เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Interviewอ่าน-คิด-เขียน
(ไม่)ให้ไพ่ทำนายกัน

  • พูดคุยกับนักดูดวงที่มองว่าไพ่ทาโรต์ไม่ใช่เพียงการทำนาย


    “จากการดูให้หลาย ๆ คน เรามองว่า
    สุดท้ายแล้วเราเชื่อตัวเองดีกว่านะ อย่าไปเชื่อไพ่ขนาดนั้น” 
    (โบ)


    “เหมือนบางที เราแค่ต้องการคำพูดบางคำ เราต้องการแค่นั้นเอง” (ป๊อป)




               กระดาษใบเท่าฝ่ามือถูกจั่วออกมาวางเรียงกันบนโต๊ะ เมื่อพลิกด้านมาก็เจอกับสีสันลวดลายที่แตกต่างกันออกไป แต่ละใบแทนคำทำนายแด่คนที่สงสัยในโชคชะตา ผู้คนจำนวนหนึ่งเรียกมันว่า ไพ่ทาโรต์ ...


               ปัจจุบันการดูดวงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เช่น การดูดวงผ่านสื่อออนไลน์ อย่าง Line ดูดวง หรือการพึ่งพาสีเสื้อมงคล รวมไปถึงการใช้ไพ่ทาโรต์โดยอ่านความหมายของไพ่ที่จับขึ้นมาก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมไม่แพ้กัน


                วันนี้เราได้มีโอกาสมาพูดคุยกับ นิสิตสองคนที่ดูดวงผ่านไพ่ทาโรต์ และเริ่มดูดวงให้คนอื่นเป็นงานอดิเรก จนเริ่มสร้างรายได้เล็ก ๆ ให้กับตัวเอง

    ​​         

           โบ พัสวี กรรณเทพ และ ป๊อป กุลภัสสร์ ศุภวิวัฒนกุล นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะมาพูดถึงการดูดวงผ่านไพ่ ที่ทำให้ได้ฉุกคิดว่า จริง ๆ แล้ว เราดูดวงเพื่ออะไรกันแน่






                 โบและป๊อปมาถึงพร้อมไพ่สี่สำรับในมือ ทั้งสองจัดวางไพ่บนโต๊ะ แนะนำให้เรารู้จัก ไพ่ทาโรต์และไพ่ Oracle โบอธิบายว่าไพ่ทาโรต์เป็นศาสตร์ที่มีมานานแล้ว มีทั้งหมด 78 ใบ ใช้ดูได้ทั้งเรื่องใหญ่ ๆ หรือเหตุการณ์ยิบย่อยในชีวิตประจำวัน ส่วน Oracle จะมีหลายธีม ขึ้นอยู่กับคนวาด เช่น Flower Remedies ซึ่งเป็นไพ่แห่งการให้กำลังใจ หรือ Romance Angels ที่เกี่ยวกับความรัก เมื่อถามถึงไพ่ที่ชอบที่สุด ป๊อปตอบทันที่ว่าเป็น ไพ่เจ้าแม่กวนอิม เพราะเป็นไพ่ชุดแรกที่ซื้อ และกล่าวเสริมว่าไพ่แต่ละชุดช่วยดูในเรื่องที่ต่างกัน แล้วแต่ว่าจะเลือกมาดูเรื่องอะไร

          

    เปรียบตัวเองเป็นไพ่สักใบ

    โบ: ให้อธิบายตัวเอง ใช่มั้ย ยากมากเลย เอาจริงมันแล้วแต่เรื่องไหนด้วยแหละ ชีวิตเรา คนเรา บางทีมันก็มีหลายตัวตน


