เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Keep travelling commaTsmpy
ว่าจะขี่มอไซไปเชียงคาน วันที่ 1
  • จริง ๆ นี่เป็นทริปที่ 3 ของเราแล้ว ที่ตั้งใจขี่มอเตอร์ไซค์พาตัวเองออกไปเที่ยว

    ทริปแรก เทสต์รถ บางปู
    ทริปที่สอง ขี่กลับใต้ สุราษฎร์ กระบี่ พังงา นครศรี

    และนี่เป็นวันเริ่มต้นของทริปที่สาม

    ,,

    8.30 โดยประมาณ เราแหกขี้ตาตื่นมา โดยตัดสินใจได้ไม่ยากและไม่นาน ในการเลือกจะนอนต่อ

    10 โมงโดยประมาณ เวลามาตรฐานที่ร้านส่วนใหญ่เริ่มเปิดให่บริการแล้ว เราขี่รถคู่ใจไปส่งร้านซ่อม เพราะแม่งเริ่มงอแงอีกแล้ว ทั้งที่อาทิตย์ก่อนก็เพิ่งจะเข็นออกมาจากร้านเดิมนี่เอง 

    ครั้งก่อนช่างชาร์ตแบตให้ อาทิตย์ถัดมา เราตัดสินใจใช้เงินแก้ปัญหาเพื่อสร้างความสบายใจ ให้ช่างใส่อบตก้อนใหม่มาให้ไปเลย

    นัดแนะกันเรียบร้อย ประมาณเที่ยง ๆ ก็เสร็จสิ้น

    เที่ยงต้น ๆ โดยประมาณ ช่างโทรมาแจ้ง จัดการเรียบร้อย มารับรถได้เลย

    เราก็จัดการสัมภาระเรียบร้อย ปลดหนักปล่อยเบาเตรียมพ้อม สำหรับการเดินทาง

    จ่ายตังค์ - รับรถ - ออกตัว

    เที่ยงปลาย ๆ โดยประมาณ เราแวะเติมน้ำมัน เติมลมยาง แต่เครื่องเติมลมเจ้ากรรมดันมีปัญหากับล้อเรามาก ๆ เติมแล้วหลุด เติมแล้ว error จนเสียเวลาไปเป็นสิบนาที ซึ่งก็ผ่านมันมาได้เพราะลุงรถข้าง ๆ ทนสมเพชไม่ไหว ต้องเข้ามาช่วยจัดการให้

    บ่ายโมงโดยประมาณ แถว ๆ สถานีบีทีเอสซักที่ตรงฝั่งธน

    เรามาสังเกตเห็น กระจกข้างจู่ ๆ แม่งก็หวานขึ้นมา พอหมุนให้แน่น เสือกไม่สามารถกลับมาวางให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกที่ควรได้

    จริง ๆ กระจกมันควรจะอยู่ในระนาบเดียวกันกับคลัทช์ แต่นี่กลับล้นแฮนด์เข้ามาอีก ปัญหาที่ตามมาคือ เราไม่สามารถมองซ้ายและหลังได้เลย เพราะมันใกล้ และมุมอยู่ด้านในมากขึ้น

    แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรามีปัญหากับกระจกข้างซ้าย เรารับมือได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่

    เล่าให้ฟังนิดหน่อยละกันว่าทริปสุราษฎร์ เราทำรถล้ม จนกระจกซ้ายหัก และจำเป็นต้องวิ่งแบบไม่มีกระจกซ้ายมาแล้ว

    เราจึงตั้งใจว่าจะขับประคองตัวไปก่อน เดี๋ยวหาวิธีซ่อมเอา เพราะบ่ายโมงกว่าแล้ว ยังไม่ได้ออกจากกรุงเทพเลย

    Note: ทริปนี้เป็นทริปที่อีเหลื่อยเฉื่อยแฉะมากสำหรับเรา เพราะเอาจริง ๆ คือเราแค่อยากจับมอเตอร์ไซค์ แต่ยังไม่รู้จะไปไหนดีด้วยซ้ำ แรกตั้งใจจะไปเชียงคาน แต่คืนสุดท้ายก่อนไปเกิดไม่แน่ใจขึ้นมา ไม่แน่ใจว่าจะไปเชียงคานดีมั้ย แต่แน่ใจว่าอยากขี่มอเตอร์ไซค์แน่นอน สุดท้ายมันเลยกลายเป็น ทริปตามมีตามเกิดหน่อย ๆ เพราะเราไม่ได้แพลนอะไรไว้เลยว่าจะไปไหนบ้าง แค่วางรูทไว้โง่ ๆ ว่าวันแรกวิ่งไปนครสวรรค์ละกัน เพราะออกช้า นอนนั่น วันถัดไปค่อยไปเชียงคาน 

    บ่ายสองโมงโดยประมาณ
    เราติดฝนอยู่บางหว้า ฝนตกหนัก ลมแรงมาก แถมน้ำยังท่วมอีก เรากังวลนิดหน่อยเพราะวันนี้ทำเวลาได้ไม่ดีเลย แถมฝนก็ยังไม่รู้ว่าจะหยุดอีกทีเมื่อไหร่ เราเลยใช้เวลาช่วงนี้ พยายามหมุนขากระจกให้บิดกลับไประนาบเดิม โดยมีเงื่อนไขว่าต้องไม่ให้เกลียวข้อหมุนไปด้วย เพราะมันแน่นสุด ๆ แล้ว 

    แถมฟลุ๊คสัส ทำได้ด้วย

    บ่ายสองโดยประมาณ เมื่อฝนเริ่มเบาบาง เราออกตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง

    บ่ายสามโมงสิบโดยประมาณ 
    แม้ทุกอย่างจะดูราบรื่นแค่ไหน แต่ชีวิตไม่เคยง่าย และมันไม่เคยยอมให้เราง่ายด้วย

    ฝาครอบแบตมูลค่ามากกว่าแบงค์ม่วง ปลิวหายไประหว่างทาง -อีกแล้ว -เหมือนทริปสุราษฎร์เลย

    บ่ายสามโมงห้าสิบโดยประมาณ

    กางเกงขาด - อีกแล้ว - เหมือนทริปสุราษฎร์เลย
    เราพกกางเกงมาอีกแค่ตัวเดียว -เผื่อไว้ แต่ไม่ได้เตรียมใจว่าจะได้ใส่เร็วขนาดนี้เลย

    สี่โมงสิบโดยประมาณ 
    มันเริ่มมาจาก รถเรารอบตก จากร้อยเหลือเก้าสิบ เหลือแปดสิบ เหลือเจ็ดสิบ ลดลงมาเรื่อย ๆ รถก็หนักขึ้นเรื่อย จนเมื่อรถหยุดสนิท แม้จะปลดเกียร์ว่างแล้ว เรายังไม่สามารถเข็นมันไปข้างหน้าได้เลยด้วยซ้ำ แม่แต่นิดเดียว

    แถม
    สตาร์ทมือไม่ทำงานอีกครั้ง
    ทั้งที่มันเพิ่งออกจากร้านมาเมื่อสามชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง
    ที่เราส่งซ่อมด้วยสาเหตุนี้เอง
    ที่เรายอมเสียเงินซื้อแบตก้อนใหม่ไปนี้เอง

    เราจอดพักรถประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วเข็นใส่เกียร์สตาร์ทแมนนวล จนรถออกตัวได้อีกครั้ง

    แต่ก็ไม่นาน

    สี่โมงครึ่งโดยประมาณ 
    รถเรารอบตกอีกแล้ว นี่เป็นปัญหาใหม่ และเป็นปัญหาใหญ่ - ที่ทริปสุราษฎร์ยังไม่มี นี่เป็นพัฒนาการของปัญหา

    เราต้องหาความช่วยเหลือ

    สี่โมงสี่สิบห้าโดยประมาณ
    เราหาร้านซ่อม
    ช่างไม่อยู่ น่าจะกลับมาอีกทีคือดึกเลย ไอ้ชิบหาย จะห้าโมงอยู่แล้ว ยังอีกไกลกว่าจะถึงนครสวรรค์ จอง - จ่ายตังค์ที่พักไปแล้วด้วย แต่รถก็ยังไม่ได้ซ่อม เราค่อนข้างเป็นกังวล

    เราโดนไล่ให้ไปหาช่างอีกร้าน
    ห้าโมงโดยประมาณ ร้านนี้ช่างเป็นลุงใจดี คุยง่าย แต่ดุเรามาหน่อย เพราะเราปล่อยให้น้ำมันเครื่องแห้ง 

    เราลืมไปเลยย ลืมน้ำมันเครื่องไปเลยย ลุงเติมน้ำมันเครื่องให้ บอกว่าน่าจะพอช่วยได้ พรุ่งนี้ค่อยเข้าไปซ่อมในร้านที่นครสวรรค์อีกทีนะ

    เราได้ออกตัวมาอีกครั้ง ด้วยรถสามอู่ ที่สภาพเหี้ยสิ้นดี วิ่งเครื่องตก สตาร์ทมือเจ๊ง และนอกจากนั้นแล้ว

    หกโมงครึ่งโดยประมาณ เมื่อรอบตกอีกครั้ง เราจอดพักรถพอประมาณ ฟ้าเริ่มมืดมากขึ้น รถราเริ่มเปิดไฟหน้า

    เราเปิดบ้าง

    ไอ้สัส

    ไฟหน้าแทบจะไม่มีแรงเหลือ แถมฝนก็เริ่มปรอยมาอีกครั้ง ฟ้าก็แทบสิ้นแสง

    เหลืออีก 17 กิโลจะถึงที่พัก เราต้องรีบพาตัวเองไปให้ถึงที่พักให้ไวที่สุดโดยที่จะไม่ต้องพึ่งพาไฟหน้าที่ใช้การไม่ได้ พื้นถนนเปียกบ้างประปราย เหมือนฝนเพิ่งหยุดไปในแถบนี้

    นั่นอาจเป็นโชคดีเดียวที่เราได้รับในวันนี้
    คือเราใกล้ที่พักแล้ว

    หนึ่งทุ่มสิบโดยประมาณ
    เราถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ

    ความตั้งใจแรกที่เลือกวิ่งมาทางเส้นนครสวรรค์ก่อนในวันแรก เพราะเราคิดว่าพรุ่งนี้จะแวะเที่ยวเขาหน่อก่อนออกเดินทางต่อไปเชียงคาน
    ไปเจอรูปมาจากในกรุ๊ปเฟสบุ๊ค สวยมากเลย อยากไปบ้าง

    แต่พรุ่งนี้เราคงได้ทัวร์ร้านซ่อมแทนแล้ว และมีแนวโน้มที่จะไม่ได้แวะเที่ยวแล้วด้วย

    แต่ไม่สำคัญหรอก เอาแค่ซ่อมได้เราก็สบายใจแล้ว เราอยากเดินทางต่อไปมากกว่า

    สองทุ่มโดยประมาณ
    หลอดไฟในห้องดังเปรี๊ยะ แล้วดับไป

    อีสัสเอ้ยยยยย

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in