เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Keep travelling commaTsmpy
ว่าจะขี่มอไซไปเชียงคาน วันที่ 2
  • หลังจากการเดินทางเพื่อออกท่องเที่ยววันแรกจบไป ด้วยเรื่องราวที่ไม่มีคำว่าเที่ยวโผล่มาในเนื้อเรื่องแม้เพียงเสี้ยว วันนี้ ทุกอย่าง no plan ยิ่งกว่าเมื่อวาน เพราะเราต้องเริ่มด้วยการหาร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ก่อน

    ,,

    แปดโมงโดยประมาณ ตื่น -ง่าง -ขี้เกียจ -นอนต่อ.. ซักสิบโมงค่อยออกละกัน

    สิบโมงครึ่งโดยประมาณ เวลามาตรฐานร้านเปิด แต่ยังนอนโง่ปล่อยเวลาไหลไปเฉย ๆ จนรู้สึกว่ามันสายเกินกว่าที่จะรับได้แล้ว จึงตัดสินใจอาบน้ำแต่งตัว ได้เวลาออกซักที 

    สิบโมงห้าสิบโดยประมาณ จู่ ๆ ก็คลับคล้ายคลับคลา ว่าตอนทริปสุราษฎร์ที่รถเสีย ตอนนั้นเปิดหาข้อมูลตัวแทนจำหน่ายในต่างจังหวัดของสตาเลี่ยน และคุ้น ๆ ว่าที่นครสวรรค์ก็มี

    เสิจ

    เจอ

    เปิดตั้งแต่แปดโมง ไอ้สัส

    สิบเอ็ดโมงโดยประมาณ เชคเอาท์ คืนกุญแจ สูบบุหรี่ พร้อมกับพยายามเสิจหาตำแหน่งของร้านใน Google map เจอ 2 ที่ ชื่อเดียวกัน แต่ใช้สตรีทวิวส่องดูแล้ว ไม่พบความน่าจะเป็นว่าจะมีร้านตั้งอยู่ตรงนั้นปรากฎให้เห็น 

    แต่เวลาไม่คอยท่า ตัดสินใจเสี่ยงดวง ไปยังจุดสองที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่า

    สิบเอ็ดโมงครึ่งโดยประมาณ ถึงจุดเป้าหมาย แต่ไม่มีเหี้ยอะไรที่ใกล้เครยงว่าคนจะมาซื้อมอเตอร์ไซค์ที่นี่เลย หาข้อมูลใหม่ เจอเฟสบุ๊ค แต่ไม่มี map ในหน้าเพจไปอีก

    สิบห้านาทีผ่านไป ตัดสินใจโทรถาม ว่าร้านอยู่ตรงไหน แม้จะไม่รู้จักพื้นที่เลยก็ตาม
    พนง: ตอนนี้พี่อยู่ตรงไหนแล้วครับ
    ทศม: ผมอยู่ตรงข้ามวัดบางม่วงครับ
    พนง: อ๋อ งั้นพี่ขับต่อมาเลยครับ จะเจอปั๊มเอสโซ่ เข้ามาในปั๊มเอาโซ่ ร้านเราอยู่ตรงข้ามปั๊มครับ

    งงมั้ยครับ ให้เลี้ยวเข้าปั๊ม แต่ร้านอยู่ตรงข้ามปั๊ม แต่ก็ไม่เป็นไร โอเค ขับไปต่อทางทิศทางเดิม 

    สิบเอ็ดห้าสิบโดยประมาณ เพิ่งขับต่อมาได้นิดเดียว เจอทางกลับรถใต้สะพาน เหมือนถนนจะตันที่ตรงนี้ 

    สงสัยว่า พนง จะเข้าใจทิศทางไม่ตรงกันกับเรา  เลยเสิจ Google ว่าปั๊มเอสโซ่ที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหน

    แน่นอน

    อยู่ด้านหลัง

    เที่ยงโดยประมาณ ถึงร้านแล้ว ส่งรถให้ช่างดู พร้อมบอกเล่าอาการและรายละเอียด ช่างรับรถไปตรวจดูต่อ

    เที่ยงครึ่งโดยประมาณ ช่างมารายงานให้ฟัง ตรงนี้ไม่ค่อยชัวร์ศัพท์และอาการ พอจับใจความคร่าว ๆ ได้ประมาณนี้
    - เครื่องหลวม แหวนลูกสูบรวนหน่อย ควรเอาเครื่องกลับไปโอเวอฮอล ทำทีานี่ไม่ได้ ต้องสั่งอะไหล่ และจะไม่เสร็จในวันเดียว
    - สายจั๊มแบตหลุดหลวม ไฟเลยไม่เข้า ไฟหน้าไฟเลี้ยวเลยอ่อน เครื่องรอบตกเพราะไม่มีไฟเข้า เลยทำงานต่อไม่ได้ อันนี้น่าจะเพราะฝาครอบแบตปลิว แล้วช่างที่ร้านเมื่อวานไม่ได้มีอะไรมัดแบตไว้ให้ แต่ไม่มีปัญหา แค่จั๊มสายใหม่ รัดแบตให้แน่นก็เรียบร้อย
    - ล้างน้ำมันเครื่องใหม่ เพราะเมื่อวานน้ำมันเครื่องแห้ง เครื่องเลยหนืดมาก
    - ชาร์จไฟเข้าแบตให้ใหม่
    - แผงชาร์จเสีย ต่อไฟแล้วไฟเกิน ไส้ไฟหน้าหลังเลยขาด ต้องเปลี่ยนใหม่