    ป๊อป: ใช่ มันมีหลายตัวตน แล้วแต่ละเรื่อง ตัวตนแต่ละแบบมันแสดงออกมาไม่เหมือนกัน 


                แม้จะคิดหนักแต่ทั้งสองคนก็หยิบไพ่ในมือมาคนละใบสองใบและเริ่มอธิบายให้เราฟัง



    ป๊อป:  เราว่า Hermit มั้ง เพราะว่าอยู่คนเดียว (หัวเราะ) แต่ก็ไม่ได้อยู่คนเดียวขนาดนั้น เหมือนชอบอยู่คนเดียว ชอบคิดเยอะอะไรแบบนี้ หรือว่า The moon ก็ได้ เพราะว่า Depression 


    ป๊อป: จริง ๆ เราก็ชอบ The fool นะ เป็นคนที่ บอกยังไงดี ชื่อมันคือคนโง่ใช่มั้ย จริง ๆ มันก็โง่นั่นแหละ (หัวเราะ) แต่มันเป็นคนโง่ที่พร้อมรับอะไรใหม่ ๆ เหมือนเป็นเลข 0 คือเรามองว่าเราก็เป็นคนโง่คนหนึ่ง เพราะเราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราเลือกมันจะถูกหรือผิด มันมีความเป็นไปได้ในชีวิตเยอะ ก็ยังไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราก็ยังรู้สึกดีนะ อะไรทำนองนี้


    โบ: เราก็ว่ามีหลายแง่มุมอย่างที่บอก แต่ถ้าเอาตัวตนจริง ๆ เราว่าเราเป็น The star นะ เพราะว่า The star มันดูมีหลายอย่างมาก ๆ ที่บอกความเป็นตัวเรา จริง ๆ The star มันก็คือดาว มันคือความหวัง รอบ ๆ มันมืดไปหมดใช่ไหม แต่ช่างมัน เราไม่สนใจ เรามีดาวที่เด่นที่สุดอยู่แล้ว เรามีเป้าหมาย เราจะมองไปแค่ที่ดาวอย่างเดียว อะไรประมาณนี้


              ตัวตนของทั้งสองคนเด่นชัดขึ้นผ่านการบอกเล่าจากกระดาษใบเล็กกว่าฝ่ามือ ต่อไปเราจึงตัดสินใจถามเรื่องการดูดวง ว่าประตูบานใดที่นำพาให้ทั้งสองคนเข้าสู่โลกใบนี้



     จุดเริ่มต้นการดูดวงผ่านไพ่ทาโรต์

    ป๊อป: พ่อดูค่ะ พ่อเป็นคนที่ดูไพ่เหมือนกัน แต่เขาดูแบบ มีกงมีกรรม อะไรแบบนี้ เขาซื้อมาเก็บไว้ เราก็เลยสนใจไพ่ เพราะผู้หญิงคนนี้เขาโป๊ (ชี้ไปที่ไพ่ The star) มันมีความสนใจอะไรบางอย่างจากการที่เราเห็นภาพ เราเลยไปถามที่บ้าน แต่ที่บ้านอธิบายไม่ได้ (หัวเราะ) ทีนี้เราไปเล่นเกมที่มีธีมเป็นไพ่ ตัวละครทุกตัวเป็นไพ่ ตัวเอกเป็น The fool เราก็เลยสนใจ หลังจากนั้นเราก็ไปเจอ Pick a card* ที่เขาลงใน Youtube เล่น ๆ​


                *Pick a card คือ การดูไพ่ที่กำลังเป็นที่นิยม สามารถทำผ่านสื่อออนไลน์ได้ คนดูดวงจะตั้งคำถาม แล้วแยกไพ่เป็นกอง ๆ จากนั้นให้ผู้ชมเลือกไพ่หนึ่งกอง แล้วอ่านคำทำนายตามไพ่กองนั้น ๆ 


