เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แวะเก่งmissporiuz
Bangkok Art Biennale 2020 : ESCAPE Route ศิลป์สร้างทางสุข DAY 3 @ วัดประยูร & ล้ง
  • นี่คือความตั้งใจของเราล้วนๆ เราอยากเก็บนิทรรศการ Bangkok Art Biennale ที่จัดประมาณ 10 ที่ รอบกรุงเทพฯ ให้ครบก่อนนิทรรศการจะจบลง โดยในวันนี้เราวางแผนว่า จะไปเก็บที่วัดประยูร แล้วก็ล้ง จากนั้นก็ไปต่อที่ River City ตรงสี่พระยา

    แต่ดูเหมือนว่าแพลนไม่ได้เป็นไปตามตั้งใจเท่าไหร่ เลยได้ไปแค่สองที่
    ไม่เป็นไรเนอะ เดี๋ยวค่อยเก็บอีกทีช่วงปีใหม่ได้ยาวๆ เลย วันหยุดที่ไม่แน่ใจว่าปีนี้ในกรุงเทพฯ จะโล่งเหมือนทุกทีหรือเปล่า ยังไงก็ภาวนาให้โล่งบ้างอะไรบ้างก็แหละ ฮาาา


    การแต่งกายของเราในวันนี้ ใส่ขายาวนะฮ้าฟว์ เนื่องจากต้องเข้าวัด เพราะมีจัดแสดงที่วัดนั่นเอง เช็คการแต่งกายให้เหมาะกับสถานที่ก่อนอะไรก่อนแล้วกันเนอะ ^_^

    คำเตือน

    เราเล่าในมุมมองการตีความของเรา ความรู้สึกของเรา แต่ไม่ได้ไปตัดสินถูกผิด หรือว่าหากมองแบบอื่นจะผิดหรือถูกหรอกนะ อยากให้ไปเดินและสัมผัสด้วยตัวเองมากกว่า เพราะการไปเจอประสบการณ์จริง และเรียนรู้ร่วมกับเรื่องราวของตัวเองจริงๆ มันดีกว่ามาเปรียบเทียบกับของเราเป็นพันเท่าอยู่แล้ว

  • BAB วัดประยูรฯ

    จะบอกว่าเมื่อก่อนน่ะ เราเรียนที่นี่แหละ วัดประยูรฯ คือไปถูกแบบไม่กางแมพเลยล่ะ (ฮา)



    ไม่ได้มาแถวนี้นานมากกกกก



    ส่วนจัดแสดงแรกที่เดินไป จะอยู่บริเวณรอบๆ เจดีย์ใหญ่ๆ ของวัดนี้เนี่ยแหละ เวลาเดินเข้าไปใกล้ จะมีเสียงเล่าเรื่องขึ้นมา ส่วนจัดแสดงนี้เป็นศิลปะการเล่าเรื่องที่ประสานกับเรื่องของสถานที่นิดนึง

    เอาจริงๆ เราไม่ค่อยเก็ทเรื่องที่เขาเล่ามากนัก อาจเพราะเสียงที่ไม่ได้ฟังชัดขนาดนั้น แล้วก็พอเดินไปอีกจุด จะมีเสียงชุดใหม่ดังขึ้น แล้วมันจะค่อนข้างตีกันนิดนึง แต่คร่าวๆ ว่า มันคือความทุกข์ของคนๆ หนึ่ง ที่ผสมปนเปกันนิดหนึ่ง


    รอบๆ เจดีย์นี้ จะเป็นคล้ายๆ ที่เก็บกระดูกของผู้ตาย ราวกับจะสื่อว่าชีวิตเรานั้นหนีไม่พ้นความตาย หากเดินข้างล่าง จะได้ยินเสียงเรื่องเล่าที่ว่าเต็มไปหมด

    ลองเดินขึ้นไปถ่ายรูปข้างบนดูบ้างอะไรบ้าง


    บันไดที่ทำให้เราขึ้นไปสู่จุดด้านบน อาจจะแคบ และชัน (มาก) เรียกได้ว่า ไม่เอื้อต่อคนที่เข่าไม่ดีเท่าไหร่นัก

    พอขึ้นมาด้านบน น่าแปลกดี ไม่ว่าจะขึ้นไปยืนตรงรอบนอก


    หรือว่ารอบในก็ตาม

    หลังจากที่ขึ้นมาแล้ว เราจะไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้นอีก

    สัมผัสกับลมที่เย็นสบาย วิวรอบๆ ที่เห็นแบบชัดเจนรอบทิศ

    และเมื่อลงมาตามทางที่บังคับลง


    ก็เหลือเพียงตัวเรา เสียงเงียบหายไป
    และรายล้อมด้วยความตาย






  • จำชื่องานชิ้นนี้ไม่ได้แล้ว แต่คร่าวๆ ว่า เป็นเรื่องราวของคนที่ทำงานขายบริการนี่แหละ ตอนที่เดินเข้ามาก็ไม่ได้ยินเสียงชัดเจนอะไรขนาดนั้น

    ลองเดินดูให้รอบๆ ห้องนี้ จะพบว่าเสียงจากลำโพงคล้ายๆ จะแรนดอมเล่นไปเรื่อย และไม่ใช่เสียงของคนๆ เดียวพูดพร้อมกันด้วย

    มันเหมือนกับ บางทีเราก็ต้องเข้าไปเงี่ยหูฟังเรื่องราวของคนอื่นที่เราอาจไม่มีวันเข้าใจเขาเลย แต่บางทีการที่เราฟังมากไป เราก็จะวิ่งเป็นวงกลมไปเรื่อยในวงโคจรตรงนี้ได้เหมือนกันนะ

