยากให้ช่วยอะไรหน่อย”
“ไม่เอาอะ”
กรณ์ปฏิเสธทันทีแม้จะยังไม่รู้รายละเอียดเขาอยากใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปวุ่นวายกับปัญหาที่ไม่ได้ก่อแค่ต้องทนปวดประสาทกับพฤติกรรมแย่ๆ ของเอิร์ลมาตลอดสัปดาห์มันก็มากพอแล้ว
“ฟังกันก่อนดิ เรียกเราออกมาคุยไม่ใช่เหรอ”พร้อมยังพูดอย่างใจเย็น
“ก็ใช่แค่อยากถามเฉยๆ ว่าทำไมไอ้ฮู้ดดำถึงทำแบบนั้น”
“เอิร์ล”
น้ำเสียงเย็นเยียบพูดสวนขึ้นมาทันทีกรณ์พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนคำเรียกของไอ้ฮู้ดดำใหม่
“อยากรู้ว่าเอิร์ลทำแบบนั้นทำไม”
“มันเรื่องเดียวกับที่เราอยากให้ช่วยนั่นแหละ”
“อย่าบอกนะว่าที่เอิร์ลมาแกล้งกูทุกคืนเพราะอยากให้ช่วยมันไม่น่าใช่ป้ะวะ เหมือนอยากให้กูประสาทแดกเล่นมากกว่า”กรณ์ไม่เข้าใจสิ่งที่พร้อมจะสื่อเท่าไร
“เอิร์ลแค่ไม่อยากให้ใครอยู่ห้องนี้”
พร้อมเว้นจังหวะแววตาดูโศกเศร้าและยังมีห่วง เมื่อเห็นว่ากรณ์ไม่ถามอะไรเขาจึงพูดต่อและหวังว่ากรณ์จะเข้าใจในสิ่งที่เอิร์ลทำ
“เพราะการตายของเรามันเป็นมากกว่าอุบัติเหตุเอิร์ลสงสัยเรื่องนั้นเลยไม่อยากให้ใครเข้ามาอยู่ห้องนี้จนกว่าจะรู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นในวันที่เราตายกันแน่”
ช่วงที่พร้อมเสียชีวิตมีข่าวลือแปลกๆออกมาอยู่บ้างแต่กรณ์ไม่ได้สนใจเท่าไรนัก มันก็เป็นแค่เรื่องซุบซิบนินทาที่หามูลเหตุไม่ได้เขาไม่เข้าใจว่าทั้งที่
กรณ์ไม่เคยคิดใส่ใจมันจนกระทั่งได้ยินจากปากของผู้เสียชีวิตเอง
“แล้วทำไมไม่บอกโรงเรียน”แต่การกลั่นแกล้งเพื่อให้กลัวและย้ายออกก็ไม่ใช่ทางเลือกที่กรณ์คิดว่าถูกต้องอยู่ดี
“เอิร์ลทำทุกทางแล้วพยายามจะบอกครูบอกตำรวจ แต่คิดว่าโรงเรียนจะยอมให้มีข่าวเสียหายออกไปเหรอ ไม่มีใครเชื่อเอิร์ลหรอกหลักฐานอะไรก็ไม่มี คดีก็ถูกสรุปไปแล้วว่าเป็นอุบัติเหตุ”
หมดหนทางที่นักเรียนตัวเล็กๆอย่างพวกเขาจะต่อสู้ เมื่อไม่มีหลักฐานทุกอย่างก็จบ
“เล่ามาเลยดีกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
มัวแต่พูดกั๊กกันไปมากรณ์ก็ชักจะอารมณ์เสียถึงจะตัดสินใจไปแล้วว่าไม่มีทางเอาตัวเข้าไปเอี่ยวเรื่องวุ่นวายนี้แน่นอนแต่ก็อยากจะฟังเรื่องราวดูสักหน่อย
“เรากับเอิร์ล..
และพร้อมก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนั้น
เอิร์ลกับพร้อมเป็นเพื่อนสนิทกันแต่ด้วยกฎการสุ่มระบบห้องพักทำให้พวกเขาไม่ได้พักห้องเดียวกัน พร้อมพักอยู่ห้อง313 เพียงคนเดียว ส่วนเอิร์ลอยู่ห้อง 408 กับรูมเมตที่เรียนอยู่ห้องสอง บ่อยครั้งที่เอิร์ลมักแอบมานอนที่ห้อง313 และโดนครูสุพลจับได้บ่อยไม่แพ้กันพร้อมที่เป็นกรรมการนักเรียนเคยเตือนอยู่หลายครั้งแต่เอิร์ลไม่เคยฟัง และยังคงแอบมานอนที่ห้อง313 ทุกครั้งที่มีโอกาส
“คืนนั้นเอิร์ลก็มานอนที่ห้องเราเหมือนเดิมแต่กลับนอนบนเตียงเราแทนที่จะนอนเตียงข้างๆ”
กรณ์ขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ฟังเขาพอจะนึกเรื่องข่าวลือที่พวกนักเรียนซุบซิบกันตอนพร้อมเสียชีวิตออกแล้ว เรื่องที่ว่ามีตัวต้นเหตุที่ทำให้พร้อมตาย
“เขาอยู่กับนายคืนนั้นเหรอ”
“ใช่”
“ถ้างั้นข่าวลือ...”