    ป๊อป: ตอนที่ทำให้เราสนใจจริง ๆ เป็นเพราะว่าช่วงนั้นเราดีเพรสมาก เราซึม เราไม่สามารถที่จะหาใครหรือคำพูดที่ถูกใจได้  แล้วเราไปเจอคลิปในอินเตอร์เน็ต มันเกี่ยวกับชีวิตโดยรวมอะไรแบบนี้ มันมีวิดีโอคลิปหนึ่งที่เราไปดู แล้วมันโดนใจเรา ไม่เชิงว่าโดนใจ แต่เหมือนเขาพูดอะไรบางอย่างที่มันกระทบใจ ทำให้เรานั่งร้องไห้ แล้วเราคิดมากขึ้น มันทำให้เราคิดว่า การดูไพ่มันทำให้เรารู้สึกดี มันเสริมพลังงานด้านบวก เหมือนให้คำปรึกษา บางคนอาจจะต้องการความมั่นใจในตัวเอง อย่างเรา คลิปนั้นจริง ๆ มันคือ สิ่งที่คุณควรได้ยินที่สุดในตอนนี้ ก็ฟังปุ๊บ ปรากฏว่าเขาให้กำลังใจเรา ประมาณว่า 'สิ่งที่เธอทำมันโอเคแล้วนะ ที่พยายามน่ะ พยายามดีแล้ว'  เหมือนบางทีเราแค่ต้องการคำพูดบางคำ เราต้องการแค่นั้นเอง ราไปหาคนอื่นแล้วบางทีเขาไม่สามารถพูดให้เราฟังได้ มันเป็นสิ่งที่เราอยากได้ยิน ทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น เข้าใจสิ่งที่เราต้องการมากขึ้นด้วย


    โบ: ของเรา จริง ๆ ดู Pick a card ด้วย แต่ที่เริ่มจริงจังคือ ป๊อปซื้อไพ่มาแล้วเอามาเล่นด้วยกัน มันเป็น Oracle นะ เกี่ยวกับการค้นเข้าไปในใจเรา ตอนนั้นเพิ่งขึ้นปี 4 เลยรู้สึกว่าเดี๋ยวมันจะเคว้งมากเลย ไปไหนดีนะ เลยลองถามป๊อป ให้เปิดไพ่ที่ซื้อมา เปิดมาปุ๊บเป็นไพ่สีแดง ทีนี้พออ่าน มันพูดว่า ตอนนี้อย่าไปคิดอะไรมาก เดี๋ยวมันก็ดีเอง แต่สิ่งที่เราชอบก็คือ ในนั้นมันเป็นสีแดงฉาน พอมองเข้าไปเองรู้สึกว่ามันน่ากลัว แล้วป๊อปทักขึ้นมาว่ามันสวย คือมองไม่เหมือนกัน ป๊อปบอกว่าเป็นปีกของนางฟ้า แต่เรามองเป็นปากอะไรก็ไม่รู้น่ากลัวมาก มันเลยสะท้อนว่า ในใจเรา เรายังกลัวอยู่ แต่จริง ๆ มันอาจจะไม่น่ากลัวก็ได้





    ตีความจากไพ่อย่างไร

    ป๊อป: จริง ๆ ภาพแต่ละภาพมันเป็นศิลปะ ภาพที่วาดมาแต่ละแผ่น คนที่วาดเขาต้องการจะสื่ออะไรหลาย ๆ อย่างในภาพอยู่แล้ว อย่างในภาพหนึ่งมันมีหลายอย่าง สีนี้สื่ออะไรได้บ้าง ทำไมมีหัวใจ ทำไมมีต้นไม้ ทุกอย่างในภาพมันมีความหมายหมด


    โบ: แล้วมันก็แล้วแต่ครั้งด้วย ว่าเวลาเราอ่าน เราโฟกัสที่จุดไหน มันก็จะบอกว่าเราคิดอะไรอยู่


    ป๊อป: เช่นดูอย่าง Hanged Man ถ้าเรามองตรงตัวมัน เราจะรู้สึกว่าอาจจะเหนื่อยรึเปล่า เจ็บอยู่ แต่วันหนึ่ง ถ้าเรามองหัวตรงนี้ อาจจะแปลว่าคิดเรื่องที่ดี ๆ อยู่ก็ได้


