ความสามารถขั้นสุดยอดของเฟรมที่รู้มา คือสามารถบอกเวลาจากการดูลักษณะของกลุ่มดาวจระเข้ได้ ถ้าหลงป่ากับเฟรมก็มั่นใจได้เลยว่าน้องคงจะพาเดินตามดาวเหนือออกมาจากป่าได้จริงๆ ในขณะที่อิฉันแค่เดินห้างฯ นี่ยังเคยหลง หาทางออกไม่เจอมาแล้ว
พี่สาวของเฟรม (เป็นเพื่อนเราเอง) เคยเล่าให้ฟังว่า น้องเฟรมชอบดวงดาวตั้งแต่ยังเป็นเด็กทารกตัวน้อย ที่เตียงของเฟรมจะมีโมบายรูปดาวห้อยอยู่ เวลาเฟรมร้องไห้งอแง แค่หมุนโมบาย ก็จะหยุดร้อง แล้วเปลี่ยนเป็นหัวเราะเอิ๊กอ๊ากแทน
โตขึ้นมาหน่อย เวลาเฟรมเล่นซน พ่อก็จะเปิดหนังสือภาพดวงดาวเรียกให้ไปดูด้วยกัน ซึ่งเฟรมก็จะมานั่งดูอย่างสงบเงียบเรียบร้อยทันที หลังจากนั้นพ่อเลยต้องซื้อของที่เกี่ยวกับดวงดาวมาเก็บไว้เต็มห้อง เพื่อหลอกล่อและรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ กลายเป็นว่าเฟรมมีคอลเล็กชั่นดวงดาวสะสมมาตั้งแต่เด็กๆ
เพื่อนเรายังเล่าด้วยความริษยาว่าน้องชายมีกระทั่งกล้องโทรทรรศน์เอาไว้ดูดาวเป็นของตัวเองตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าเรียนอนุบาล (เอิ่ม...ห้องนอนเรายังมีแค่โทรทัศน์จอนูนเอง)
พอโตขึ้นมาอีกนิด พ่อก็พาเฟรมไปเที่ยวท้องฟ้าจำลอง โดยปกติเด็กอย่างเราไปกันแค่ครั้ง หรืออย่างมากสองครั้งก็เบื่อแล้ว แต่สำหรับเฟรมไปครั้งแรกคือติดใจมาก กลับบ้านก็คะยั้นคะยอให้พ่อพาไปอีก...พาไปแล้วพาไปอีก...พาไปแล้วพาไปอีก ไปมันสัปดาห์ละแปดวัน (ถ้ามีแปดวันอะนะ) จนพ่อเริ่มเซ็ง เอ็งสนุกอยู่คนเดียว พ่อไม่ได้ดูดวงดาวรู้เรื่องเหมือนเอ็งนะ
แต่ด้วยความรักลูก (และรวย) (และขี้เกียจไปดูดาวแล้ว) พ่อของน้องเฟรมจึงทุ่มงบประมาณ...หลายบาท (ไม่สะดวกเปิดเผยราคา) เนรมิตห้องนอนส่วนตัวของลูกชายใหม่หมด เอ้า อยากดูดาวใช่มั้ยลูก พ่อยกท้องฟ้าจำลองมาไว้ที่ห้องของลูกแล้วนะ ดูให้ฉ่ำปอดไปเลย
เราก็ไม่เคยเห็นกับตาว่าห้องนอนของเฟรมจะหน้าตาเหมือนระบบสุริยะจักรวาลแค่ไหน แต่ที่รู้คือ เมื่อปรับแต่งห้องส่วนตัวเสร็จน้องเฟรมก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องนอน และไม่เคยเรียกร้องให้พ่อพาไปท้องฟ้าจำลองอีกเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in