“ไม่ใช่เอิร์ลฟังเราเล่าให้จบก่อนตัดสินสิ”
กรณ์พยักหน้าแล้วเงียบปากในทันที
“คืนนั้นเราอยู่ทำงานข้างล่างจนดึกมันเป็นคืนวันศุกร์หลังจบกีฬาสี เลยมีเรื่องต้องเคลียร์เยอะหน่อย”
พอถูกบอกให้ฟังกรณ์เลยนั่งเงียบไม่หือไม่อือใดๆพร้อมเห็นท่าทางมึนตึงนั้นก็ยิ้ม แต่เสี้ยววินาทีรอยยิ้มนั้นก็จางหาย
“ตอนเรากลับมาถึงห้องก็เห็นคนอยู่ข้างในมันกำลังคร่อมตัวเอิร์ลที่หลับอยู่ เราเลยวิ่งเข้าไปจับ พอมันเห็นเราก็หนีไปที่ระเบียงตอนนั้นแหละที่เราลื่นล้มแล้วหัวฟาดขอบระเบียงจนสลบ จากนั้นก็...” พร้อมผายมือทั้งสองข้างออกบอกด้วยท่าทางว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เขากลายเป็นวิญญาณติดอยู่ในห้องแห่งนี้
“เพื่อนไม่ตื่นเลยเหรอ”กรณ์ถามอย่างสงสัย
“เอิร์ลน่าจะเหนื่อยเพราะวันนั้นลงแข่งกีฬาแล้วก็ช่วยงานหลายอย่างแต่หลังจากนั้นเราก็ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างมารู้ตัวว่าตายก็ตอนได้สติแล้วเห็นร่างตัวเองถูกห่อผ้าหามออกไปนั่นแหละ”
“แล้วนายอยากให้ช่วยอะไร”
“ช่วยเอิร์ลให้หลุดพ้นจากข่าวลือ”
“คนลืมกันไปหมดแล้วจะให้ขุดคุ้ยขึ้นมาทำไมอีก”
“ก็เพราะเอิร์ลไม่ใช่คนผิดไงแล้วทำไมเอิร์ลต้องถูกนินทาแบบนั้นด้วย”
กรณ์เข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างรู้ว่าเอิร์ลคือผู้บริสุทธิ์และควรได้รับความยุติธรรม แต่เขาก็ไม่อยากขุดคุ้ยเรื่องที่จบไปแล้วและเอาตัวเองเข้าไปเอี่ยวอยู่ดี
“ไม่ล่ะ”
“กรณ์ เราขอร้อง”
คนฟังยังเงียบ ไม่ยอมพูดอะไร
“ไม่มีใครรู้เลยว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่มีแต่เราที่รู้”
“กล้องวงจรปิดไงมันน่าจะจับภาพไอ้คนนั้นได้ไม่ใช่เหรอ”
“มันเสียเพิ่งเปลี่ยนใหม่หลังเราตายเนี่ยแหละ”
กรณ์หัวเราะเบาๆ ไม่ว่าจะองค์กรแบบไหนก็เละเทะเหมือนกันหมด
“แค่ช่วยทำให้ทุกคนรู้ก็พอว่าเอิร์ลไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเรา”
“อย่างกับมันง่าย”
หลังจากถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมก็ทำหน้าเศร้าเหมือนกับจะตายได้อีกรอบ กรณ์คือหนทางเดียวที่เขามีในตอนนี้เพราะคนผิดไม่มีทางเปิดเผยตัวตนและความจริงได้ถูกเผาพร้อมกับคนตายไปเรียบร้อย หากกรณ์ไม่ยอมช่วยเอิร์ลก็จะอยู่กับความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
“ช่วยหน่อยเถอะนะเราจะหาทางให้เอง” พร้อมขอร้องอีกครั้ง
กรณ์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเขาไม่รับปากว่าจะช่วย แต่กลับเอ่ยคำถามที่ทำให้พร้อมมีความหวังขึ้นมา
“ไอ้คนนั้นมันชื่ออะไร”
“มันชื่อ...”