    โบ: จริง ๆ มันมีสัญญะด้วยนะ ของมันเอง


    ป๊อป: ใช่ มันมีเนื้อเรื่องของมันนะ ไพ่แต่ละอันมันเริ่มจาก 0 ใช่มั้ย เป็น The Fool ไปจนถึง The World ที่เป็นจุดจบ คือความสมบูรณ์ แล้วกลับมาที่ The Fool ใหม่ เป็นวงจร มันแทนจุดต่าง ๆ ในชีวิตที่ผ่านมา เช่น The Fool แล้วเป็น The Magician เป็นจุดที่สนุกสนาน สร้างความสามารถ แล้วมาถึง The Tower ที่ พัง แต่พังแล้วไพ่ต่อมาก็คือ The Star แปลว่าไม่ได้หมดความหวัง เหมือนชีวิตชีวิตหนึ่ง


    ไพ่คือศิลปะ --- ชีวิตคือศิลปะ --- ไพ่คือชีวิต ?





    แล้วจากการดูดวง ส่งผลต่อการมองชีวิตไหม 

    ป๊อป: ทำให้การมองชีวิตเปลี่ยนระดับหนึ่ง ไม่เชิงว่าทำให้เรามองชีวิตเป็นอะไรที่กระทบได้โดยไพ่ หรือดูแล้วต้องเป็นแบบนั้นจริง ๆ แต่เป็นอย่างที่บอกว่า มันเยียวยาเราได้ ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นกับชีวิต เรามองโลกในระดับที่เราแก้ปัญหาได้ ไม่ใช่ในแง่ว่าเรารู้อนาคตแล้วต้องไปแก้อะไรนะ แต่มันทำให้เราดูตัวเองได้ เข้าใจตัวเองว่าต้องการอะไร


    โบ: ถ้าเทียบกับการเข้ามาเรียนที่อักษรฯ ไพ่เป็นส่วนเล็กมาก ๆ การมาเรียนเปลี่ยนชีวิตเยอะกว่า แต่ไพ่เป็นตัวที่เราได้เอาสิ่งที่เราเปลี่ยนไปมาใช้อีกที งงมั้ย (หัวเราะ) ก็เพราะอักษรฯ ชอบให้เรียนวรรณกรรมที่ทุกคนมีปัญหาชีวิตแล้วไม่รู้ตัว แล้วการมาดูไพ่มันเหมือนกับการคุยกับตัวเองมาก ๆ พอเราดูให้ตัวเอง เราเปิดมาแล้วเราก็ได้คิด อ๋อ ไพ่ออกมาแบบนี้ ก็เลยได้คิดว่า เออว่ะ เราคิดแบบนี้รึเปล่า เหมือนได้ค้นในใจ


    ป๊อป: เราอาจจะเถียงก็ได้  มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ไม่ใช่ว่าเราเอียงไปตามนั้นเลย เราอาจจะได้ทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้นในชีวิต มันทำให้เรารู้สึกเหมือนที่ไพ่บอกจริงมั้ย ถ้าไม่ใช่ก็จบ แต่ถ้าใช่ก็ลองคิด


    โบ: เรารู้สึกว่าไพ่จะเตือนให้นึกถึงอะไรที่เราลืม มันคือเรานี่แหละ เราที่เห็น เราดูความหมายไพ่ แล้วแบบ เออก็จริงนะ บางทีมันเป็นเรื่องที่เราลืมไปแล้วจริง ๆ ก็เหมือนมีเพื่อนมาเตือน ว่า เออ…ควรไปทำเปเปอร์ได้แล้ว อะไรแบบนี้ (หัวเราะ)



    บทบาทในฐานะ "หมอดู" เป็นอย่างไรบ้าง

                ตอนนี้ป๊อปและโบรับดูดวงจากไพ่ให้ลูกค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์เช่นทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม และยังดูดวงให้เพื่อนในยามว่างอยู่บ่อยครั้ง