    บอกเลยว่าถ้าปอไม่ดูเวลาคืออยู่ตรงนี้ได้ทั้งวันจริงๆ อ่ะ

    ส่วนจัดแสดงนี้แอบหายากนิดนึง ถึงกับต้องถามเด็ก BAB ว่าอยู่ตรงไหน ปรากฏว่าอยู่ในโบสถ์(?) นี่แหละ เป็นน้ำผึ้งจากที่ต่างๆ ป้ายที่อธิบายบอกว่า มันสามารถเก็บได้ถึง 2,000 ปี เปรียบเสมือนทองคำในรูปของเหลวที่ล้ำค่า ลองคิดภาพในอนาคตสิ ถ้าอีก 2,000 ปีข้างหน้าผึ้งสายพันธฺุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งที่ทำน้ำผึ้งให้โหลพวกนี้สูญพันธุ์ไป ขวดน้ำผึ้งที่เก็บไว้ตรงนี้ จะมีมูลค่ามากมายแค่ไหนกัน ?

    เนื่องจากส่วนจัดแสดงนี้ อยู่ในโบสถ์ ก็จะได้ฟิลลิ่งก่อนเข้าไปดู ก็คือเกิดความสงบเพราะว่าอากาศคือดีมาก ถ้าวันนี้ปอไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปที่อื่นต่ออาจขอนั่งสมาธิในนี้เลยด้วยซ้ำนะ

    เป็นสถานที่ที่สงบสุดๆ รู้สึกได้ว่าใจเย็นลงมาหน่อยนึงเลยล่ะ

    จบจากตรงนี้เราก็เดินเท้าไปที่ล้งต่อ ย้ำว่าเดินเท้า เพราะเราจำทางได้ 5555 อยู่ใกล้กันในระดับที่คนอย่างเราเดินไหว




    BAB ล้ง



    มาถึงขอกินข้าวเที่ยงก่อนค่า หิวววว

    ทำข้าวกล่องมากินเองอ่ะ นักเลงพอป่ะล่ะ 5555555 
    ชอบตรงที่ล้งมีที่นั่งให้กินข้าวสบายๆ ด้วยนี่แหละ

    ท้องอิ่มแล้วเราก็เดินดูต่ออะไรต่อ

    ส่วนจัดแสดงส่วนนี้เป็นการสื่อความถึงเรื่องราวในอดีต ที่เป็นวิถีชีวิตคนจีนที่ตรากตรำทำงาน ภาพบนเป็นคล้ายๆ กระสอบกับในห้องที่ให้ฟิลลิ่งคล้ายๆ โรงสีสมัยก่อนแบบมาเต็มมาก

    ส่วนนี้ก็เข้าอยู่ในหมวดความทรงจำวัยเด็กเช่นกัน เคยคิดอยากเก็บทุกอย่างจากที่ๆ เราอยู่มาเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำเพื่อดูเป็นของต่างหน้าหรือเปล่าล่ะ? ห้องนี้มาครบเลยนะ บังเอิญว่าสถานที่ในความทรงจำของศิลปินเป็นสวนลุม ก็จะมีความเอาสิ่งที่มาจากบ้านเก่าและสวนลุมมาจัด ไม่ว่าจะเป็นตะไคร่น้ำ เตียงเก่า ฯลฯ ทุกสิ่งล้วนเต็มไปด้วยความทรงจำในวัยเด็ก

    แล้วเราล่ะ มีของอะไรที่ทำให้เราย้อนคิดถึงความทรงจำและความสุขตอนเด็กๆ บ้างหรือเปล่า? เผลอๆ อาจได้เจอและคิดถึงมันบ้างก็ได้นะ ถ้าได้จัดบ้านสักทีน่ะ จริงไหม?


    ห้องนี้เป็นสื่อวิดิโอที่ชื่อผลงานว่า Sender and Receiver เป็นการเอาช่วงรายการท้องถิ่นที่ฉายในช่วงโควิดมาใส่อะไรลงไปนิดหน่อย พอเข้าไปดูแล้วก็เข้าใจพอควรว่าศิลปินจะสื่อประมาณไหนเลย

    คือเราจะเห็นว่ารายการก็ดำเนินไปในแบบของมันน่ะ แล้วสักพักก็จะมีเสียงอะไรสักอย่างมาแทรก ฟังแล้วเหมือนเป็นความคิดเห็นของใครสักคน  แล้วก็จะมีคนที่ใส่ชุดกันเชื้อเดินเข้าไปด้อมๆ มองๆ ทุกๆ คลิปเลย

    ที่เราเข้าใจก็คือ เหมือนเขาต้องการจะสื่อว่า จริงอยู่ที่เวลาเราดูสื่อใดๆ ก็ตาม แต่เรามักจะเอาตัวเราเองเข้าไปอยู่ในนั้นบ้างแหละ และก็มักมาพร้อมกับเสียงวิจารณ์ในหัวนิดนึงด้วย มันเลยทำให้สาส์นที่ส่งจากผู้ส่ง และสาส์นที่เรารับมาแปลกไปได้นะ



    หลังจากเดินล้งจนหนำใจ ก็ว่าจะไป River City ตรงท่าน้ำสี่พระยาต่อตามแผน

    มีความหลงทางนิดหน่อย ไม่ทันเรือที่ไปสี่พระยา เลยต้องเดินไปขึ้นตรงท่าน้ำคลองสาน
    แต่แอบเซ็งตรงที่ BAB ปิดไวมากก มาไม่ทันจ้า เอาไว้เรามาเก็บทีหลังวันอื่นเนอะ ^_^


    เอาไว้ไดอารี่ของเรารอบหน้า เราจะพาไปเดิน BAB ที่ไหนต่อ โปรดติดตามได้เลยค่าาา

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in