แม้จะถูกพร้อมวิงวอนขอร้องให้ช่วยเหลือทว่ากรณ์ยังไม่ได้ตกปากรับคำมันยากที่จะพิสูจน์ในเมื่อคดีถูกสรุปไปแล้วว่าเป็นอุบัติเหตุ หลักฐานพยานรู้เห็นก็ไม่มีมีเพียงคำบอกเล่าจากปากผีที่บอกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ ซ้ำร้ายจะกลายเป็นเขาเสียเองที่ถูกหาว่าบ้า
หลังการขอร้องครั้งนั้น กรณ์ได้แต่
กรณ์ถอนหายใจเสียงดังวางช้อนส้อมลงอย่างไม่สบอารมณ์จนดอยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยังตกใจสายตาที่ขุ่นเคืองมองข้ามไหล่เพื่อนสนิท จ้องตากับคนที่นั่งถัดไปอีกสองโต๊ะด้วยท่าทางน่ากลัวจนดอยต้องหันมองตามว่าเพื่อนกำลังใช้สายตาคู่นี้มองใครอยู่
“ใครวะ” ดอยถาม
“ไอ้คนที่มันแกล้งกูที่หอไง”
“จับได้แล้วเหรอ”
คราวนี้ดอยถึงกับหมุนตัวหันไปมองแต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ากรณ์มองคนไหนอยู่
“คนไหนวะ”
“ชื่อเอิร์ลอยู่ห้องสาม”
“จริงดิ”
“เออ”
ดอยหันกลับไปมองเอิร์ลที่นั่งอยู่กับเพื่อนร่วมห้องอีกรอบฝั่งนั้นเองก็จ้องกลับ หากยังไม่เลิกเอาแต่มองกันไปมองกันมาแบบนี้อาจจะเกิดเหตุทะเลาะวิวาทขึ้นก็เป็นได้
“ท่าทางมันไม่ได้ดูเหมือนพวกชอบแกล้งคนเลยนะแล้วมึงจับมันยังไง ตามแผนอะเหรอ”
“อืม แต่มันยังไม่เลิกทำแบบเดิมเลย”
แม้จะถูกจับได้คาหนังคาเขาเอิร์ลก็ยังไม่เลิกพฤติกรรมนั้น เพราะจุดประสงค์คือการกดดันให้กรณ์ย้ายออกจากหอ วิญญาณของพร้อมก็ไม่ยอมปรากฏตัวให้เห็นคงจะงอนที่ถูกปฏิเสธ
กรณ์ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาต้องมาแบกรับปัญหาบ้าๆนี้ด้วย
“แล้วครูว่าไง”
“เรียกไปเตือนถูกหักคะแนนความประพฤติ ทำความสะอาดห้องน้ำหอหนึ่งสัปดาห์”
“แค่นั้นอะนะ”
“ก็คงทำได้แค่นั้นแหละมากกว่านี้ก็ไล่ออก”
ครูสุพลรายงานบทลงโทษให้กรณ์ได้รู้หลังเรียกเอิร์ลไปคุยเป็นการส่วนตัวแต่กลับไม่สามารถคุมพฤติกรรมแสนเลวร้ายของนักเรียนคนนี้ได้
“แล้วมึงจะเอาไงต่อ”ดอยถาม
“ต้องคุยให้รู้เรื่อง”
“ตอนนี้อะนะ”
“ไม่ใช่สิวะเดินเข้าไปตอนนี้น่าจะโดนกระทืบ”
เอิร์ลนั่งอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหญ่ที่ดูพร้อมจะปกป้องพวกพ้องตลอดเวลาถ้าเดินบุ่มบ่ามเข้าไปตอนนี้เรื่องน่าจะจบไม่สวย
ในเมื่อเอิร์ลสร้างปัญหานี้เพียงคนเดียวกรณ์ก็ต้องหาทางเรียกมาคุยกันตามลำพัง
สามทุ่มครึ่งเวลาเดิมครูสุพลก็ออกเดินตรวจรอบดึก เขาแวะห้องกรณ์นานเป็นพิเศษเพื่อถามไถ่อาการป่วย และย้ำว่ากำลังหาทางจัดการเรื่องของเอิร์ลให้อยู่แต่คล้อยหลังครูไปได้ไม่ถึงชั่วโมง เด็กเจ้าปัญหาก็เริ่มออกอาละวาดอีกครั้ง
กรณ์ลากเก้าอี้มานั่งหลบหลังบานประตูเมื่อเข็มสั้นบนนาฬิกาชี้
ผ่านไปเพียงสิบห้านาทีประตูห้อง 313 ก็แง้มออกช้าๆ กรณ์มองแล้วก็ได้แต่นึกขำในใจ คนแกล้งคงไม่คิดว่าจะโดนตลบหลังเข้าสักวันถึงได้กล้าทำอะไรซ้ำเดิมอยู่แบบนี้
ก่อนเป้าหมายจะปฏิบัติการลุล่วงแล้วหนีไปกรณ์ก็คว้าลูกบิดประตูไว้แล้วกระชากเข้ามาอย่างแรง เอิร์ลร้องเสียงดังด้วยความตกใจตัวถูกเหวี่ยงตามแรงดึงกระแทกเข้ากับประตูก่อนจะล้มคุกเข่าลงบนพื้น กรณ์ที่รอจังหวะนี้อยู่ก็จัดการลากแขนอีกฝ่ายเข้ามาในห้องแล้วยืนบังประตูเอาไว้เพื่อปิดทางหนี
“ถ้าคิดจะหนีออกทางระเบียงจับได้รอบหน้าโดนหนักกว่านี้แน่”
กรณ์ขู่ขณะเดียวกันก็มีอีกเสียงดังขึ้นข้างหูเขา
“ถ้านายทำอะไรเอิร์ลโดนดีแน่”
มันคือเสียงวิญญาณอดีตเจ้าของห้อง313
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in