    ป๊อป: ตอนแรก ก็เล่นกันเองในกลุ่ม แต่มันน่ากลัวนะเวลาดูให้คนอื่น คือเราก็ไม่รู้ว่าจริงมั้ย ไม่กล้าพูดตามที่เราคิด


    โบ: เวลาดูแล้วตรงแล้วรู้สึกดีมากนะ เราอ่านตามสิ่งที่เราคิดจากไพ่ แล้วมันตรงกับคนที่เขามาปรึกษา เราก็รู้สึกว่าแบบ เลิศ (หัวเราะ) มันคือความ Amazing นะ เราหาคำอธิบายไม่ถูก บางคนก็ไม่รู้จักกันจริง ๆ แล้วมันตรง เขาก็เปิดใจให้เรา เล่าเรื่องให้เราฟัง แต่เราบอกทุกคน ทุกครั้งเลยว่า ถึงจะรู้สึกว่าตรงก็ให้กลับไปคิดเองอีกทีหนึ่งนะ ไม่อยากให้เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วทำตาม



    ถ้าเกิดดูให้แล้วไม่ตรงล่ะ

    โบ: จริง ๆ มันก็ไม่ควรเป็นความผิดใครนะ ถ้ามันไม่ตรง เรารู้สึกว่าจุดประสงค์จริง ๆ มันไม่ได้ดูเพื่อทำนายอนาคตให้ใครเลยสักคนเดียว เราดูเพื่อเอามาคุย แต่บางคนเขาไม่ได้คิดแบบนั้น เขาคิดว่าไพ่คือการทำนายดวง เมื่อก่อนเราก็เคยเป็นนะ แบบมันต้องเป็นแบบนี้ ๆ ถ้าไม่ตรงก็รู้สึกว่า อ้าว ทำไมไม่แม่นเลย แต่สำหรับเรามันเหมือนการพูดคุย การค้นปัญหา การให้กำลังใจ บางทีก็เลยกลัวความคาดหวังจากคนอื่นนะ


    ป๊อป: ลูกค้าที่ไม่ค่อยโอเคก็มี พอตอบไม่ได้ตามต้องการก็จะโกรธ สมมติเขามาถามว่า คน ๆ นี้ชอบฉันมั้ย แต่เป็นชื่อศิลปิน แต่เราก็ไม่ได้พูดตรง ๆ นะ ก็ใช้คำดี ๆ (หัวเราะ) เช่น เขาอาจจะสนใจแค่เรื่องงานนะคะ หรือมีคนถามเรื่องเซนซิทีฟมาก ๆ เราจะร้องไห้เลย เราจะบอกเขาตลอดว่า รู้ใช่มั้ยว่า การมาดูดวงเหมือนการให้คำปรึกษา เราให้ได้ส่วนนึง แค่ส่วนที่เราให้ได้ แต่คุณก็ต้องคิดเองนะ ชีวิตของคุณคือการตัดสินใจของคุณ



    หลังเปลี่ยนบทบาทมาแล้ว ส่งผลต่อการมองชีวิตเราด้วยไหม

    โบ: จากการดูให้หลาย ๆ คน เรามองว่า แม้ว่าไพ่มันจะดูตรงแบบตรงมาก สุดท้ายแล้วเราเชื่อตัวเองดีกว่านะ สิ่งที่อยู่ข้างใน การตัดสินใจ การมองภาพรวมของเราเอง ซึ่งอาจจะมีอิทธิพลมาจากไพ่ก็ได้แต่สุดท้ายมันคือเรา อย่าไปเชื่อไพ่ขนาดนั้น สุดท้ายอยากให้มันเป็นการตัดสินใจที่อย่างน้อยก็เป็นตัวเรา