    ฟังดูหนัก ใจไม่ค่อยดีเลย ยังอยากเที่ยวต่อ ยังไม่ถึงไหนเลย ถามช่างว่า แล้วยังใช้งานได้ไหม ช่างบอกว่าได้ แค่เสียงดังหน่อย แต่กลับกรุงเทพแล้วควรเอาไปโอเวอฮอลที่ศูนย์ คว้านลูกสูบ เปลี่ยนแหวนลูกสูบ เปลี่ยนโซ่ราวลิ้น

    หนัก สงสารรถเลย แต่สงสารตัวเองมากกว่า ไม่มีตังแล้วโว้ย

    บ่ายสองครึ่งโดยประมาณ รับรถ จ่ายเงินไปอีกพันกว่า รวมค่าแบตเมื่อวานตั้งแต่ก่อนออกมาอีกแปดร้อยกว่า ยี่ก็เสียค่าซ่อมไปสองพันแล้ว

    สี่โมงโดยประมาณ ได้ระยะพักรถ เลยตั้งใจว่าจะหาร้านข้าวแดก เพราะวันนี้ทั้งวันมีแค่น้ำเปล่าที่ปล่อยลงคอมา

    สี่โมงครึ่งโดยประมาณ เจอร้านข้าวร้านแรก หายากขนาดนี้เลยเหรอ แต่ก็เออ ก็แวะ ได้ไก่อบกับหมูทอดสมุนไพรอะไรซักอย่างเยอะมากก สี่สิบบาท ราคาดี แต่รสชาติงั้น ๆ 

    ห้าโมงโดยประมาณ ขับตามเส้นทางต่อไป เริ่มคิดถึงเรื่องที่พักละ เพราะเย็นแล้ว

    เจอป้ายภูทับเบิก ดีเหมือนกัน ยังไม่เคยมา เลยจัดการเปลี่ยนพิกัด gps ไปที่นี่

    หกโมงครึ่งโดยประมาณ อากาศหนาวมาก หมอกก็หนาสุด ๆ เหมือนฉากเปิดใน Silent Hill ยังไงยังงั้น ช่วงไหนที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ข้างทาง หมอกจะหนาจนมองเห็นแค่ระยะ 2-3 เมตรข้างหน้าแค่นั้น

    แต่เป็นความสวย และประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ เราต้องขับรถฝ่าหมอกเป็นเวลากว่า 40 นาที ค่อนข้างอันตรายหน่อย เพราะพื้นถนนเปียกเหมือนฝนเพิ่งตก หมอกบดบังทัศนวิสัย ทางโค้งหักศอกขึ้นเขาตลอดระยะทาง แถมด้วยพื้นถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อประปราย

    ทุ่มสิบโดยประมาณ ถึงภูทับเบิกแล้ว ปัญหาต่อมาคือ เราไม่มีที่พัก ไม่ได้จอง ใกล้มืดเต็มที เลยขับมาอีกนิดหน่อย เจอรีสอร์ท ทับเบิกอินดี้ เลยแวะเข้าไปถามราคา บ้านหลังละพันสอง อยากจะร้องไห้ เลยบอกเค้า จ่ายไม่ไหว มีที่แนะนำราคาถูกกว่านี้ไหม เค้าเลยบอกว่ามีทีานี่แหละ ถูกที่สุดแล้ว ไม่ยอมกันเลยจริง ๆ สุดท้ายเลยบอกเรามาว่า นอนเต็นท์ท์ใหญ่มั้ย คืนละหกร้อย เราจึงขอดูเต็นท์ ปรากฎว่า มันคือบ้านที่กางผ้าใบเว้ย คือสภาพดีกว่าคำว่าเต็นท์ที่เรานึกไว้เยอะมาก ผ้าห่มก็หนาสุด ๆ โอเค ถูกใจแล้ว แต่ราคายังไม่ เลยขอให้เค้าลดราคาให้ ได้ที่ห้าร้อยบาท เดล

    ,,

    จบไปสองวัน เพิ่งจะได้เที่ยวจริง ๆ ก็คืนที่สองนี่เอง แต่ถือว่าโอเคเลย อุณหภูมิไม่นับลมตอนนี้อยู่ที่ 17 องศา ซึ่งลมแม่งแรงอีกไง ที่สำคัญคือเงียบ ไม่มีใครเลย เพราะทุกคนเพิ่งกลับไป ได้บรรยากาศเหมารีสอร์ทมาพักร้อนดี

    หลังจากที่ซ่อมมอเตอร์ไซค์กับร้านที่รู้จักรถดี เครื่องดีขึ้นมาก ขับมาตลอดทางคือลื่น วันนี้ทำเวลาได้ดี แทบไม่มีเรื่องเหี้ย ๆ อย่างเมื่อวานเลย

    เหลืออีกประมาณ 174 กิโลจะถึงเชียงคาน หวังว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดีอีกหนึ่งวัน


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in