    ป๊อป: คือจริง ๆ อย่างที่บอกว่าเพราะว่าไพ่มันคือให้คำปรึกษา บางคนมันต้องการไง ไม่ใช่ว่าเขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ ๆ ต้องแก้ไขแน่ ๆ บางทีเขาแค่อยากเล่าให้ใครสักคนฟัง ที่เขามาหาหมอดู มันไม่ใช่ว่าเขาอยากได้การแก้ไขร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คือเขาเครียด อยากคุยอะไรกับใครสักคน


    โบ: บางคนพอดูเสร็จก็จะบอกว่า ขอบคุณมากนะ โล่งมากเลย อะไรแบบนี้


    ป๊อป: เหมือนเขาอยากหาคนคุยด้วย เขาพิมพ์มาเป็นย่อหน้าเลยนะ เราก็แค่ไกด์เขา คุณคิดอย่างนี้จริง ๆ มั้ย พอถึงจุดนึงเขาก็จะรู้เอง บางทีเขามาเพื่อกำลังใจโดยเฉพาะ เคยมีคนมาถามเรื่องจะสอบติดหรือเปล่า แล้วเราดูได้ว่าไม่ติด แต่เราเพิ่มให้ พวกคำแนะนำ เราก็ดูเพิ่มให้ยาวมากเลยนะ เป็นสองเป็นสามย่อหน้าแต่คำถามหนึ่ง 29 บาท (หัวเราะ) แต่เขาก็ขอบคุณมาก บางทีเขารู้อยู่แล้วแหละว่าเขาไม่ติด


    "ที่เขามาหาหมอดู มันไม่ใช่ว่าเขาอยากได้การแก้ไขร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คือเขาเครียด อยากคุยอะไรกับใครสักคน"



    บางคนไม่อิน มองว่าเป็นเรื่อง “งมงาย” คิดเห็นอย่างไรบ้าง

    โบ: เอาเท่าที่เคยเจอ มันมีนะ คนที่ไม่เชื่อ แต่เขามาตัดสินเลยทันที แล้วทำร้ายจิตใจเรา ซึ่งเราไม่โอเคเท่าไหร่ ความคิดเห็นก็ต่างกันได้ แต่ไม่อยากให้ลำเส้นกันเกินไป ไม่เชื่อก็คือไม่เชื่อ เราเคารพความเชื่อแต่ละคน


    ป๊อป: ในส่วนของเรา เราว่ามันปกติมากที่คนไม่เชื่อ ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรนะ เขามีสิทธิ์ แค่เขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์คล้าย ๆ กัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ใช่ความผิดที่เขาจะไม่ชอบ 




    เราเปรียบตัวเองกับไพ่ไปแล้ว แล้วไพ่ล่ะ คืออะไร

    โบ: เป็นเพื่อน มีหลายคน เพราะมีไพ่หลายชุด (หัวเราะ) นิสัยไม่เหมือนกันด้วย มันเหมือนเพื่อนตรงที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย บางอันก็ตอบดี ช่วยให้เรารู้สึกดี บางคนก็พูดตรง ๆ 


    ป๊อป: เช่น ถามว่าชีวิตจะเป็นยังไง ออกมาเป็น Tower คือพังครืน (หัวเราะ)


    ป๊อป: ส่วนของเราก็เป็นคนที่เข้าใจแล้วก็ให้กำลังใจเรา (เรา: ช่วยเรื่องอาการที่เป็นอยู่ด้วยไหม?)
      จริง ๆ เรารู้สึกว่าการรักษาอาการซึมเศร้าเนี่ย ส่วนหนึ่งมันมาจากตัวเองด้วย คนปลอบให้ตายก็ไม่หายถ้าไม่มีบางอย่างในตัวเองที่ปลดล็อค ไม่ใช่ว่าเราต้องปลอบตัวเองนะ มันไม่ใช่การปลอบ ปลอบตัวเองให้ตาย แต่ถ้าไม่เข้าใจก็จบ ไม่หายเลย จริง ๆ นะ คือนั่งอยู่ เราคิดในใจว่าเราเก่งแล้ว แต่เราไม่เข้าใจว่าเก่งยังไง หรือคนอื่นบอก ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็ดีเอง แกเก่งอยู่แล้ว เราก็คิดในใจ ฉันเก่ง เก่งตรงไหนวะ (หัวเราะ) มันคิดไม่ออกอะ แต่ไพ่บางทีมันก็มาเตือน มันมีบางอย่างที่สะกิดได้ บางคนมันต้องการแค่บางอย่างแล้วมันพลิกเลยนะ สำหรับเรา บางอย่างที่เข้ามาพลิกส่วนเป็นเพราะไพ่แหละ แต่ไม่ได้หมายความว่าส่วนอื่นไม่ช่วย อย่างเช่น รอบตัวเราดีขึ้น หรือแบบ เราปลงได้ 


    วิธีที่ไพ่ช่วย "สะกิด" 

    ป๊อป: เราจะใช้อย่างนี้นะ สมมติเราเศร้ามาก ๆ มันเป็นเรื่องค่อนข้างไร้สาระด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้จะไปคุยกับใคร สมมติเราถามว่า ตาอยู่ข้างบนเป็นยังไงบ้าง ถ้าตอนนี้ตาพูดกับเราได้จะพูดอะไร มันก็คือการมโนนั่นแหละ แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ปลดล็อคอะไรบางอย่างจากเรื่องที่เศร้ามาก ๆ เป็นวิธีการระบายของเราเอง บางทีเราไม่เข้าใจว่าทำไมชีวิตเราต้องเป็นอย่างนี้ ซึ่งจริง ๆ ไพ่ก็ตอบไม่ได้เว้ย แต่ไพ่ให้กำลังใจได้ 


    โบ: บางทีเราถามไพ่ไป ไพ่ก็ตอบนะว่า 'ไม่รู้เหมือนกัน' (หัวเราะ) ไพ่มันไม่ได้ตอบคำถามจริง ๆ หรอก มันแค่พูดว่า 'เฮ้ย ไม่เป็นไรนะแก'


    ป๊อป: ซึ่งมันก็เป็นมุมมองของเราด้วยนั่นแหละ




               การสัมภาษณ์จบลงพร้อมกันท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสี เราลองขอให้โบและป๊อปดูไพ่เกี่ยวกับชีวิตช่วงนี้ให้ ไพ่ที่ออกมาคือ Impatiens บอกเราว่า ให้ใช้ชีวิตไปอย่างไม่รีบร้อน เวลาเป็นของเรา ก้าวเดินช้า ๆ ไปตามทางเถอะ 

              

               โบและป๊อปเก็บไพ่ที่กระจัดกระจายลงกล่อง ส่วนเราก็กล่าวขอบคุณทั้งสองคน ก่อนจะแยกย้ายกันไป

               

              บางคนอาจมองไพ่เป็นเรื่องของการทำนายดวง หรือทำนายอนาคต บางคนมองเป็นเรื่องงมงาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางคนมองเป็นเครื่องให้กำลังใจส่วนตัว เป็นกุญแจที่ปลดล็อคตัวเอง และทำให้ฉุกคิดอะไรได้มากกว่าที่คิด


         บางทีชีวิตก็คงเหมือนไพ่ มีหลายมุมให้เลือกมอง และเป็นเราที่เลือกเอง



    ผู้ให้สัมภาษณ์: กุลภัสสร์ ศุภวิวัฒนกุล และ พัสวี กรรณเทพ


    สัมภาษณ์และเรียบเรียง: ชัญญานุช ปั้นลายนาค


    ภาพประกอบ: ชัญญานุช ปั้นลายนาค


    ผลงานสืบเนื่องจากรายวิชา #ศิลปะการเขียนร้อยแก้ว ปีการศึกษา 2561  #ห้องเรียนเขียนเรื่อง 


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in